วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ทันทีที่มีการลงนามหยุดยิงระหว่างไทยกับเขมรช่วงเที่ยงของวันที่ 27 ธันวาคม 2568 โดยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศเป็นตัวแทนลงลายเซ็น ดูเหมือนคนไทยจำนวนมากไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าเขมรยังไม่สิ้นสภาพตามที่อยากได้เห็น และไม่เชื่อว่าเขมรจะรักษาคำมั่นสัญญา
หลังการหยุดยิงรอบแรกเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม โดยมีมือลึกลับเข้าไปยับยั้งการปฏิบัติการของทหารไทย ทำให้เขมรกลับเข้ามายึดปราสาทตาควายเอาไว้ได้ และแม้จะหยุดยิงไปแล้ว เขมรก็ละเมิดมาตลอด จัดตั้งเอาคนมายั่วยุ วางทุ่นระเบิด ตอดเล็กตอดน้อย ถึงขั้นเปิดฉากยิงใส่ก่อน จนทหารไทยขาขาดไป 10 ขา และเสียชีวิตอีกจำนวนหนึ่ง
ในที่สุดก็มาถึงการปะทะใหญ่รอบที่ 2 และใช้เวลานาน 20 วัน บาดเจ็บล้มตายกันไปมิใช่น้อย
แต่เอาล่ะ เมื่อฝ่ายทหารเห็นว่า สมควรแก่เวลาที่จะหยุดยิงได้ แม้ประชาชนอย่างเราๆ จะยังหงุดหงิดตามนิ้วมือนิ้วเท้าอยู่บ้าง และรู้สึกเหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ให้มันไปฟื้นฟูสมรรถนะในการสู้รบ แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของฝ่ายทหาร เพราะเขาเป็นผู้ปฏิบัติงานที่รู้ตื้นลึกหนาบางอย่างดีกว่าเรา
คิดเสียว่า เรายึดแผ่นดินส่วนที่เป็นของไทยคืนมาได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญหลายแห่ง และสามารถตั้งเงื่อนไขบีบให้เขมรต้องยอมรับการหยุดยิง (อย่างไม่เต็มใจ) โดยมีเวลา 72 ชั่วโมง หลังจากเซ็นหยุดยิงคอยดูสถานการณ์
หลังจากนี้ จะทำอะไรก็ต้องรีบทำ ไม่ว่าจะปักหมุดบอกความชัดเจนของเขตแดน, เก็บกวาดทุ่นระเบิดที่เป็นอันตรายต่อทหารและประชาชน, ล้อมรั้วตามแนวชายแดน, จำกัดการเข้า-ออกของคนเขมรสู่ประเทศไทย, พิจารณายกเลิกการช่วยเหลือเขมรด้านต่างๆ เพราะเงินช่วยเหลือก็ไม่ได้เข้าถึงชาวบ้านจริงๆ และจัดสถานะทางการทูตกับเขมรเสียใหม่
ที่สำคัญคือ จัดการกับพ่อค้านายทุนและนักการเมืองไทยที่เข้าไปโยงใยกับธุรกิจผิดกฎหมายอย่างขบวนการสแกมเมอร์
ทุกอย่างที่ว่ามาไม่มีเรื่องไหนง่าย ก็ต้องให้กำลังใจกัน เพื่อความเป็นอยู่สงบสุขของพี่น้องไทยบริเวณชายแดน แต่ยังต้องระวังการคุกคามของเขมร เพราะเป็นไปได้มากว่าจะมีมาอีกในอนาคต ตามสันดานเอาแต่ได้อันเป็นธาตุแท้ประจำเชื้อชาติเขมร
ไม่แปลกอะไรที่จะมีคนเปรียบเปรยว่า เขมรคือ “ยิวแห่งอาเซียน”
ริมรั้วบ้านหยุดสาดกระสุน ในบ้านก็เริ่มเทศกาลสาดน้ำลาย เพราะจะมีการเลือกตั้งใหญ่ครั้งใหม่ในวันที่ 8 เดือนกุมภาพันธ์ 2569 ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กำหนดวันเอาไว้ ส่วนจะมีอุบัติเหตุทำให้ไม่สามารถเลือกตั้งได้หรือเปล่า ต้องรอดูกันไป
ขนาดตอนที่ยังไม่ได้เปิดรับสมัครก็เปียกปอนน้ำลายไปตามๆ กัน ตอนนี้การสมัครเปิดเรียบร้อยแล้ว รับรองว่าจะมีการขุดคุ้ยตับไตไส้พุงของแต่ละฝ่ายออกมาเป็นระลอก ตามความชำนาญของนักการเมืองไทย ซึ่งไม่ใช่ความสามารถในการทำงานแต่อย่างใด
เมื่อสำรวจจำนวนพรรคการเมืองไทยในปี 2568 พบว่ามีถึง 75 พรรค เหลือเชื่อมากสำหรับประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทยที่มีพรรคการเมืองมากมายขนาดนี้ แม้จะไม่ได้ส่งคนลงการเลือกตั้งทุกพรรคก็ตาม การเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ จำนวนพรรคการเมืองน่าจะมากกว่านี้ เพราะมีข่าวการตั้งพรรคใหม่เพิ่มขึ้น ถึงจะมีพรรคการเมืองถูกยุบไปบ้าง เพราะทำกิจการไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมายพรรคการเมือง
การที่ประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งมีพรรคการเมืองมากมายขนาดนี้ อาจไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นประชาธิปไตยขั้นสุด แต่อาจจะแสดงถึงความด้อยพัฒนาในบางด้าน และพอจะบอกเหตุผลได้บางประการ
หนึ่ง-มีคนไทยจำนวนหนึ่งคิดว่าจะอาสาเป็นตัวแทนประชาชน เสนอตัวมาทำงานเพื่อชาติและประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ
สอง-หิวแสง อยากดัง
สาม-เห็นว่าการเมืองเป็นหนทางเข้าสู่อำนาจและผลประโยชน์ เผื่อมีสส.ติดมาสักสองสามคน อาจจะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยหรือกรรมาธิการอะไรสักคณะ
สี่-พวกว่างงาน คิดว่าเงินเดือน สส.เยอะดี สิทธิพิเศษก็มาก งานการไม่ค่อยมีอะไรนอกจากประชุมแล้วก็พูดๆๆๆ เกิดฟลุคๆ ได้เป็นสส.ก็สบายไป
ห้า-หลงตัวเอง คิดว่าการมีคนรู้จักเท่าหย่อมขนรักแร้ จะทำให้ตนสามารถตั้งพรรค และได้รับเลือกตั้งโดยไม่ดูหนังหน้าตัวเอง ถ้าพูดแบบสุภาพหน่อยก็คือ “มึงไม่มีราศี”
หก-พวกซูเปอร์อีโก้ที่อยู่กับใครไม่ได้ เอาความคิดตนเป็นใหญ่ อยากเป็นเบอร์หนึ่ง
ฯลฯ
ดูแล้ว เท่าที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ข้อหนึ่งน่าจะเป็นชนส่วนน้อย แต่เราก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้ เพราะยอมรับกันไปแล้วว่าประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตย และประชาธิปไตยสำหรับคนไทยจำนวนมากคือการเลือกตั้งทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญาของคนไปเลือกตั้งแล้วล่ะ
ปิดคอลัมน์คราวนี้ไม่มีประโยคคมคายหรือเด็ดดวงแต่อย่างใด นอกจากจะบอกแบบบ้านๆ ว่า “สวัสดีปีใหม่ครับ”

ราชกิจจาฯประกาศ พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศ-คำสั่ง คสช. ที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะกับกาลปัจจุบัน
รองนายกฯกัมพูชารอลุ้น คาด18ทหารเชลยศึกจะถูกปล่อยตัวพรุ่งนี้ ลั่นจะไม่มีปัญหาใดๆ
ส้มไม่ได้ปลอดเทาจริง เพียงแต่เทายังไม่ถูกจับได้เท่านั้น
ในหลวงทรงรับ ทหารบาดเจ็บชายแดน เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์-พระราชทานสิ่งของเยี่ยม
ที่ปรึกษารมว.กลาโหม เคลียร์ชัด ปมข่าวเสี้ยม รัสเซีย-ไทย-เบลารุส

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี