“นับแต่นี้ไป 120 วัน ประเทศไทยจะต้องเปิดประเทศให้ได้” ประโยคนี้ เป็นประโยคคำพูดของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ออกอากาศแถลงการณ์ให้กับประชาชนทั่วไปได้รับทราบ เมื่อตอนเย็นวันที่ 16 มิถุนายน 2564
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทุกประเทศทั่วโลก ได้รับความเดือดร้อน มีประชาชนเจ็บป่วยรวมทั้งเสียชีวิตด้วยเป็นจำนวนมากรวมทั้งประเทศไทยด้วย ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้มีประชาชนป่วยแล้ว เกือบ 2 แสนรายและเสียชีวิตประมาณ 1,500 รายแล้ว
เป็นที่ยอมรับกันว่าการระดมฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ให้กับประชากร ได้มากกว่า 70% นอกจากจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคลแล้ว ยังทำให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งตามทฤษฎีนั้นจะช่วยชะลอและหยุดยั้งการระบาดได้ หลายๆ ประเทศทั่วโลกได้ดำเนินการดังกล่าว และเริ่มเห็นผลปรากฏชัดมากขึ้น
ประเทศไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ ซึ่งได้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจในการบริหารและจัดการโรคระบาดในครั้งนี้ ที่มีชื่อว่าศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ใช้ชื่อย่อที่พวกเรารู้จักกันดีว่า ศบค. ซึ่งมีคณะกรรมการประกอบด้วย ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูง ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง เพื่อวางแผนบริหารจัดการในการป้องกันและควบคุมโรคนี้ให้ได้ จนถึงขณะนี้การระบาดของประเทศไทย ได้เกิดขึ้นถึง 3 ระลอกแล้ว และระลอกที่ 3 นี้ ดูเหมือนจะยาวนาน มีผู้เจ็บป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากพอสมควร
ตลอดจนสถานการณ์ในขณะนี้ก็ยังอยู่ในสภาพทรงตัว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังมีการระบาดและมี
ผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้นทุกวัน เป็นลักษณะของการเกิดเป็นกลุ่มก้อนและเกิดภายในครอบครัว ตัวเลข ผู้ป่วยใหม่แต่ละวันมีไม่น้อยกว่า 2,000 ราย ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร
ได้มีการจัดหาวัคซีนเพื่อนำมาใช้ในการป้องกันและควบคุมโรค โดยทยอยฉีดให้กับประชากรกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เริ่มต้นจากกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานอยู่ด่านหน้า ตามมาด้วย กลุ่มประชากรเสี่ยง เช่นผู้สูงอายุเกินกว่า 60 ปี และกลุ่มที่มีโรคเรื้อรัง 7 โรค อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ วัคซีนที่นำมาใช้ฉีดนั้น คือวัคซีนซิโนแวคของประเทศจีน และแอสตราเซเนกาของประเทศอังกฤษ เนื่องจากประเทศไทยมีโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งมีความสามารถในการผลิตชีววัตถุมาร่วม10 ปีแล้ว บริษัทแอสตราเซเนกาจึงได้เลือกโรงงานแห่งนี้เป็นสถานที่ผลิตวัคซีนของบริษัทในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อการจัดจำหน่ายวัคซีนให้กับประเทศที่อยู่ในภูมิภาคนี้
การจัดฉีดวัคซีน ดำเนินมาได้ด้วยดี จนกระทั่งปรากฏว่ามีการระบาดใหญ่ของชุมชนในกรุงเทพฯ แผนการระดมฉีดวัคซีนจึงมีการเปลี่ยนเป้า มายังการฉีดให้กับประชากรที่อาศัยอยู่ในชุมชนเป็นหลัก รวมทั้งประชากรกลุ่มเสี่ยงที่ปฏิบัติงานด้านสาธารณะ อาทิ พนักงานขับรถโดยสารและยานพาหนะต่างๆ รวมทั้งในบางพื้นที่ซึ่งรัฐบาลเน้นให้เป็นพื้นที่พิเศษ เนื่องจากสามารถจะสร้างรายได้ให้รัฐได้มาก หากควบคุมการระบาดได้ เช่น พื้นที่ของภูเก็ตและสมุย ผลกระทบที่ตามมาทำให้จำนวนของวัคซีนที่จัดหามาได้นั้น ต้องถูกแบ่งปันไปในจุดต่างๆ มากขึ้นทำให้ประชาชนกลุ่มสูงอายุ 60 ปี และมีโรคประจำตัว 7 โรค
โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนตามที่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อมไว้ ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานคร ก็ยังเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ไทยร่วมใจ และสำนักงานประกันสังคม ก็จัดฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมด้วย ทำให้ดูเหมือนมีการขาดแคลนวัคซีนขึ้น
การจัดสรรวัคซีน โดยกรมควบคุมโรค เพื่อกระจายให้พื้นที่ต่างๆ ตามที่หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบพื้นที่ หรือองค์กรที่รับผิดชอบประชาชน ในสิทธิ์ของตัวเองนั้น ทำให้เกิดสภาพของการแย่งชิงขึ้นพอสมควร จนต้องมีการประชุมร่วมกัน
ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เป็นโชคดีของประเทศไทย ที่โรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ได้เพิ่มศักยภาพของการผลิตวัคซีนมากขึ้นให้บริษัทแอสตราเซเนกา เพื่อส่งมอบให้กับรัฐบาลไทยตามสัญญาเดิม คือเดือนมิถุนายน รวม 6 ล้านโดส และในเดือนต่อๆ ไป อีกเดือนละ 10 ล้านโดส เริ่มเป็นไปตามเป้าหมายได้ ทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาอีก 3-4 วัน ซึ่งโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดหลายที่ ไม่ได้รับวัคซีน เพื่อใช้ในการฉีดให้กับ ประชาชนอายุมากกว่า 60 ปี และกลุ่มโรคเรื้อรังได้คลี่คลายไปในทางที่ดีรวมทั้งสำนักอนามัยของกรุงเทพฯ ซึ่งรับผิดชอบงานส่วนนี้ในส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ได้มีการปรับปรุงกระบวนการทำงานจนเหตุการณ์ต่างๆ ดีขึ้นตามลำดับ
หากการกระจายวัคซีนเป็นไปตามอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยนอกจากวัคซีนแอสตราเซเนกาต้องมีอยู่อย่างเพียงพอแล้ว ยังมีวัคซีนซิโนแวคที่จะถูกจัดหาเข้ามาอีกไม่น้อยกว่า 5 ล้านโดส และวัคซีนอื่นๆที่รัฐบาลกำลังจัดหาเพิ่มเติมคือวัคซีนไฟเซอร์ 25 ล้านโดสวัคซีนจอห์นสัน & จอห์นสัน 5 ล้านโดส มาเสริมด้วย ซึ่งจะทำให้เมื่อถึงปลายปีจะมีจำนวนวัคซีนรวมกันมากกว่า 100 ล้านโดสซึ่งยังไม่นับรวมวัคซีนที่ภาคเอกชนจะนำเข้ามาอีกเป็นจำนวนไม่น้อย อันจะทำให้เป้าหมายที่รัฐบาลต้องการพุ่งชนนั้นประสบความสำเร็จได้ค่อนข้างจะแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายเฝ้าติดตามมอง
นอกจากจำนวนวัคซีนที่ต้องมีความเพียงพอซึ่งรัฐบาลได้เตรียมการที่จะจัดหาวัคซีนให้ได้ถึง 150 ล้านโดส ในต้นปีหน้า
และการกระจายวัคซีนในพื้นที่ต่างๆ ตามความเสี่ยงของทั้งกลุ่มประชากร และสถานที่เสี่ยง ตลอดจนลงไปในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญเพื่อเร่งเปิดพื้นที่ดังกล่าว อันจะเสริมสร้างการกลับมาของเศรษฐกิจ ที่เกิดจากรายได้ที่มาจากการ
ท่องเที่ยวแล้ว
ปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การจัดการระดมฉีดวัคซีนให้กับประชากรทั้งประเทศ ให้ได้ประมาณ4 แสนรายต่อวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายพอสมควร เพราะในรอบสัปดาห์แรก ตั้งแต่มีการประกาศวาระวัคซีนแห่งชาติในวันที่ 7 มิถุนายนนั้น ถึงแม้ว่าในวันแรกๆ จะทำได้เกินกว่า 4 แสนราย แต่หลังจากนั้นยอดของการฉีดก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนเหลืออยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2 แสนรายต่อวันเท่านั้น ทำให้ยอดเฉลี่ยของการฉีดต่อวันอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3 แสนรายและหากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้เป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ภายในสิ้นปีนี้อาจจะไม่เป็นจริงก็ได้ ซึ่งอาจจะทำให้ไม่สามารถชะลอและยับยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ตามที่ควรจะเป็น และอาจจะเกิดผลกระทบกับสิ่งที่ท่านนายกฯได้พูดไว้ ว่าต้องเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วัน การขับเคลื่อนในเรื่องนี้ จึงมีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน
“ทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จักประดับดอกไม้ หอมหวนชวนจิตไซร้ ไป่มี” เป็นพระราชนิพนธ์โคลงสุภาษิตในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ซึ่งแปลความได้ว่า ความสำเร็จในการทำเรื่องใดนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ได้มาอย่างง่าย อาจจะมีปัญหาอุปสรรคขวางกั้น แต่ก็ต้องใช้ความพยายามในการก้าวไปข้างหน้า ไปสู่ความสำเร็จให้ได้จึงขอให้รัฐบาลได้ดำเนินการในเรื่องนี้ โดยทำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบโดยสอดประสานกันอย่างดีที่สุด เพื่อเดินไปสู่เป้าหมาย 120 วันที่วางไว้ อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการฟื้นคืนมาของภาคเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยต่อไป
นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี