สถานการณ์ราคาน้ำมันในบ้านเราต้องยอมรับว่า ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อปลายไตรมาส 3 ทำให้เกิดการปรับตัวในระดับ 0.18-2.14% ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมัน แต่ที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันต่อลิตรชัดเจนที่สุดก็คือ ราคาน้ำมันดีเซล และดีเซลบี 20 ทำให้ ต้นทุนภาคการขนส่งและการผลิตสินค้าจะได้รับผลกระทบในทันทีในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าหรือเร็วกว่า
สถานการณ์เช่นนี้จากนี้ต้องดูว่าภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือหรือมีมาตรการอย่างไรในการดูแลเรื่องของราคาน้ำมัน เนื่องจากมีเรื่องของกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนผลกระทบด้านเงินเฟ้อ แม้ราคาน้ำมันจะมีผลบ้าง แต่ยังมีปัจจัยอื่นด้วย เช่น มาตรการช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญประกอบที่ส่งผลกระทบให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
สถานการณ์น้ำมันจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีกไม่นาน พรรคการเมืองต่างฉกฉวยโอกาสออกมาประกาศแนวนโยบายพรรคที่อ้างว่าสามารถลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท โดยการลดภาษีสรรพสามิตและลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันจะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลไม่ทะยานเร็วเกินไปนัก
หากรัฐบาลยังนิ่งเฉยต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันจะส่งผลต่อต้นทุนค่าครองชีพผู้บริโภคโดยเฉพาะในด้านพลังงานอาจจะปรับสูงขึ้นในไตรมาส 4 เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นไป
อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงประมาณ 10% จากเศรษฐกิจของประเทศที่อ่อนแอถดถอยจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ในการต่อสู้ระงับยับยั้งวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างความลำบากซ้ำเติมให้กับประชาชนอย่างหนักในภาวะที่ต้องมาประสบพบเจอพิบัติอุทกภัยน้ำท่วมเมื่อปลายเดือนก.ย.จนถึงต้นเดือนต.ค.โดยแนวโน้มในต่างประเทศราคาน้ำมันดิบที่ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 70-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มีแนวโน้มที่จะขึ้นราคาต่อไปอีก โดยคาดหมายกันว่าราคาอาจจะถึง 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างมากเพราะเศรษฐกิจไทยที่มีรายได้จากภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น
รัฐบาลจึงต้องเร่งตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดภาระค่าครองชีพของประชาชน รัฐบาลต้องยอมรับความจริงว่า เกษตรกรต้องเจอกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น แต่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ อันเนื่องมาจากห่วงโซ่อุปทานในประเทศหยุดชะงักจากมาตรการล็อกดาวน์ร้านอาหารและตลาด ห่วงโซ่อุปทานระดับโลกก็สะดุดลงจากต้นทุนการขนส่งที่พุ่งขึ้น
หากแยกแยะการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จะพบว่า รัฐบาลเก็บจากดีเซลลิตรละ 1 บาท เก็บเบนซินลิตรละ 6.50 บาทโดยเจตนารมณ์ที่แท้จริงของการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันนั้นคือการรักษาเสถียรภาพของราคาพลังงาน คือทำทุกหนทางให้ราคาน้ำมันไม่ผันผวนมากไป ในเวลาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นเร็ว เงินกองทุนน้ำมันนี้รัฐบาลจักต้องนำมาช่วยอุดหนุนไม่ให้ราคาขายปลีกเพิ่มเร็วเกินไป
แต่รัฐบาลทหารแก่กลับนำไปอุดหนุนข้ามประเภทพลังงาน และอุ้มอุตสาหกรรมพลังงานชีวภาพเป็นหลัก โดยจากโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 จะเห็นได้ว่าใช้เงินจากกองทุนน้ำมันอุ้มราคา E20 อยู่ 2.28 บาทต่อลิตร อุ้ม E85 7.13 บาทต่อลิตร และอุ้มดีเซล B20 ทั้งสิ้น 4.16 บาทต่อลิตร
ถึงเวลาอีกครั้งที่รัฐบาลต้องกล้าตัดสินใจเพื่อกู้วิกฤตศรัทธากลับคืนมาก่อนจะมีการประกาศการเลือกตั้งทั่วไป
อย่ารีรอกล้าๆ กลัวๆ จนทำให้รัฐบาลทหารแก่ไม่ได้ไปต่อ แต่รัฐบาลระบอบทักษิณจะกลับมาผงาดแทนที่ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี