โลกหลุดออกมาจากดวงอาทิตย์เป็นเวลากว่า 3,600 ล้านปีแล้วโดยสิ่งมีชีวิตเริ่มกำเนิดเกิดขึ้นกว่าพันล้านปีก่อน ต่อมามีไดโนเสาร์ครองโลกอย่างยาวนาน แล้วสูญพันธุ์ไปเมื่อ 68 ล้านปีล่วงมาแล้ว โดยสาเหตุการสูญพันธุ์เกิดจาก “ภัยพิบัติอะไร?” ยังเป็นที่ถกเถียงกันไม่ตกผลึก

“โฮโมซาเปี้ยน” กำเนิดมาไม่เกินแสนปี มีอารยธรรมแค่ไม่กี่หมื่นปีเท่านั้น แต่ความฉลาดอันเหนือชั้น ทำให้มนุษย์ทั้งหลายเป็นเผ่าพันธุ์ครองพิภพ

แต่ศักยภาพการพัฒนาของมนุษย์แต่ละเผ่าพันธุ์ในอดีตมีไม่เท่ากัน ซึ่งเกิดจากองค์ประกอบมากมายที่ทำให้บางชาติเป็นมหาอำนาจ บางชาติด้อยพัฒนา และบางชาติเป็นขี้ข้าของนักไล่ล่าเมืองขึ้น

แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ โฮโมซาเปี้ยนทุกเผ่าพันธุ์และทุกประเทศ ต่างมี “จิตวิญญาณขอเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือชาติอื่นวิ่งพล่านอยู่ในสายเลือด”

ดังนั้น นับจากโลกโบราณจนถึงปัจจุบัน “การก่อสงครามเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ การรุกราน การไล่ล่าเมืองขึ้นและกดขี่ชาติที่อ่อนแอกว่า” จึงเกิดขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่องไม่เคยเว้นวรรค

แม้บ่อยครั้ง จะมี “จอมดัดจริต” ที่มองโลกสวยประดิษฐ์คำว่า “สันติภาพ” และ “ความสงบสุข” เป็น“วาทกรรมสุดหรู” มากล่อมมวลมนุษย์ เนื้อแท้คำดังกล่าวเป็นได้แค่ “วาทกรรมยาพิษเคลือบน้ำตาล”

ดังนั้น เราจึงเห็นชาติที่มีศักยภาพในการผลิตและสะสมอาวุธที่ร้ายแรง “นำวาทกรรมดังกล่าวมาขยายความสุดหรูซ้อนวาทกรรมสุดสวย” ว่า “ตนพัฒนาและสะสมอาวุธนั้นเป้าหมายคือ การรักษาสันติภาพให้แก่โลก เพราะตนจะใช้อาวุธที่ร้ายแรงกว่าสยบประเทศที่โหยหาสงคราม”

“วาทกรรมสุดหรูซ้อนสุดสวย” จึงเป็น “วาทกรรมกระฉ่อน”

ด้วยประการฉะนี้ เราจึงเห็นข่าวกระหึ่มก้องโลกว่า “ผู้นำประเทศมหาอำนาจต่างดีใจจนเนื้อเต้นที่เห็นประเทศของตน มีอาวุธร้ายแรงที่ทำลายล้างโลกได้เหนือกว่าชาติอื่นๆ”

“นักวิทยาศาสตร์” คำนวณแล้ว “ระบุว่า” ดวงอาทิตย์จะสิ้นแสงสุดท้ายในอีก 2,500 กว่าล้านปีข้างหน้า แล้วสรรพสิ่งที่มีชีวิตในสุริยจักรวาลจะ “จบลง”

ดูเหมือน “กูรูทางการเมือง” ต่างออกมา “ฟันธง” ว่า “อีกแค่ 100 ปีข้างหน้า เผ่าพันธุ์โฮโมซาเปี้ยนในโลกจะสูญพันธุ์” เพราะโลกจะมีผู้นำเสียสติจากหลายชาติ
ต่าง “กดปุ่มพร้อมกัน” ให้ระเบิดนิวเคลียร์ล้างโลก

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม