แนวร่วมม็อบสามนิ้วจาบจ้วงสถาบัน ยังคงความพยายามก่อกรรมทำชั่วอย่างซ้ำซาก
โดยใช้ความเท็จเป็นเครื่องมือขับเคลื่อน สร้างความเกลียดชัง ปั่นกระแสต่อต้านการแก้ปัญหาของภาครัฐ
ยังพยายามจะนัดชุมนุมใหญ่ป่วนเมืองอีกครั้งช่วงปลายเดือนตุลาคม ช่วงที่ประเทศไทยเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้เงื่อนไขในสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศไทย
ล่าสุด ดร.ไชยันต์ ไชยพร แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่ศึกษาค้นคว้าข้อเท็จจริงมาหักล้าง จับเท็จพวกบิดเบือนจาบจ้วงมาหลายกรณีแล้ว ได้โพสต์จับเท็จบทความในเพจ ทะลุฟ้า
1. ในบทความของ เพจ ทะลุฟ้า เรื่อง “เปิดบันทึกทูตอังกฤษ: การแทรกแซงของสถาบันกษัตริย์ที่มีต่อเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516” โพสต์วันที่ 14 ตุลาคม 2564
“ทะลุฟ้า” ได้ลงข้อความว่า
“ในช่วงหลังจากเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลา 2516 Sir Arthur James de la mare (เซอร์ อาร์เธอร์ เจมส์ เดอ ลาแมร์) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ในสมัยนั้นได้มีการส่ง “บันทึกลับ” ที่เกี่ยวกับการปฏิวัติในเดือนตุลาคมไปยังกรุงลอนดอนเพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนั้น
โดยเอกสารนี้ปัจจุบันไม่ได้เป็นเอกสารลับอีกต่อไปและสามารถเผยแพร่สู่สาธารณะ โดยในบันทึกนั้น เดอ ลาแมร์ ได้ตั้งข้อประหลาดใจไว้ 2 อย่างเกี่ยวกับการล่มสลายที่ง่ายดายเกินไปของรัฐบาลถนอม และการแทรกแซงของพระมหากษัตริย์ในการยุติความรุนแรง...........
.......ในประเด็นที่เดอ ลาแมร์ประหลาดใจประเด็นแรกคือ การล่มสลายที่ง่ายดายเกินไปของรัฐบาลถนอม และเขาก็ได้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะสถาบันกษัตริย์นั้นได้คาดการณ์แล้วว่า รัฐบาลจอมพลถนอมนั้นจะไปไม่รอด ก็เลยเลือกที่จะเข้าข้างกลุ่มนักศึกษาเพื่อรักษาฐานเสียงที่มีมากกว่าเพื่อความสร้างความดีความชอบต่อประชาชน...”
2. ดร.ไชยันต์ ไชยพร ได้แสดงเอกสารหลักฐาน พร้อมระบุว่า
“...หากไปดูเอกสารรายงานดังกล่าวของ เดอ ลาแมร์ (ดูเอกสารแนบ)
จะไม่พบข้อความที่ว่า “สถาบันกษัตริย์นั้นได้คาดการณ์แล้วว่ารัฐบาลจอมพลถนอมนั้นจะไปไม่รอด ก็เลยเลือกที่จะเข้าข้างกลุ่มนักศึกษาเพื่อรักษาฐานเสียงที่มีมากกว่าเพื่อความสร้างความดีความชอบต่อประชาชน...”
——————
แต่เดอ ลาแมร์ ประหลาดใจจริงๆ กับการยุติความรุนแรงลงได้อย่างฉับพลัน
โดยเขาได้เขียนไว้ในย่อหน้าแรกว่า
“การล่มสลายลงอย่างง่ายดายของระบอบ (คณาธิปไตยของทหาร)เกิดขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ รวมทั้งการยุติการความรุนแรงอย่างน่าประหลาด”
โดย เดอ ลาแมร์ เขียนว่า สาเหตุที่บ้านเมืองสงบลงได้อย่างรุนแรงเป็นเพราะ
“จากการทราบข่าวว่า จอมพลถนอม-ประภาส และพันเอกณรงค์ ได้ออกไปจากประเทศ และ การลงมาอยู่ข้างนักศึกษาและประชาชนของกษัตริย์เป็นปัจจัยตัดสินสำคัญเด็ดขาด (decisive)”
และเดอ ลาแมร์ยังได้กล่าวไว้อีกในหัวข้อที่ 3 ว่า
“3 อะไรที่เป็นสาเหตุให้ยุติความรุนแรงอย่างฉับพลัน ?
สาเหตุได้แก่ ข่าวที่ออกมาว่า บุคคลที่เป็นที่รังเกียจทั้งสามได้ออกนอกประเทศไปแล้ว และ วิถีแบบไทยที่น่าพิศวง และเหนือสิ่งอื่นใด คือ การลงมาของกษัตริย์”
และเขาได้ขยายความต่อมาในหัวข้อที่ 6 ว่า
“6 ทำไมการจลาจลในจำนวนผู้คนมหาศาล มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนกระทั่งตอนเย็นของวันที่ 15 ตุลาคม กลับยุติลงด้วยความสงบอย่างฉับพลันหลังสองชั่วโมงต่อมา ?
แน่นอนว่า การทราบข่าวที่ประกาศว่า คนทั้งสามกำลังออกจากประเทศมีส่วนให้ทุกอย่างสงบลง
และปัจจัยของวิถีแบบไทยที่น่าสนเท่ห์ เพราะในขณะที่คนไทยถูกปลุกเร้าจนมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงเหมือนอย่างคนชาติใดๆก็ตาม พวกเขารู้สึกภายในใจว่า มันละเมิดความเป็นไทยและความเป็นพุทธ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าคิดว่า เราต้องยอมรับพระราชอำนาจอันเร้นลับ (mystic- อาจอนุโลมแปลว่า ศักดิ์สิทธิ์) ของกษัตริย์ที่ทำให้ทุกอย่างจบลงได้อย่างพิเศษ”
ส่วนที่ ในหลวงรัชกาลที่เก้าคาดการณ์นั้น เดอ ลาแมร์ ได้กล่าวไว้ว่า
“จริงๆแล้ว บุคคลเดียวที่ข้าพเจ้ารู้ ที่คาดการณ์ล่วงหน้าถึงความรุนแรงของสถานการณ์คือ พระมหากษัตริย์
เมื่อ มิสเตอร์ Royle เข้าเฝ้าพระองค์ในวันที่10 ตุลาคม การทำกิจกรรมทั้งหลายทั้งปวงของนักศึกษายังไม่มีความรุนแรงอะไรและยังสงบสันติ แต่พระองค์ทรงตรัสว่า พระองค์ทรงวิตกอย่างยิ่งว่าจะเกิดการนองเลือด พระองค์ทรงวิจารณ์รัฐบาลอย่างหนักที่ไปจับกุมตัวสิบสองนักศึกษา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยเหตุผลที่ใช้ในการจับกุมทั้งตัวพระองค์เอง ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการรัฐธรรมนูญ และนักศึกษามีสิทธิ์เต็มที่ในการชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญอย่างสงบสันติ”
—————————
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า เพจ “ทะลุฟ้า” นำบทความดังกล่าวของ BBC Thai มา ตีความและใส่ข้อความของตัวเองผสมลงไป ทำให้คนอ่านอาจเข้าใจไปว่าเป็นคำกล่าวของ เดอ ลาแมร์
(ดูเอกสารแนบ)
ขอขอบคุณ คุณ จิระพงษ์ พิพัฒน์เจษฎากุล ที่ให้คำแนะนำมาครับ
ร่วมด้วยช่วยกัน !”
3. พุทธพจน์กล่าวว่า “คนโกหก ไม่ทำชั่วไม่มี”
สันดานการโกหกซ้ำซาก เป็นอาจิณ ไร้ยางอาย แล้วพยายามนำความเท็จนั้นมาปลุกปั่น ปั่นหัวผู้คนในสังคมหวังให้เกิดความชิงชังสถาบันหลักของชาติ โดยอ้างตัวว่าเป็นคนรุ่นใหม่
แต่แท้จริง คือ พวกขี้แพ้ ไม่มีใครเอา ทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ
คนพวกนี้ อย่าเรียกว่าเป็นคนรุ่นใหม่เลย
เรียกว่า “ตัวเงินตัวทองสายพันธุ์ใหม่” จะดูดีเกินไปด้วยซ้ำ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี