ก็มีการคาดการณ์ว่า ช่วงสิงหาคมนี้-ถึงตุลาคมนี้ จะมีพายุลูกใหญ่พัดเข้าไทยถึง 3 ลูก นั่นย่อมหมายความว่า เราจะมีน้ำเติมตามเขื่อนต่างๆ มากมาย แต่ก็ยังไม่พอสำหรับหลายพื้นที่ ที่ธรรมชาติไม่เอื้ออำนวย จึงต้องเตรียมพร้อมแผนงานอื่นไว้อย่างต่อเนื่อง
โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern EconomicCorridor : EEC) เป็นแผนยุทธศาสตร์ที่ต่อยอดมาจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก(Eastern Seaboard)ประกอบด้วย ชลบุรี, ระยอง และฉะเชิงเทรา เติบโตผ่านอุปสรรคปัญหานานามากว่า 30 กว่าปี หนึ่งในอุปสรรคที่เคียงคู่มาตลอดการเติบโตของ EEC คือ การขาดแคลนน้ำ ยิ่ง EEC ขยายตัวปัญหาน้ำไม่พอใช้ก็ยิ่งขยายตาม ปีไหนมีภัยแล้งเข้าคุกคามก็ยิ่งเดือดร้อนหนัก
นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงแผนพัฒนาการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับ EEC ในระยะ 10 ปีที่ดำเนินการโดยกรมชลประทาน ว่า ในพื้นที่ EEC ทั้ง 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา รวมทั้งจันทบุรีนั้น มีรูปแบบการใช้น้ำแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ชลบุรีนั้นมีพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยว ธุรกิจการท่องเที่ยวค่อน 80-90% มีความต้องการใช้น้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคสูงโดยชลบุรีมีอ่างเก็บน้ำบางพระเป็นจุดรับน้ำสุดท้ายจากจันทบุรี ระยองมาไว้ที่นี่เพื่อกระจายน้ำให้ใช้ในเขตนี้
“เราแบ่งความชัดเจนเลยว่าในเขตของชลบุรี เป้าหมายเดิมของอ่างเก็บน้ำบางพระ อ่างเก็บน้ำหนองค้ออ่างเก็บน้ำพัทยา ที่มีความจุ 241 ล้าน ลบ.ม.เป้าหมายเมื่อ 20 ปีก่อนคือพื้นที่การเกษตร เป้าหมายนี้ยังไม่เปลี่ยน แต่กิจกรรมในพื้นที่เปลี่ยนไป พี่น้องเกษตรเปลี่ยน หมู่บ้านจัดสรรเพิ่มขึ้น โรงแรมเพิ่มขึ้น เปลี่ยนจากที่นาเป็น
หมู่บ้านจัดสรร ความต้องการใช้น้ำของคนเปลี่ยนไป” นายเฉลิมเกียรติอธิบาย
ความต้องการใช้น้ำในปี’63-64 อยู่ประมาณ 350-400 ล้าน ลบ.ม. แต่ถ้าถึงปี 2582 ที่คำนวณไว้ในรอบ 20 ปีความต้องการใช้น้ำจะอยู่ที่ประมาณ 1,050 ล้าน ลบ.ม. จึงต้องหาน้ำเพิ่มประมาณ400-500 ล้าน ลบ.ม. แต่ชลบุรีนั้นแทบจะทำอ่างไม่ได้แล้ว ความเจริญสูงและทำไว้เยอะแล้ว จึงต้องใช้วิธีดึงน้ำจากแหล่งน้ำในจังหวัดที่มีศักยภาพมาช่วยกันโดยหลักการนี้เกิดจากเมื่อหลาย 10 ปีเคยเกิดปัญหาเรื่องน้ำแล้งจัด ทำให้เกิดมติ ครม.มาตั้งแต่ครั้งกระนั้นว่าจะต้องมีการเตรียมการดำเนินการ
ส่วนระยองนั้นมีความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุตสาหกรรมมากพอๆ กับการเกษตร การดำเนินการแก้ไขด้วยการเพิ่มความจุของอ่างเก็บน้ำ มีที่คลองใหญ่ หนองปลาไหล บ้านบึง มาบประชัน คลองสียัด มีการขุดลอกอ่างเก็บน้ำดอกกราย
“พวกนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้ามากพออ่างพวกนี้มีความจุหลักสิบล้าน ร้อยล้านอ่างคลองใหญ่เพิ่มได้สัก 10 ล้าน ลบ.ม.หนองปลาไหลเพิ่มได้สัก 23 ล้าน ลบ.ม. คลองสียัดได้ 30 ล้าน ลบ.ม. ที่ระยองก็จะได้น้ำเพื่อการเกษตร โดยเราจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ก่อน โดยในหน้าฝนจึงจะดึงน้ำมาลงอ่างที่ชลบุรี นอกจากนี้ ยังมีอ่างเก็บน้ำหนองค้อ ประแสร์ ที่บางพระ นี่เก็บได้ทั้งปี แต่การใช้ก็มีปีละเป็นร้อยๆ ล้าน” นายเฉลิมเกียรติกล่าว
ทั้งอธิบายว่า ในส่วนที่จันท์นั้นปริมาณน้ำดี เน้นที่การเกษตรสวนผลไม้เยอะ เราจึงเน้นที่การเกษตร เรามีอ่างเก็บน้ำที่สร้างไว้แล้ว มีอ่างเก็บน้ำประแกดที่สร้างไว้แล้ว คลองหางแมว พะวาใหญ่กำลังสร้าง ปริมาณกักเก็บเป็นร้อยล้าน ลบ.ม. เน้นพื้นที่เกษตรเป็นแสนไร่กับน้ำกินน้ำใช้ โดยมีการทำสถานีสูบน้ำคลองสะพานเพื่อสูบกลับไปลงอ่างอีกที ที่จันทบุรีนี้ความจุของอ่างเก็บน้ำ หากบวกของวังโตนด 99.5 ล้าน ลบ.ม. พะวาใหญ่ หางแมวประแกด ก็จะได้ 200 ล้าน ลบ.ม.แต่ก็ยังขาด 500-600 ล้าน ลบ.ม. จึงยังต้องการปริมาณอีกร้อยกว่าล้าน ลบ.ม.จากการสูบกลับ”
สำหรับแผนการพัฒนาเพื่อรองรับ EEC 10 ปีของกรมชลประทานแบ่งเป็น 6 แผนงาน ประกอบด้วย
1)ปรับปรุงแหล่งน้ำเดิม 7 แห่ง ได้แก่ 1.ดำเนินการเสร็จแล้วก็มี เพิ่มความจุ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ 10.1 ล้าน ลบ.ม./ปีเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำ หนองปลาไหล 23.9 ล้าน ลบ.ม./ปี, 2.ขุดลอกอ่างเก็บน้ำดอกกราย กำลังดำเนินการ,3.เพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำบ้านบึง 2.4 ล้าน ลบ.ม./ปีเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำมาบประชัน0.9 ล้าน ลบ.ม./ปี อยู่ระหว่างศึกษาออกแบบ, 4.เพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำหนองค้อ 2.6 ล้าน ลบ.ม.,5.เพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำคลองสียัด30 ล้าน ลบ.ม.
2)พัฒนาแหล่งน้ำใหม่ 4 แห่ง ได้แก่ 1.ก่อสร้างเสร็จแล้วคืออ่างเก็บน้ำคลองประแกด, 2.กำลังก่อสร้าง มีอ่างเก็บน้ำคลองหางแมว, 3.อ่างเก็บน้ำคลองพะวาใหญ่, 4.อยู่ระหว่างการทำรายงาน EHIA ฉบับสมบูรณ์คืออ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด
3)เชื่อมโยงแหล่งน้ำและระบบผันน้ำ 4 แห่ง ได้แก่ 1.ที่เสร็จแล้ว มีอาคารอัดน้ำท้ายอ่างเก็บน้ำประแสร์,2.กำลังก่อสร้างมี ปรับปรุงคลองพานทองเพื่อผันน้ำไปอ่างเก็บน้ำบางพระ,3.กำลังสร้างอาคารบังคับน้ำแม่น้ำระยอง,4.เตรียมเสนอเปิดโครงการท่อผันน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์-อ่างเก็บน้ำหนองค้อ-อ่างเก็บน้ำบางพระ
4)สูบกลับท้ายอ่างเก็บน้ำ ได้แก่ 1.ระบบสูบน้ำกลับอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล 5 ล้าน ลบ.ม./ปีเสร็จแล้ว, 2.ระบบสูบผันน้ำคลองสะพาน-อ่างประแสร์ 50 ล้าน ลบ.ม./ปี
5)การป้องกันน้ำท่วม 4 แห่ง ได้แก่ 1.สถานีสูบน้ำฯคลองพับมา เสร็จแล้ว, 2.สถานีสูบน้ำฯหนองโพรง เสร็จแล้ว, 3.ปรับปรุงระบบระบายน้ำหน้าพระธาตุ กำลังก่อสร้าง, 4.กำลังปรับปรุงระบบท่าลาด-คลองหลวง
6)การจัดหาแหล่งน้ำโดยภาคเอกชน (East water) สระทับมา จ.ระยอง
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 6 แผนนี้เป็นเพียงแผนพัฒนาการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับ EEC ในระยะ 10 ปี ยังจำเป็นที่จะต้องมีแผนการพัฒนาและปรับปรุงระบบการจัดหาน้ำเพื่อใช้ในยามแล้งอื่นๆ มารองรับอีกมากมายนัก โดยเฉพาะการนำน้ำฝนที่มีปริมาณมากในพื้นที่ภาคตะวันออกมาเป็นแหล่งน้ำต้นทุน
ครับ นี่คือแผนพัฒนาการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับการเจริญเติบโต EEC ในระยะ 10 ปี ที่ดำเนินการโดยกรมชลประทาน เพราะ EEC เป็นความหวังอย่างหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศหลังจากพ้นวิกฤติโควิด-19
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี