วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 เป็นมหามงคลสมัยของปวงชนชาวไทยคือเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นการอันควรที่ปวงชนชาวไทยจะได้ตั้งใจให้ผ่องใส น้อมรำลึกถึงพระเมตตาคุณและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงปกแผ่คุ้มครองป้องกันพสกนิกรของพระองค์โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากพระวรกายของพระองค์เลย
ยิ่งเป็นสถานการณ์และห้วงเวลาที่มีคนบางกลุ่มบางพวกประพฤติตนเป็นสมุนรับใช้ของนักล่าอาณานิคม ทำการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างข่าวเท็จ ปล่อยข่าวลวง บิดเบือนความจริงทั้งหลายให้เกิดความเข้าใจผิดและคลายออกจากความจงรักภักดี ก็ยิ่งจำเป็นที่ปวงชนชาวไทยจะได้น้อมใจรำลึกเรื่องนี้ในมหามงคลสมัยนี้
นับตั้งแต่พระบรมราชจักรีวงศ์ได้สถาปนาขึ้นมาในสุวรรณภูมินี้แล้ว ไม่เคยมียุคใดสมัยใดที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจะปล่อยปละละเลยให้อริราชศัตรูบ่อนทำลายเหยียดหยามบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างกว้างขวางรุนแรงถึงขนาดนี้ นี่จะเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่จะเป็นตราบาปของคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองไปตลอดกาล
คำอ้างว่าจงรักภักดีใดๆ แต่ถ้าไม่มีความจริงในการปฏิบัติรองรับ คำอ้างนั้นก็ไม่ต่างกับการแอบอ้างหรือการโกหกลวงโลก ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ครอบงำประเทศไทยอยู่ในทุกวันนี้
ซ้ำร้ายคนบางพวกแอบอ้างโหนสถาบัน สร้างความแตกแยกแตกสามัคคีภายในชาติ สร้างเหตุทะเลาะเบาะแว้งกับคนในชาติภายใต้ข้ออ้างว่าจงรักภักดี ในขณะเดียวกันก็กระทำการอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งว่าปกป้องผู้มีอำนาจในบ้านเมือง
นี่คือการแอบอ้างโหนเจ้ามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ปกป้องนักการเมืองเพื่อให้ทำทุรกรรมและอนันตริยกรรมต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด และผลที่แท้จริงก็คือการสร้างศัตรูให้กับสถาบัน เพื่อทำให้ผู้มีอำนาจทางการเมืองรอดปลอดภัยจากความเกลียดชังสาปแช่งของประชาชน พวกนี้จึงเป็นอันตรายร้ายแรงไม่ต่างกันกับขบวนการล้มเจ้า
พระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบันนี้ทรงถือกำเนิดในร่มเศวตฉัตรแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ที่ทรงมีสมเด็จพระบรมราชชนก สมเด็จพระบรมราชชนนี ที่ทรงทศพิธราชธรรม ทรงเป็นที่รักของอาณาประชาราษฎรและทรงบำเพ็ญพระองค์เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยามเป็นที่ประจักษ์ชัดตลอดระยะเวลาอันยาวนานแห่งรัชกาล
ในท่ามกลางห้วงเวลานั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ก็ได้ทรงเรียนรู้และทรงถูกฝึกยิ่งกว่าช้างศึกที่จะรับพระราชธุระสำคัญในอนาคตกาล ทรงทุ่มเทพระองค์ในการศึกษาติดตามพระราชกรณียกิจทั้งหลายทั้งปวงที่สมเด็จพระบรมราชชนก สมเด็จพระบรมราชชนนีได้ทรงบำเพ็ญให้เห็นเป็นแบบอย่าง
ทรงเตรียมความพร้อมในพระองค์ที่จะทรงดำรงฐานะจอมทัพไทยในวันข้างหน้า ดังนั้นจึงทรงทุ่มเทพระองค์ร่ำเรียนสรรพวิชาการทั้งหลายในด้านการทหารและความมั่นคงแห่งชาติ ทรงเสี่ยงพระองค์เข้าเคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าทหารในหลายสมรภูมิ ทรงแสดงพระปรีชาสามารถและความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ โดยเฉพาะน้ำพระทัยรักทหารที่ยอมเสี่ยงพระองค์เข้าไปถึงแนวหน้าเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่จารจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการทหารของประเทศที่จารจารึกไว้ในความทรงจำของเหล่าทหารไม่รู้เลือน
ทรงเตรียมความพร้อมทั้งความกระจ่างแจ้งถ่องแท้ในยุทธศาสตร์ชาติ ที่เคยประกาศมานับตั้งแต่สมัยองค์พระปฐมบรมกษัตริย์ ที่เคยประกาศโดยองค์พระปิยมหาราชเจ้าและที่ได้แสดงไว้โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อน ดังนั้นความแจ่มแจ้งในยุทธศาสตร์ชาติที่จะเป็นธงชัยอันโดดเด่นให้แก่การนำพาชาติบ้านเมืองไปตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว ซึ่งเคยแสดงบทบาทนำพาประเทศชาติให้รอดปลอดภัยและมีความเจริญรุ่งเรืองมาแล้ว
ทรงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับบรรดาประมุขและผู้นำประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวางตามแนวทางรอยพระบาทแห่งองค์พระปิยมหาราชเจ้าในครั้งกระโน้น การแสดงออกโดยการส่งพระราชสาส์นเป็นทางราชการไปถึงประมุขและผู้นำประเทศและรัฐต่างๆ ทั่วโลกที่ทรงกระทำอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นสิ่งที่คนไทยเห็นได้ แต่ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเรื่องนี้ที่คนทั่วไปไม่อาจรู้ไม่อาจเห็นได้ก็มีมาเป็นอเนกประการ ซึ่งจะเป็นทางในการสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติในวันข้างหน้า
นับตั้งแต่พระองค์ได้เสด็จขึ้นเสวยสิริราชสมบัติเป็นต้นมา แม้ว่าพระองค์ทรงมีพระราชอัชฌาสัยอ่อนน้อมถ่อมพระองค์ ไม่ต้องการเปิดเผยพระราชกรณียกิจ
ที่ทรงอุทิศเพื่อพสกนิกร ดังที่ตรัสว่า พระองค์รักที่จะทำงานเงียบๆ แบบปิดทองหลังพระ แต่น้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณและพระมหากรุณาธิคุณก็แผ่ปกไปในทุกสารทิศ ที่ปวงชนชาวไทยผู้มีใจเป็นธรรมรู้ได้สัมผัสได้กระจ่างชัด ซึ่งจักนำมาแสดงเป็นบางประการ
ประการแรก ทรงจำเริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า จำแนกแยกแยะทรัพย์สินส่วนพระองค์ ส่วนพระมหากษัตริย์ และส่วนที่เป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์ และของรัฐออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่ให้สับสนปนเป ซึ่งเป็นความโปร่งใสในการบริหารจัดการอันเห็นประจักษ์แล้ว
ประการที่สอง พระราชทานพระราชทรัพย์ทั้งส่วนพระองค์และส่วนพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ให้แก่ส่วนราชการ ให้แก่ประเทศชาติและประชาชน ประมาณเป็นมูลค่าเงินไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาทซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ไม่ว่าในประเทศหรือในต่างประเทศ
ประการที่สาม ทรงจำเริญรอยยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงแห่งชาติที่เป็นแก่นแท้ตามรอยพระบาทองค์พระปฐมบรมกษัตริย์ คือการ “ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา” เพื่อฟื้นพระราชอาณาจักรนี้ให้เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองในอนาคตกาล
ทรงปรับปรุงให้องค์กรศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยบริสุทธิ์ผ่องใสจากอามิสทั้งหลาย ส่งเสริมพระมหาเถระผู้ทรงภูมิธรรมอันประเสริฐ ผู้มีความบริสุทธิ์ในธรรมวินัยและมีความปรีชาสามารถในการพระศาสนาให้ดำรงตำแหน่งในมหาเถรสมาคม และในองค์กรปกครองคณะสงฆ์โดยลำดับมา
การซื้อขายตำแหน่งและสมณศักดิ์ได้สิ้นสุดลงอย่างสิ้นเชิง บรรดาพระเถระทั้งหลายที่ทรงธรรม ทรงวินัยอันบริสุทธิ์ ทรงภูมิธรรมอันประเสริฐในพระพุทธศาสนา แม้สถิตอยู่ในที่ทุรกันดารป่าเขาที่คนทั้งหลายแทบจะไม่รู้จัก พระองค์ก็ทรงเข้าถึงและสถาปนาขึ้นให้มีบทบาทในการทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นับแต่นี้ไปจึงเป็นที่หวังได้ว่าพระพุทธศาสนาทั้งในประเทศและต่างประเทศจะถึงซึ่งความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง อาจจะเสมอด้วยความเจริญรุ่งเรืองในยุคสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
และความวิ่นแหว่งในการพระพุทธศาสนาของประเทศที่มีแต่นิกายหินยานและมหายานโดยคงขาดนิกายวชิรยานหรือวัชรยานก็มีทีท่าว่าการสถาปนาวชิรวงศ์ในพระพุทธศาสนาเพื่อความเป็นบริบูรณ์แห่งพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำลังจะเกิดขึ้น อันจะส่งผลให้ความ
ลุ่มๆ ดอนๆ สิ้นสุดลง
ชาวพุทธอาจจะบรรลุความหวังว่าจะมีการสำคัญใหญ่ในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น นั่นคือการอัญเชิญพระพุทธศาสนานิกายวชิรยานมาประดิษฐานในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้มีพระพุทธศาสนาครบทุกนิกายในประเทศไทย มีวิถีแห่งการหลุดพ้นครบทั้งสามวิถี คือเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ และ วชิรวิมุติ อันจะทำให้ความเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกเพ็ญบริบูรณ์ในยุคสมัยของพระองค์ก็ได้
ประการที่สี่ ยามที่ประเทศไทยเผชิญกับการแพร่ระบาดใหญ่ของโคบ้า พระองค์ได้เตรียมการด้านโรงพยาบาล คือโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชไว้ถึง 21 แห่ง โรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณอีก 1 แห่ง และทรงรับสถานพยาบาลทั้งหลายในเรือนจำไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์เพื่อคุ้มครองพสกนิกรทุกหมู่เหล่าของพระองค์ให้ปลอดภัยไว้ล่วงหน้า ประหนึ่งว่าทรงมีอนาคตังสญาณในพระองค์
พระราชทานเครื่องช่วยหายใจจำนวนมากแก่ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ พระราชทานชุดตรวจเชื้อถึง 23 ชุด และพระราชทานอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์อีกมากมายเพื่อช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์
มาถึงวันนี้ประเทศไทยและคนไทยเข้าตาจนที่ระบบสาธารณสุขกำลังล่มสลาย ประชาชนป่วยตายเป็นเบือ มีสภาพที่น่าอเนจอนาถมาก โครงการจิตอาสาพระราชทาน 904ในพระองค์ก็ได้แสดงบทบาทสำคัญในการตรวจเชิงรุกร่วมกับทุกเหล่าทัพในการคัดแยกผู้ป่วยออกจากชุมชนและสังคม เพื่อมอบสังคมที่ปกติสุขให้ทำมาค้าขายดำเนินการได้ตามปกติ
และกำลังจัดกระบวนการรับผู้ป่วยที่คัดแยกออกมานั้นมาให้การรักษาพยาบาลให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ป่วยนาน และไม่ให้เสียชีวิต ซึ่งกำลังมีการจัดตั้งโรงพยาบาลแคมป์แห่งละ 5,000 ที่ ในพื้นที่หน่วยทหารเพื่อรองรับกับผู้ป่วยให้เพียงพอ
ปรากฏการณ์และเรื่องราวเหล่านี้เห็นชัดบ้าง เห็นไม่ชัดบ้าง แต่ก็เป็นพระบารมีที่ปกแผ่แก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ไม่เว้นแม้กระทั่งญาติพี่น้องและผู้ที่กล่าวหาว่าร้ายพระองค์ท่านอันแสดงถึงพระราชธรรมอันประเสริฐประจำพระองค์พระมหากษัตริย์พระองค์นี้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญพระพุทธเจ้าข้า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี