จากแรงเขย่าทางการเมือง “อย่างรุนแรง” ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่บางคน บางฝ่าย วิจารณ์กันว่าถึงขั้นจะ “คว่ำเก้าอี้นายกรัฐมนตรี” กันเลยทีเดียวนั้น
ส่งผลให้เกิดการ “จับตาดู” คะแนนโหวต “ไม่ไว้วางใจ” โดยเฉพาะของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะออกมาอย่างไร
ผลคะแนน “รองบ๊วย” ต่อจาก รมต.สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นับว่า “ไม่ธรรมดา!!”
แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะให้สัมภาษณ์สื่อ หลังรู้ผลแล้วว่า “พอใจกับผลคะแนน จากนี้ก็จะทำงานต่อไป”
แต่เมื่อถามถึงผลคะแนนไว้วางใจที่ออกมารองบ๊วย พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “บ๊วยเหรอ” จากนั้นนักข่าวระบุว่า รองบ๊วย แต่นายกฯ ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า จากนี้จะปรับตัวเข้าหา สส.มากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะให้ทำอย่างไร ตนก็จะพบปะพวกเขาหน่อย โดยต้องเริ่มจากเป็นครั้งคราว ซึ่งเขาก็อยากพบเราเท่านั้น ทั้งนี้ในเรื่องผลประโยชน์อะไรตนไม่เคยทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้เขาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า จะมีการจัดกิจกรรมพบปะ สส.ประจำเดือนหรือประจำสัปดาห์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูก่อนว่าจะพบปะกันได้หรือไม่อย่างไร เพราะตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค
เมื่อถามว่า ที่ได้คะแนนน้อยจะต้องมีการพูดคุยกันหลังจากนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้สนใจจะมากจะน้อยแล้ว มันผ่านไหมเล่า ถ้าผ่านก็จบแล้ว”
เมื่อถามต่อว่าได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหลังการลงมติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คุยกันทุกวันทุกคืนอยู่แล้ว เมื่อกี้ก็นั่งคุยที่โต๊ะ คุยกันเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ”
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้คะแนนมากที่สุดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้เจอกันและได้แสดงความยินดีไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของภายในพรรค เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนพบปะได้ทุกคน ถ้าใครอยากมาพบ แต่เขาจะกล้าหรือไม่ ซึ่งก็จะต้องหาเวลามาพูดคุยกันในเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
เมื่อถามย้ำว่า สบายใจแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “จ้ะๆ” เมื่อถามว่าไม่ได้น้อยใจใช่หรือไม่ที่มีคะแนนรองบ๊วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนใจน้อยกติกาเขาว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น
เมื่อถามว่า นายกฯ ได้คะแนนไม่ไว้วางใจอันดับหนึ่งน้อยใจหรือไม่ นายกฯ หันกลับมาชูกำปั้นมือขวา พร้อมตอบมาว่า นายกฯ ใจเท่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลับบ้านไปจะทำอะไรวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่กับครอบครัว เมื่อถามว่า นายกฯไม่เสียกำลังใจใช่ไหมได้คะแนนโหวตเท่านี้ นายกฯ ไม่ตอบคำถาม พร้อมกับก้าวขึ้นรถจากนั้น นายกฯได้ลดกระจกรถลง พร้อมชูกำปั้นมือขวาออกมาระบุว่า “หัวใจผมเท่ากำปั้น กำปั้นนายกฯมันใหญ่ ฉะนั้นหัวใจนายกฯ มันใหญ่อยู่แล้ว” พร้อมกับทุบไปที่อกข้างซ้าย 2 ครั้ง และกล่าวย้ำว่า “กำปั้นนายกฯมันใหญ่อยู่แล้วฉะนั้นหัวใจนายกฯมันใหญ่อยู่แล้ว กำลังใจก็ดี”เมื่อถามว่า ยังเข้มแข็งใช่หรือไม่นายกฯ ไม่ตอบเพียงแค่ชูกำปั้นแสดงความเข้มแข็งให้กับผู้สื่อข่าว ก่อนเดินทางออกจากรัฐสภา
ครับ, นั่นคือภาวะ “น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก” ตามบทที่ผู้นำจำต้องเป็น จะฟูมฟายคร่ำครวญให้คนเห็นก็ใช่เรื่อง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่อดีตแล้วครับ แต่อยู่ที่อนาคต ว่า “ความสัมพันธ์” ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ “ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐจะเป็นอย่างไร
1) ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ “แยกตัว” ออกมาจากพรรคและ สส. ทั้งๆ ที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกฯ แต่ความห่างเหินชัดเจน ซึ่งเป็น “จริต” ของท่านที่ชัดเจนมาตั้งแต่เป็น หัวหน้า คสช. แล้ว เพราะท่านดูไม่ค่อย “นิยมนักการเมือง” สมัยนั้น ตำหนินักการเมืองเอาไว้มาก
2) แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ถนนสู่ตำแหน่งนายกฯ ก็ต้องถมด้วยก้อนอิฐที่เรียกว่า “นักการเมือง” แถมเป็นนักการเมืองแบบที่ตนเคย “ไม่นิยม” มาก่อน บวกกับกติกาที่ปูทางนำไว้แล้ว และ สว. แต่จะไปถึงจุดนั้นไม่ได้ หากไม่มี “พรรคการเมือง” กับ “สส.” เป็นคนเขี่ยบอลให้
3) ทำงานมาเกินครึ่งเทอมแล้ว กลิ่นการเลือกตั้งโชยมาชัดเจนแล้ว “นักเลือกตั้ง” ที่พ่วงตำแหน่ง “แม่บ้านพรรค” อย่างร้อยเอกธรรมนัส ต้อง “เตรียมการ” เพื่อจะชนะการเลือกตั้ง แต่สภาพที่เป็นอยู่ คือ คนของพรรคพลังประชารัฐทำได้แค่คอย “ยกมือ” ให้อำนาจเก่าจาก คสช. อยู่ในสภา ไม่อาจเสนอหน้าไปมีตำแหน่ง มีงบประมาณ มีผลงานในพื้นที่ที่มากกว่าทุนรอนและความขยันส่วนตัวได้เลย ด้วยหลักการนี้ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบร้อยเอกธรรมนัส แต่หากเข้าใจบทบาทของนักเลือกตั้ง และ เลขาฯพรรค คุณก็จะไม่รู้สึกว่าร้อยเอกธรรมนัสนี่ “ชักจะเกินไปแล้ว” แต่อย่างใด
4) พอฝ่ายค้านเปิดเกม “ขออภิปรายไม่ไว้วางใจ” มันก็เป็นจังหวะที่ฝ่ายการเมืองสามารถ “ผสมโรง” เพื่อทำลาย “ความหมางเมิน/เฉยชา” หรืออาจถึงขั้น “ไม่เห็นค่า”ให้ได้ “รู้สึก” เสียบ้าง นั่นจึงเป็นที่มาของการสร้างแรงกระเพื่อม “ครั้งใหญ่” ว่าจะมาวางตัวเป็น ผบ.ทบ. แล้วให้บรรดา สส. เป็นแค่ “พลทหาร” มีหน้าที่แค่ยกมือให้ในสภาไม่ได้แล้วนะโว้ย!!
5) “แนวหน้าออนไลน์” รายงานข้อมูลก่อนถึงวันลงมติเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 หลังการประชุม สส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เสร็จสิ้นลงเมื่อเวลา 13.35 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. ได้เดินทางออกจากรัฐสภา ไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อฯ โดยเป็นเวลาที่ไล่เลี่ยกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางออกไปสมทบ
โดยเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ได้มี พล.อ.ประวิตร, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พปชร. พร้อมด้วย สส.ของพรรค พปชร. ประมาณ 60 คน รออยู่ โดยมีการสั่งให้ สส.ทุกคนที่เดินทางมา เก็บโทรศัพท์มือถือทั้งหมด
ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้ยกมือไหว้ขอโทษ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมระบุว่า “ถ้าทำอะไรให้ท่านไม่สบายใจผมขอโทษ” ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ยกมือรับไหว้ตามมารยาท
ร.อ.ธรรมนัส ยังได้ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าข่าวที่ออกมาเป็นข่าวลือทั้งหมด นักข่าวไปเขียนกันเอง ตนไม่รู้เรื่อง เป็นเฟคนิวส์ พร้อมกับระบายว่า สิ่งที่เชิญท่านมา อยากขอความมั่นใจว่านายกฯจะดูแล และจะทำงานร่วมกับพวกเรา สส.และพรรค พปชร.อย่างไร ตนมาขอความมั่นใจ
พล.อ.ประยุทธ์ จึงถามกลับว่า มีอะไรที่เราต้องดูแลบ้าง ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า มีหลายเรื่อง สส.ไม่สบายใจ ในฐานะเราเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคอื่นขออะไรก็ได้ แต่พวกเราไม่ได้อะไรเลย พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบ ร.อ.ธรรมนัสว่า ถ้าโครงการต่างๆ มันถูกกฎหมายก็เขียนมาสิ
ร.อ.ธรรมนัส ได้พูดกับ พล.อ.ประยุทธ์ อีกว่า ท่านไม่เคยมาดูแล ไม่ได้เจอ สส.ในพรรคเลย สส.หลายคนก็ไม่เคยได้รู้จักกับท่านเลย พล.อ.ประยุทธ์ เลยตอบกลับไปว่า “ถ้าเป็นปัญหาแบบนี้ เราก็จะไปปรับตัวดู” ร.อ.ธรรมนัสจึงกล่าวว่า “อะไรที่ผิดพลาดไปผมก็ต้องขออภัย แต่สิ่งที่ผมพูดไป พูดไปในฐานะเลขาธิการพรรค ที่ต้องดูแลพรรค ดูแล สส.” พร้อมกับบอก พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยว่าในการลงมติวันที่ 4 กันยายน ท่านไม่ต้องห่วงหรอกครับแต่รัฐมนตรีบางคนอาจจะไม่เท่าท่าน โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐสส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และประธานวิปรัฐบาลได้กล่าวเสริมว่า ของท่านอันดับ 1 พล.อ.ประยุทธ์จึงบอกว่า ให้มันเท่าๆ กันดีกว่า อย่างไรก็ตาม มีช่วงหนึ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์ พูดกับ สส.ว่า อะไรที่ทำได้ก็จะทำ อะไรที่ผ่านมาก็อย่าไปคิด
อย่างไรก็ดี ในการพบ สส.ครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ ได้โชว์ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของ 3 ป.โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปกอด พล.อ.ประวิตร พร้อมสลับพูดรับส่งกันอย่างอารมณ์ดีว่า “ถ้า 3 คน อยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าไปก็ต้องไปด้วยกัน ยังมีเรื่องราวของทั้ง 3 คนที่คนอื่นไม่รู้อีกเยอะ” นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำด้วยว่า “ถ้าอยู่เราต้องอยู่กัน 3 คน” ก่อนหันไปกระเซ้าพล.อ.ประวิตรว่า “ท่านอยากเป็นนายกฯหรือ” พล.อ.ประวิตรจึงกล่าวตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “จะบ้าหรือ กูไม่เป็นหรอก มึงเป็นนั่นแหละ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่นาน พล.อ.ประวิตร เคยพูดกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่เข้ารายงานสถานการณ์ต่างๆ ในพรรค ประโยคหนึ่งให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องว่า “มึงจะให้กูทรยศน้องกูเหรอ”
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวจาก พปชร. กล่าวว่า แม้จะเคลียร์ปัญหาภายในกันได้ก่อนลงวันมติในวันที่ 4 ก.ย. แต่ประเมินว่า น่าจะมี ร.อ.ธรรมนัสเอฟเฟกท์เกิดขึ้น เพราะถือว่า ครั้งนี้ค่อนข้างเคลื่อนไหวแรงมาก และมีเดิมพันสูงยังคงมีความไม่พอใจนายกฯของ สส.บางคนอยู่ จึงต้องจับตาผลการลงมติที่จะเป็นตัวสะท้อนความรู้สึกขอบางคนในพรรค โดยคะแนนนายกฯ ควรจะต้องอยู่ระหว่าง 263-270 คะแนน หากต่ำกว่านี้ เป็นเรื่องใหญ่แน่
6) “แนวหน้าออนไลน์” สรุปการลงคะแนน “ไม่ไว้วางใจ” และ “ไว้วางใจ” ว่า ผลโหวตที่ออกมาพบว่า สส.พรรคร่วมรัฐบาล รวม 272 เสียง เทคะแนนไว้วางใจนายกฯเกือบครบ โดย สส.พลังประชารัฐ 119 คน ไม่มีใครแตกแถวลงมติไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ครบทุกคน แม้กระทั่งร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเป็นตัวตั้งตัวตี ล็อบบี้เสียงส.ส.ให้ลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯนั้น ก็ยังลงมติไว้วางใจให้พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่ต่อไป ยกเว้นนายสุชาติ ตันเจริญ คนเดียวที่ลงมติงดออกเสียง ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย 61 เสียง ลงมติไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ครบเช่นกัน แม้กระทั่งนายศุภชัย โพธิ์สุรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ลงมติไว้วางใจให้นายกฯ พรรคประชาธิปัตย์ 48 คน ลงมติไว้วางใจนายกฯ 45 เสียงมีเพียงนายอันวาร์ สาเละ สส.ปัตตานี โหวตสวนไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ส่วนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ ลงมติงดออกเสียง ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ อาทิ พรรคชาติไทยพัฒนา 12 คน พรรคพลังท้องถิ่นไท 5 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 คน พรรคชาติพัฒนา 4 คน ลงมติไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ครบถ้วน
ขณะที่การลงคะแนนของพรรคเล็กปรากฏว่า เสียงแตกกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง โดยพรรคไทยศรีวิไลย์ของนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ พรรคไทรักธรรม ของนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค พรรคประชาธิปไตยใหม่ ของนายสุรทิน พิจารณ์ ลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ ส่วนพรรคเล็กอื่นๆ อย่าง พรรคประชาธรรมไทย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคพลเมืองไทย พรรคพลังชาติไทย พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคเพื่อชาติไทย ลงมติไว้วางใจนายกฯ ขณะที่พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทยนั้น นายดำรงค์ พิเดช ลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ แต่นายยรรยงก์ ถนอมพิชัยธำรง สส.พรรครักษ์ผืนป่าฯอีกคน กลับลงมติไว้วางใจนายกฯ
สำหรับการลงมติของซีกฝ่ายค้านนั้น เทเสียงไม่ไว้วางใจนายกฯเกือบทั้งหมด โดยพรรคเพื่อไทย 134 คนลงคะแนนไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ 115 คน แม้กระทั่งสส.ที่มักลงคะแนนสวนมติพรรค อย่าง น.ส.พรพิมล ธรรมสารสส.ปทุมธานี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ สส.กทม. มาครั้งนี้ก็ร่วมลงมติไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์เช่นกัน มีเพียง 3 คนคือ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ สส.ศรีสะเกษ นายชัยยันต์ผลสุวรรณ์ สส.ปทุมธานี นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร สส.นครนายก ที่ไม่ลงมติใดๆ
ส่วนพรรคก้าวไกล 53 คน ลงมติไม่ไว้วางใจ ยกเว้นสส.กลุ่มงูเห่า อาทิ นายคารม พลพรกลาง สส.บัญชีรายชื่อ ลงมติไว้วางใจนายกฯ ขณะที่ 3 งูเห่าสีส้ม คือ นายขวัญเลิศ พานิชมาท สส.ชลบุรี นายพีรเดช คำสมุทรนายเอกภพ เพียรพิเศษ สส.เชียงราย ไม่ยอมลงมติใดๆและนายจรัส คุ้มไข่น้ำ สส.ชลบุรี ลาประชุม เพราะติดโควิด และพรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ ยกเว้น นายอนุมัติ ซูสารอ สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ที่ลงคะแนนไว้วางใจนายกฯ
เมื่อดูรายละเอียดเช่นนี้แล้ว คะแนน “รองบ๊วย” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงมิได้เกิดจาก พรรคพลังประชารัฐโดยตรง
7) จับตาดูกันต่อ ว่า อาฟเตอร์ช็อกหลังการอภิปรายจะนำไปสู่ “ความเปลี่ยนแปลง” ใดบ้าง ปรับ ครม. คงไม่เกิด เพราะจะทำให้นายกฯเป็นฝ่าย “เสียหน้า” แต่การ “ปรับตัวเข้าหา” และเข้าใจ “นักเลือกตั้ง” คงต้องทำโดยขีด “เส้นใต้บรรทัด” 500 เส้น ที่คำพูดก่อนหน้านี้ของ รอ.อ.ธรรมนัส ที่ว่า
“ในการประชุมพรรค พปชร.เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ถามพี่น้องทุกคนเลยว่า ผมพูดอะไรเกี่ยวกับการเลื่อยขา มท.1 ได้ยินจากปากผมเหรอครับ ผมพูดกับ สส. 50-60 คน บอกว่า สส.ในพรรคอึดอัดหลายเรื่อง และรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ตรงนี้มีผลงานไปบอก สส.ให้บอกชาวบ้าน ว่านี่คือ ผลงานของพรรค พปชร. ไหม สส.ตอบได้เลยว่า ไม่มี มีหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเดียวคนที่เป็นตัวแทนของประชาชน ถ้าเป็นที่พึ่งไม่ได้อย่าเป็น สส.เลยดีกว่า แล้วถ้าไม่เคลียร์ตัวผมพร้อมที่จะกลับไปเป็น สส.เหมือนเดิม ไม่ได้สนใจด้วย”
8) กับนายกฯ และ ป.ป๊อก รมต.มหาดไทย คง “เข้าใจตรงกัน” แล้ว แต่กับ “ไอ้ห้อยไอ้โหน” ที่สร้างแรงกระเพื่อมจนพา ร.อ.ธรรมนัส ตกเป็นเป้าอย่างโจ่งแจ้ง ก็จงขีด “เส้นใต้บรรทัด” 50,000 เส้น ที่คำว่า “...เมื่อถามว่า ที่บอกว่าเป็นคนจำนาน จะมีการแก้แค้นเกิดขึ้นหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นคนแบบนี้ จำนาน และจำดี แต่ไม่ใช่การแก้แค้น ถ้าคนเหล่านั้นไม่แก้ไข ก็ถูกประชาชนลงโทษเอง และบอกได้เลยว่า ถ้ายังเป็นแกนนำพรรค พปชร. สส.ที่เป็นไอ้ห้อยไอ้โหนทั้งหลาย สมัยหน้าไม่ได้ลงหรอก”
จบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ไม่จบความรู้สึกไม่ไว้ใจ!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี