เห็นข่าวครั้งแรกก็ตกใจแต่พอได้อ่านข่าวจากสื่อหลายสำนักและแถลงการณ์กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯทำให้สงสัยได้ว่าเป็นปฏิบัติการข่าว ที่พลอตเรื่องเขียนง่ายๆ คาดเดาตอนจบได้คล้ายๆ ละครน้ำเน่าประเภทยิงภูเขาเผากระท่อมในซีรี่ส์ทีวีไทย
ปฏิบัติการข่าวที่เปิดฉากขึ้นมา ว่าเมื่อวันที่ 4 ส.ค. นายจอว์ โม ทุน (Kyaw Moe Tun) รักษาการผู้แทนถาวรพม่าประจำยูเอ็น บอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสหรัฐฯ...ที่ว่าเขาถูกข่มขู่และรู้สึกว่าชีวิตไม่ปลอดภัย
ที่เรียกว่ารักษาการผู้แทนถาวรพม่าประจำยูเอ็น เพราะเหตุว่าทูตยูเอ็นประจำพม่าที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลของนางออง ซาน ซู จี คือ ดร.ซาซา หลังจากรัฐบาลของเธอถูกยึดอำนาจ ดร.ซาซา เคยอาละวาดด่าทหารที่ยึดอำนาจในที่ประชุมสหประชาชาติ
จนคณะผู้บริหารแห่งรัฐหรือรัฐบาลทหารพม่าเรียกตัว ดร.ซาซา กลับประเทศแต่ ดร.ซาซาประกาศไม่สยบให้ทหารพม่า ตั้งตัวเป็นผู้แทนนานาชาติของรัฐบาลเงาของพรรคเอ็นแอลดี ที่เรียกว่า “รัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ (NUG) และหลบหนีลงเคลื่อนไหวใต้ดินตั้งแต่นั้นมา เมื่อทูตพม่าประจำยูเอ็นหลบไปเคลื่อนไหวใต้ดิน
นายจอว์ โม ทุน ที่ถูกปลดไปแล้วก็อุปโลกน์ตัวขึ้นมาเป็นผู้แทนถาวรพม่าประจำยูเอ็นโดยการผลักดันอย่างแข็งขันของสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความขุ่นเคืองให้รัฐบาลทหารพม่าเพราะเหตุว่านายจอว์ โม ทุน ลงมติ
ร่วมกับสหรัฐฯและอีก 118 ประเทศ สนับสนุนมติที่ประเทศตะวันตกและอเมริกาเสนอให้ “ทุกประเทศหยุดขายอาวุธให้ทหารพม่า”
ทั้งๆ ที่ 36 ประเทศรวมทั้งจีน รัสเซียและอาเซียนบางประเทศ อาทิ บรูไน สปป.ลาว กัมพูชาและประเทศไทยงดออกเสียง ทำให้ญัตติสั่งห้ามทุกประเทศขายอาวุธให้พม่าไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะอาเซียนผลักดันให้เปลี่ยนถ้อยคำเป็น “ให้ยุติการหลั่งไหลอาวุธเข้าประเทศพม่า” ทำให้สหรัฐฯ ไม่สามารถส่งอาวุธมาช่วยฝ่ายต่อต้านรัฐทหารพม่าได้
เข้าใจว่านี้คือสาเหตุที่สหรัฐฯแค้นพม่าและไทยถึงได้เขียนพลอตเรื่องแผนลอบสังหารผู้แทนถาวรพม่าประจำยูเอ็นขึ้นมา ประกอบกับรักษาการรัฐบาลสภาฯพม่าเสนอแต่งตั้งทูตประจำยูเอ็นคนใหม่แทน ดร.ซาซา และเรียกนายจอว์ โม ทุน กลับประเทศ ซึ่งที่ประชุมสหประชาชาติจะพิจารณาในกลางเดือน ก.ย. ว่าจะรับรองทูตพม่าคนใหม่หรือไม่
ปฏิบัติการข่าวว่าด้วยเรื่องลอบสังหารทูตพม่าโดยพาดพิงมาถึงพ่อค้าอาวุธในประเทศไทย จึงได้เร่งรีบออกมาจนเป็นที่น่าสงสัยหลายประการ
ประการแรกคือแถลงการณ์ร่วมของอัยการ เอฟบีไอและผู้บัญชาการตำรวจนิวยอร์กไม่ได้เอ่ยถึงผู้ว่าจ้างและพ่อค้าอาวุธในประเทศไทย แต่สำนักข่าวต่างประเทศทั้งรอยเตอร์ ซีเอ็นเอ็น รายงานข่าวอ้างผลการสอบสวนของเอฟบีไอ ว่าสหรัฐฯจับกุมชาวเมียนมาได้ 2 คน และอ้างว่าถูกพ่อค้าอาวุธในไทยว่าจ้างให้ไปลอบทำร้ายหรือสังหารทูตยูเอ็นของเมียนมา
สำนักข่าวต่างประเทศให้รายละเอียดว่าสหรัฐฯ จับกุมชาวเมียนมา 2 คนในนิวยอร์ก ฐานวางแผนร่วมกับพ่อค้าอาวุธในไทย เพื่อสังหารหรือทำร้าย จอว์ โม ทุน (Kyaw Moe Tun) ทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติ โดยพ่อค้าอาวุธในไทยรายนี้ คาดว่าเป็นรายเดียวกับที่ขายอาวุธให้กองทัพเมียนมา
สองผู้ต้องหาคือนายพิว ไฮน์ ทุต (Phyo Hein Htut) วัย 28 ปี และนายเย ไฮน์ ซอ (Ye Hein Zaw) วัย 20 ปี ทั้งคู่ถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดวางแผนทำร้ายและโจมตีเจ้าหน้าที่ทางการของต่างประเทศในสหรัฐ มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี
ที่น่าสงสัยคือทำไมนายพิว ไฮน์ ทุต ถึงยอมรับสภาพกับเอฟบีไอ อย่างง่ายดายว่าได้รับการว่าจ้างมาจากพ่อค้าอาวุธในประเทศไทย ที่น่าสงสัยมากกว่านั้นคือยอมรับสารภาพกับพนักงานสอบสวนอย่างละม่อมแล้ว
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอาสาสมัครในภารกิจยูเอ็นของเมียนมานายหนึ่ง บอกกับเอฟบีไอว่า นายพิว ไฮน์ ทุต ได้บอกเขาเกี่ยวกับแผนการหามือปืนรับจ้างมาทำร้ายหรือสังหารทูตพม่าประจำยูเอ็น
นี้มันพลอตละครน้ำเน่าชัดๆ ที่ผู้รับจ้างมาสังหารผู้แทนของประเทศพม่าประจำสหประชาชาติ แต่คนรับจ้างฆ่าปากพล่อยเที่ยวโพนทะนาบอกชาวบ้านทั่วไปแม้กระทั่งยามอาสาสมัครก็ไว้ใจไปเล่าเรื่องคอขาดบาดตายได้
แถมยังบอกเอฟบีไอว่ารับจ้างฆ่าทูตพม่าทางออนไลน์แสดงว่าตัวละครสำคัญคือ นายพิว ไฮน์ ทุต ไม่รู้เลยว่าซีไอเอและเอฟบีไอของสหรัฐฯดักฟังดักอ่านข้อความทุกสเตตัสที่ผู้อยู่ในข่ายต้องสงสัยส่งรับกันไปมาโดยเฉพาะการโอนเงินออนไลน์จากพ่อค้าอาวุธจากเมืองไทยไปให้คนพม่าถึง 4,000 ดอลลาร์ ตั้งแต่เดือน
ก.ค. ที่มาไม่น่าจะผ่านสายตาของซีไอเอและเอฟบีไอไปได้จนถึงวันที่ 7 ส.ค. เพราะซีไอเอ รู้ทุกความเคลื่อนไหวของคนค้าขายอาวุธ
ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดตัวละครที่จัดฉากให้คือนายพิว ไฮน์ ทุต เป็นตัวเดินเรื่องโดยที่ไม่มีความรู้เรื่องแสนยานุภาพของกองทัพพม่าว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน จนพ่อค้าอาวุธคนไทยไม่มีศักยภาพพอที่จะขายอาวุธให้พม่าได้ พูดง่ายๆ พ่อค้าอาวุธไม่เคยได้ค้าขายอาวุธให้กับกองทัพพม่า รัสเซีย จีน อิสราเอล เยอรมนี เกาหลีเหนือคือคู่ค้าอาวุธรายใหญ่ให้กองทัพพม่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาวุธหนักเช่นขีปนาวุธ เครื่องบินรบ ระบบต่อต้านขีปนาวุธ เรือรบ ฯลฯ ส่วนใหญ่พม่าซื้อขายกับรัสเซีย แล้วจะมีช่องว่างตรงไหนให้พ่อค้าอาวุธไทยได้ค่านายหน้าขายอาวุธให้พม่า
ถ้าผู้ต้องหาที่สหรัฐฯอ้างว่าจับได้ เป็นคนมีความรู้เรื่องขายอาวุธและแสนยานุภาพของกองทัพพม่า
เพียงแต่ดูจากการจัดอันดับของ Global Firepower เมื่อปี 2021 หรือ พ.ศ. 2563 จะพบว่า
กองทัพพม่า - มีกำลังพล 515,000 นาย (ทหารราบ 110,000 นาย) อากาศยานทางทหาร 287 ลำ - รถถัง+ยานเกราะ 2,295 คัน ปืนใหญ่+อาวุธหนัก+หัวจรวด+ยุทโธปกรณ์ 2,405 รายการ เรือยุทธการ+ตรวจการณ์ 90 ลำพร้อมเรือดำน้ำจำนวน 1 ลำ ที่สำคัญพม่าเพียงประเทศเดียวในอาเซียนที่ติดตั้งเครื่องป้องกันขีปนาวุธทำในรัสเซีย @งบประมาณ $2,000 ล้าน-จัดอยู่
ในอันดับที่ 64 ของโลก พม่าซึ่งแสนยานุภาพมากกว่ากำลังพลของชาติพันธุ์ทุกกลุ่มรวมกันถึง 5 เท่า+
หมายเหตุ - ส่วนอันดับของประเทศอื่นๆ ในอาเซียน- ดังนี้ อินโดนีเซีย-กำลังพล 4 แสน และ กำลังสำรอง 4 แสน อากาศยานทางทหาร 462 ลำ - รถถัง+ยานเกราะ 1,491 คัน ปืนใหญ่+อาวุธหนัก+หัวจรวดกับยุทโธปกรณ์ 565 รายการ เรือยุทธการทางทหาร 282 ลำ พร้อมเรือดำน้ำจำนวน 5 ลำ@งบประมาณ $7,600 ล้าน-จัดอยู่ในอันดับที่ 31 ของโลก
เวียดนาม-กำลังพล 4.8 แสน+กำลังพลสำรอง 5 ล้าน อากาศยานทางทหาร 293 ลำ–รถถัง+ยานเกราะ 5,145 คัน ปืนใหญ่+อาวุธหนัก+หัวจรวด+ยุทโธปกรณ์ 1,155 รายการ เรือยุทธการทางทหาร 65 ลำ +พร้อมเรือดำน้ำจำนวน 6 ลำ @งบประมาณ $5,500 ล้าน - จัดอยู่ในอันดับที่ 39 ของโลก
ไทย-กำลังพล 3.6 แสน+กำลังพลสำรอง2 แสนนาย อากาศยานทางทหาร 570 ลำ–รถถัง+ยานเกราะ 2,257 คัน ปืนใหญ่+อาวุธหนัก+หัวจรวดกับยุทโธปกรณ์ 821 รายการ เรือยุทธการทางทหาร 292 ลำ (ยังไม่มีเรือดำน้ำประจำการ) @งบประมาณ $7,100 ล้าน - จัดอยู่ในอันดับที่ 37 ของโลก
สิงคโปร์ - กำลังพล 72,500+กำลังพลสำรอง 3.2 แสน อากาศยานทางทหาร 235 ลำ–รถถัง+ยานเกราะ3,180 คัน เรือยุทธการทางทหาร 40 ลำ และ เรือดำน้ำอีกจำนวน 4 ลำ @งบประมาณ $11,200 ล้าน - จัดอยู่ในอันดับ 27 ของโลก และงบประมาณกองทัพสิงคโปร์เป็นอันดับที่ 1 ในอาเซียน!!
ส่วนกองทัพมาเลเซีย (44) -ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และกองทัพบรูไน - ไม่ได้รับการจัดอันดับโลก
ปล. - เป็นการจัดอันดับแสนยานุภาพและงบประมาณ ถืองบประมาณเป็นสำคัญ พม่าใช้งบประมาณเพียง 2,000 ล้านดอลลาร์ อาจเป็นเพราะอาวุธบางชนิดทำแบบค้าต่างตอบแทนคือแลกเปลี่ยนสินค้ากับอาวุธกันเช่นแร่หายากหรือ Rare Eart ที่ใช่กันหัวรบขีปนาวุธและแผงวงจรไอที ซึ่งพม่ามีมาก ลำดับการใช้งบประมาณของพม่าจึงดูน้อยกว่าชาติอื่นในอาเซียน
แต่แสนยานุภาพทางกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์พม่ามีมากกว่าไทยและหลายประเทศในอาเซียน
จึงถือว่าอเมริกาปั่นกระแสให้ขายหน้าและพลาดท่าห้าแต้ม ที่กล่าวหาว่าพ่อค้าอาวุธไทยที่ขายอาวุธกองทัพพม่าจ้างคนไปทำร้ายหรือฆ่านักการทูตพม่าในสหรัฐฯ เป็นข้อหาสมคบคิดเพื่อดิสเครดิตไทยและพม่าในเวลาเดียวกัน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี