วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แน่นอนว่า วันนี้รัฐบาลต้องยอมรับความจริงกับปัญหาการรับมือต่อการแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)”ว่าเริ่มจะเอาไม่อยู่ขึ้นทุกวินาที เพราะเหตุจากหลายปัจจัยที่ไม่เว้นแม้แต่ความสามารถบริหารจัดการ โดยเฉพาะในประเด็นของเรื่อง “การจัดหาวัคซีน” ที่ดูจะกลายเป็นประเด็นร้อนจนอัครเสนาบดีแทบจะนั่งไม่ติด ผิดกับเสนาบดีและเหล่านักการเมืองสาวกที่ดูเหมือนจะไม่อนาทรร้อนใจนัก เพราะมีผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวไปแล้ว
มาตรการต่างๆ ของรัฐบาลในการระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของ“โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)”สร้างผลกระทบไม่มากก็น้อยต่อสภาพการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนจนเกิดการต่อต้านในลักษณะอารยะขัดขืน ทั้งที่เวลานี้สมควรที่สังคมไทยทุกโมเลกุลจักต้องร่วมมือกันยึดถือปฏิบัติตามข้อกำหนดที่รัฐประกาศใช้ อย่างล่าสุดกรณีที่มีการควบคุมการดำเนินธุรกิจสถานบริการ ร้านอาหาร ที่ห้ามมิให้ผู้ใช้บริการนั่งทานอาหารในร้าน เน้นย้ำ “ห้ามไม่ให้ร้านอาหารเปิดบริการให้ลูกค้ามานั่งรับประทานอาหารในร้าน อนุญาตให้ซื้อกลับบ้านอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อลดอัตราการแพร่กระจายเชื้อไวรัสร้ายนี้ เนื่องจากโดยลักษณะปฏิบัติแล้วการนั่งรับประทานอาหารในร้านสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อและเพิ่มโอกาสการรับเชื้อได้สูง เนื่องจากระหว่างการรับประทานอาหารนั้น ผู้ใช้บริการย่อมต้องลดหน้ากากลงหรือถอดหน้ากากออกเพื่อสะดวกต่อการรับประทานอาหาร ทั้งยังมีโอกาสนั่งสนทนาระหว่างทานอาหารด้วย ทำให้เกิดอาการการ์ดตก ไม่เว้นระยะห่าง ไม่สวมหน้ากากอนามัยด้วย
มาตรการรัฐดังกล่าวทำให้เกิดดราม่าจากผู้ประกอบการบางส่วนบางรายด้วยข้อกล่าวหาที่ “ไม่เมคเซ้นต์”เท่าใดนักทั้งเรื่องภาระที่เกิดจากมาตรการที่รีบเร่งให้มีผลบังคับใช้จนทำให้เกิดความเสียหายจากการลงทุนด้านวัตถุดิบ ฯลฯ
เอาล่ะ ... ถึงแม้เราจะอยู่ในวรรณะ“มนุษย์เงินเดือน-คนกรรมกร” ไม่ใช่นักธุรกิจหรือผู้ประกอบการสถานบริการ ร้านอาหาร แต่รับรู้รับทราบถึงผลกระทบจากมาตรการนี้ได้เป็นอย่างดีถึงจะไม่ได้รับรู้แบบลึกซึ้งนัก แต่ก็รับทราบเสียงสะท้อนที่ตกผลึกความเจ็บปวดนี้ได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ทว่า การออกมาเคลื่อนไหวออกแคมเปญ “ #กูจะเปิดมึงจะทำไม” ผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจที่ชื่อ “Bamee Prapavee Ht” โดยเชิญชวนผู้ประกอบการสถานบริการร้านอาหารรายอื่นๆ ร่วมลงชื่อต่อต้านมาตรการรัฐบาล เปิดพื้นที่ในร้านให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการนั่งทานอาหารในร้านได้ตามปกติ โดยระบุว่ามีนักกฎหมายทนายความคอยช่วยเหลือหากถูกคำสั่งปิด ทั้งยังมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์กิจกรรมการแสดงดนตรี เปิดลานเบียร์ ออกร้านขายอาหารบนถนน ทั้งอ้างว่าศึกษาข้อกฎหมายฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว มีโทษปรับ 40,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ดำเนินการปรับเองไม่ได้ต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณาพิพากษาสั่งการ หรือหากให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกช่วยเหลือก็จะจ่ายน้อยลงกว่าเดิม โดยผู้ประกอบการที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการนี้ต้องกรอกแบบฟอร์มผ่านแพลตฟอร์มชื่อ “กูจะเปิด มึงจะทำไม”
เอาล่ะ ...!!!...อย่างที่กล่าวมาข้างต้นเราเข้าใจถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการสถานบริการร้านอาหารกับผลกระทบจนเกิดความเสียหายที่รัฐบาลเป็นผู้ก่อขึ้นจะโดยตั้งใจ หรือ มิได้ตั้งใจก็ตาม แต่สถานการณ์วันนี้ สังคมไทยต้องการความร่วมมือจากทุกโมเลกุลในสังคมจักต้องร่วมมือช่วยกันประสานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวจับมือก้าวข้ามผ่านปัญหานี้ไปด้วยกัน “เจ็บแล้วจบ” โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
แต่ที่สมควรประณามก็ประดาพวกมีการศึกษาสูง แต่ไร้สำนึกร่วมโพสต์ข้อความสนับสนุนด้วยตรรกะสมองส้นตีน อ้างประเด็นเหลื่อมล้ำกับร้านสะดวกซื้อ แทนการแสดงปัญญาชี้แจงด้วยเหตุและผลถึงผลลัพธ์ของมาตรการอารยะขัดขืนว่าจะส่งผลเสียหายอะไรเกิดขึ้นกับสังคมไทยบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดที่อาจจะขยายวงมากขึ้นจากการไร้สามัญสำนึกและความรับผิดชอบร่วม เช่นนั้นการศึกษาที่อุตส่าห์ร่ำเรียนจนจบระดับสูงจะไม่มีส่วนช่วยยกระดับความเป็นผู้ดีมีสามัญสำนึกร่วมและยกชาติตระกูลของท่านให้สูงส่งไปด้วยเลย
เราอยากเห็นทุกฝ่ายอดทนและปฏิบัติตามมาตรการรัฐที่ผ่านการปรึกษาร่วมของผู้เกี่ยวข้องโดยตรงหลายฝ่าย รัฐบาล จำต้องพูดความจริงและสื่อสารประชาสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เพื่อก้าวข้ามวิกฤตการณ์นี้ไปพร้อมกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

'หญิงหน่อย'ลั่นป่วยแต่เงียบไม่ได้! กางปีกป้อง'จินนี่' เดินหน้าเอาผิดถึงที่สุด
ทะเลไทยโคม่า!ปะการังฟอกขาวพุ่ง 30% พบคนไทยรับ'ไมโครพลาสติก'เข้าตัวปีละ 5 หมื่นชิ้น
'สว.ชิบ'นำคณะวุฒิสภาลงเชียงรายหนุนงานวิจัย ม.แม่ฟ้าหลวงแก้ปัญหาเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ มลพิษข้ามแดนลุ่มน้ำกก-แม่น้ำโขง
ศทช แถลง ทุ่นระเบิดสังหารเขมร ทำทหารไทยสูญเสียรายที่11 ภัยเงียบละเมิดออตตาวา
'อนุทิน'บินด่วนอุดรฯ ส่งหัวใจดวงที่153 หลังจบครม.นัดสุดท้าย บอกปีใหม่ไม่หยุด ไปชายแดน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี