เมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคมนี้คนไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวก “ฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด” ต่างช่วยกันส่งเรื่องตลกที่มีการเขียนว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีทุนจดทะเบียนเพียง 5 ล้านบาท บริษัทตั้งอยู่แถวๆ พหลโยธิน จดทะเบียนตั้งบริษัทเมื่อเดือนเมษายน 2563 (ย้ำว่าเพียงปีเดียว) แต่ดันกระเสือกกระสนทุรนทุรายอยากจะนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท จากต่างประเทศ เพื่อนำมาขายให้รัฐบาลไทย
ที่น่าสมเพชยิ่งกว่าคือเกมการเมืองที่หมายจะสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลในครั้งนี้ เกิดมีสื่อมวลชนไทยบางสำนักเร่งรัดนำเอกสารสองแผ่นที่หาแก่นสารไม่ได้ไปเผยแพร่แล้วเขียนโปรยข่าวให้หวือหวาประมาณว่า รัฐบาลทำงามหน้า เพราะไม่ยอมให้เอกชนเข้าพบเพื่อนำเสนอเรื่องการนำเข้าวัคซีนตัวนี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องประณามสื่อ ที่ทุรนทุรายนำเสนอประเด็นข่าวโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รอบด้าน ทำให้สาธารณชนเข้าใจว่าสื่อ กลุ่มดังกล่าวมีเจตนาแอบแฝง หวังทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาล ในขณะที่สาธารณชนกำลังเกิดความคลางแคลงใจการทำงานของรัฐบาลเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 และมีข้อมูลอีกว่าคนของบริษัทดังกล่าวส่งจดหมายถึงราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อขอเข้าพบผู้บริหารราชวิทยาลัยฯ เพื่อขายวัคซีนที่ตนอ้างว่าเป็นตัวแทนจำหน่าย จำนวน 20 ล้านโดส แต่ผู้บริหารราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ก็เขียนในเฟซบุ๊คว่าไม่น่าจะมีโอกาสได้เข้าพบ เพราะดูแล้วพบว่าความน่าเชื่อถือยังไม่ได้มาตรฐาน
สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ และไม่รู้ขั้นตอนของการเป็นตัวแทนจำหน่ายยาจากต่างประเทศ อาจจะเข้าใจผิดว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ เพราะอุตส่าห์ทุรนทุรายตะเกียกตะกายไปช่วยหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตัวใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้คนไทยได้ใช้ ในขณะที่เห็นว่ารัฐบาลไทยยังไม่สามารถหาวัคซีนอื่นๆ ได้ ซึ่งก็ต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็นแค่เพียงละครการเมืองเท่านั้น เพราะแม้หลายคนอาจจะไม่พอใจที่รัฐบาลไทยทำงานเรื่องการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล่าช้า แต่คนไทยจำนวนมากก็ยังมีสติปัญญามากพอ ที่จะไม่ไว้ใจบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งตั้งเพียงปีเดียว แต่สาระแนจะผันตัวเองไปเป็นผู้นำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
ขอบอกว่า ในขณะนี้มีบริษัทเอกชนจำนวนไม่น้อยต่างดิ้นรนเพื่อแสวงหากำไรจากการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดต่างๆ จากแหล่งผลิตทั่วโลก เพราะเข้าใจเอาเองตามประสาคนขายของจำพวกจับเสือมือเปล่าที่จ้องฟันกำไรก้อนมหึมาในสภาวะที่สินค้าขาดแคลน แต่ก็ต้องบอกว่าคนโลภที่หวังจะฟันกำไรง่ายๆ อาจจะคิดตื้นๆ ว่าการค้าขายยาสำคัญในช่วงวิกฤตินั้น ไม่ต่างไปจากการนำเข้าผ้าอนามัยหรือครีมทาฝ่าเท้าแตกเข้ามาจำหน่าย
การขายยาสำคัญในช่วงวิกฤตินั้นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะต้องติดต่อกับรัฐบาลหรือตัวแทนของรัฐบาลเท่านั้น ไม่มีผู้ผลิตรายใดติดต่อกับบริษัทเอกชนต๊อกต๋อยเป็นอันขาด แล้วที่สำคัญอีกประการคือหากใครที่แอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของผู้ผลิตวัคซีน ก็ต้องมี dossier (รายละเอียดการผลิต และรายการประกอบตัวยา) ที่ผู้ผลิตมอบให้ หากไม่มี dossier ก็หมายความว่าไอ้พวกนี้มีพฤติกรรมแหกตา หวังจับเสือมือเปล่า ขออภัยที่ต้องบอกว่า แม้รัฐบาลไทยอาจจะไม่ฉลาดมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีองค์กรดีๆ มีคุณธรรมในไทยที่ยังมีคนฉลาดๆ ทำงานอยู่อีกมาก แล้วคนเหล่านั้นเขาสามารถติดต่อกับผู้ผลิตวัคซีนได้โดยตรง เขาไม่จำเป็นต้องอาศัยพ่อค้าเด็กๆ จากบริษัท No Name ไร้ความน่าเชื่อถือ อย่าคิดมาหลอกกันให้เสียเวลาเลย ไปนำเข้าผ้าอนามัย หรือครีมทาฝ่าเท้าแตกเถอะ เพราะมันหลอกคนที่ไม่รู้เรื่องได้ง่ายกว่าเยอะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี