น่าเวทนา... ที่ฝ่ายค้าน และฝ่ายต่อต้านรัฐบาลบางคน ยังติดหล่มโคแวกซ์ COVAX
ยังพยายามพูดซ้ำซาก วกวน มั่วๆ ว่ารัฐบาลตกขบวนโคแวกซ์
ล่าสุด นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทำอย่างกับว่าไม่ได้อ่านข่าวสารบ้านเมืองมาเลยสักครึ่งปี แล้วก็ลุกขึ้นกล่าวหากลางสภา ว่าประเทศไทยตกขบวน COVAX ส่งผลกระทบต่อการบริหารวัคซีน คาดคั้นให้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมรับเถิด!!!
1. นายแพทย์นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จำเป็นต้องออกมาชี้แจง (ครั้งที่ล้าน)
เพจ Thailand FACT Today สรุปมาให้อ่านชัดๆ ระบุว่าโครงการ COVAX มีประโยชน์สำหรับประเทศที่มีรายได้น้อยที่จะได้รับวัคซีนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่เมื่อเข้าร่วมโครงการ ต้องชำระเงินเอง บวกกับมีค่าบริหารจัดการ เพิ่มเติมเข้ามา และวัคซีนที่ส่งมอบเกือบทั้งหมดในเวลานี้คือวัคซีนแอสตราเซเนกา ซึ่งไทยผลิตใช้ในประเทศอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่เกิดประโยชน์อะไรที่จะจองซื้อวัคซีนกับ COVAX แล้วต้องจ่ายแพงกว่าการซื้อตรงจากบริษัท
และเมื่อเกิดการระบาดในประเทศอินเดียที่เป็นแหล่งผลิตใหญ่ของวัคซีนโครงการ COVAX ทำให้การส่งมอบวัคซีนไม่เป็นไปตามแผนของ COVAX ประเทศที่จองซื้อวัคซีนต่างได้รับวัคซีนล่าช้า
ในส่วนของข้อกังวล เรื่องการนำวัคซีนแอสตราฯ มาใช้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จนถึงผู้สูงอายุ ทั้งที่แผนเดิม กำหนดให้ใช้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปี เป็นหลัก ขณะเดียวกันได้นำวัคซีน Sinovac มาให้บริการผู้สูงอายุด้วย ขอเรียนอธิบายว่า วัคซีนแอสตราเซเนกา มีข้อบ่งใช้ในคนอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไปอยู่แล้ว เพียงแต่ในช่วงแรก ประเทศไทยได้รับวัคซีนมาเพียงแค่ 117,000 โดสจึงสงวนไว้สำหรับผู้สูงอายุ เพราะมีความเสี่ยงสูง หากได้รับเชื้อ แต่เมื่อมีวัคซีนเพิ่มมาจึงให้ใช้กับวัยรุ่น ในขณะที่ Sinovac ตอนแรกไม่มีข้อมูลการทดลองในผู้สูงอายุ จึงกำหนดข้อบ่งใช้เฉพาะ18-60 ปี เมื่อมีข้อมูลการใช้จริงในประเทศต่างๆ ที่มีการใช้ในผู้สูงอายุแล้วมีความปลอดภัยและได้ผลดี คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจึงมีมติให้ขยายการใช้ในผู้สูงอายุได้
ส่วนที่มีข้อกังวลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจากการจัดหาวัคซีน Sinovac ซึ่งเป็นของเอกชน ในขณะที่ วัคซีน Sinopharm ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน กลับไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลไทยมาตั้งแต่ต้น ขอย้ำว่า Sinovac เป็นวัคซีนเดียวที่สามารถส่งมอบให้กับประเทศไทยได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 และเป็นการเจรจาจัดซื้อวัคซีนที่อยู่ในการดูแลของสถานทูตจีนในประเทศไทยและรัฐบาลจีนตลอด อีกประการหนึ่งคือราคาวัคซีน Sinovac ถูกกว่าวัคซีน Sinopharm ทั้งที่เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายแบบเดียวกัน การตัดสินใจของรัฐบาล อยู่บนพื้นฐานของประโยชน์สูงสุดของประชาชน ความโปร่งใส และความปลอดภัยเป็นสำคัญ
2. ไม่ใช่แค่ ผอ.สถาบันวัคซีนที่ชี้ชัดเช่นนี้
ในแวดวงข่าวต่างประเทศ สื่อต่างชาติ ก็ยังมีบทความวิพากษ์วิจารณ์โคแวกซ์มากมาย
ตอกย้ำ ว่าไทยเราเลือกที่จะดีลวัคซีนให้ผลิตได้ในประเทศนั้น ถูกต้องแล้ว
คุณ Sompob Pordi ได้เขียนสรุปความล้มเหลวของโคแวกซ์ในสายตาสื่อต่างชาติไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
“โคแวกซ์ (Covax) ตอนที่ 11
วันนี้ในสื่อฝรั่งจำนวนมาก มีบทความวิพากษ์วิจารณ์โคแวกซ์และผลการดำเนินงาน ซึ่งแทบทุกแห่งมีความเห็น (ที่ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง) คล้ายๆ กันว่า การดำเนินงานที่ผ่านมาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง (แต่ประชากรไร้ความรู้ ไร้สติปัญญา ในบางประเทศยังหมกมุ่นกับการตั้งคำถามซํ้าๆว่า ทำไมรัฐบาลของเขาที่หาวัคซีนได้กว่า 100 ล้านโดสแล้ว ไม่จัดหาวัคซีนผ่านโคแวกซ์ - ผู้โพสต์)
สาเหตุใหญ่ของความล้มเหลวที่สื่อของฝรั่งดังกล่าวบอกเอาไว้คือ
1. หาซื้อวัคซีนไม่ได้เพราะประเทศรํ่ารวยกว้านซื้อไปหมดแล้ว
2. ไม่มีทุนเพียงพอต่อเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
3. กำหนดเป้าหมายในการจัดหาวัคซีนผิดพลาด - 20% ของประชากรไม่เพียงพอที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
4. เกณฑ์ในการจัดสรรวัคซีนไม่สะท้อนสถานการณ์และความรุนแรงของการระบาด ประเทศที่มีการระบาดรุนแรงอย่าง อินเดีย เนปาล ฯลฯ ได้รับวัคซีนจากโคแวกซ์น้อยกว่าประเทศในแอฟริกาที่การระบาดไม่รุนแรง
5. การจัดสรรวัคซีนบกพร่องและผิดพลาด - จัดสรรให้ประเทศที่ไม่มีศักยภาพในการกระจายเพื่อฉีดให้ประชากร รวมถึงวัคซีนที่จัดส่งเกือบหมดอายุ จนต้องทิ้งทำลายวัคซีนจำนวนมาก
ถึงตรงนี้ ประเทศรํ่ารวยเริ่มจะฉุกใจคิดแล้วว่าหากการระบาดไม่หมดไปจากโลก แม้ว่าตนเองจะฉีดวัคซีนให้กับประชากรแล้ว ก็จะยังมีความยากลำบากทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจต่อไป และหากมีการกลายพันธุ์ของเชื้อโรคต่อๆ ไป วัคซีนที่ตนเองมีก็อาจจะไม่มีประโยชน์อย่างที่ตั้งใจ
สหรัฐเริ่มบริจาควัคซีนให้กับโลก อียูเริ่มเจรจาว่าจะจัดสรรเงิน ทรัพยากรและวัคซีนที่มีให้กับประเทศที่ต้องลำบากและมีความเสี่ยงว่าไวรัสจะกลายพันธุ์ จีนเริ่มเจรจากับโคแวกซ์เพื่อจะเข้าไปมีบทบาทในการจัดสรรวัคซีน ไอเอ็มเอฟออกมากระตุ้นให้ประเทศที่รํ่ารวย G-20 ระดมทุนเพื่อจัดการกับโควิดโดยด่วน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้บทบาทของ WHO และ Covax ในการจัดหาและจัดส่งวัคซีนให้กับโลกเปลี่ยนไปหรือลดลงไป เพราะความล้มเหลวที่ผ่านมา
ใครสนใจอ่านจากบทความต้นทางเชิญที่ลิงก์ด้านล่างได้เลยครับ....”
3. ที่น่าเวทนา แล้วยังน่าประหลาดใจ คือ นักการเมืองในสภาแกนนำแนวร่วมม็อบ รวมไปถึงกลุ่มที่ปั่นข่าวเฟคนิวส์ ก็ยังพยายามงับเรื่องนี้มาพูดซ้ำๆ ย้ำๆ ราวกับไม่ฟังข่าวสารบ้านเมืองและคำชี้แจงข้อเท็จจริงอะไรกันเสียเลย
สะท้อนถึงความอับจนปัญญาที่จะเล่นงานรัฐบาลอย่างน่าอับอาย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี