รับรองได้เลยว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีที่ดินอยู่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทยมากที่สุด ขอย้ำว่ามากมายมหาศาลกว่ามหาวิทยาลัยของรัฐทุกแห่งบนประเทศนี้
แล้วคำถามคือรายได้มหาศาลจากที่ดินซึ่งจุฬาฯถือครองอยู่นั้นไปตกอยู่ที่ไหน ใครหน้าไหนได้ผลประโยชน์จากรายได้มหาศาลเหล่านั้น คณะผู้บริหารจุฬาฯ ทั้งหมดได้รับผลประโยชน์จากรายได้อันเกิดจากที่ดินของจุฬาฯ หรือไม่ แล้วในปี ๆ หนึ่งนั้น ผู้บริหารจุฬาฯ ทั้งหมดมีรายได้จากที่ดินของจุฬาฯ คิดเป็นมูลค่ากี่พันล้านบาท
เรื่องสำคัญเหล่านี้ ผู้บริหารจุฬาฯ เคยชี้แจงให้ ประชาคมจุฬาฯ ได้รับรู้บ้างหรือไม่ และที่สำคัญคือ อบจ. (องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ) เคยค้นหาความจริงเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า หรือว่า อบจ. มีความคิดเพียงสองสามเรื่องเท่านั้นคือ ล้มเลิกการรับพระราชทานปริญญาบัตร ล้มเลิกการสวมชุดนิสิต และล้มเลิกการอัญเชิญพระเกี้ยวในขบวนพาเหรด วันแข่งฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ หรือธรรมศาสตร์-จุฬาฯ แต่เรื่องสำคัญที่น่าสงสัย โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่าผู้บริหารจุฬาฯ บางคนอาจมีพฤติกรรม และพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต อบจ. กลับไม่สนใจ หรืออาจเป็นเพราะว่า อบจ. ได้ส่วนแบ่งบางอย่างจากผู้บริหารจุฬาฯ หรือเปล่า ดังนั้น อบจ. จึงไม่กล้าแตะเรื่องที่น่าจะเข้าข่ายทุจริตประพฤติมิชอบภายในจุฬาฯ
อันที่จริงมีเรื่องประหลาดพิสดารที่น่าค้นหามากมายภายในจุฬาฯ โดยเฉพาะเรื่องรายได้จากที่ดินพระราชทานที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 พระราชทานให้ จำนวน 1,309 ไร่ แต่มีข้อมูลอีกกระแสหนึ่งระบุว่าที่ดินดังกล่าวนั้นเป็นที่ดินในกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่ถูกรัฐบาล ป.พิบูลสงคราม ใช้อำนาจการเมืองโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อครั้ง ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี แต่จะอย่างไรก็ตาม ก็ต้องถือว่ารากฐานเดิมของที่ดินของจุฬาฯ นั้นคือที่ดินของพระมหากษัตริย์
มีข้อน่าสังเกตอีกประการคือ การโอนที่ดินในครั้งนั้นได้ระบุเหตุผลไว้ชัดเจนว่า เพื่อเป็นสถานศึกษาและค้นคว้าศาสตร์ต่างๆ เพื่อจะส่งเสริมวิชาชีพชั้นสูง และทำนุบำรุงวัฒนธรรมแห่งชาติสืบต่อไป แล้วคำถามที่น่าสนใจยิ่งก็คือ ปัจจุบันผู้บริหารจุฬาฯ (รวมถึงยุคก่อนหน้านี้ 4-5 ชุด) ได้ยึดมั่นกับการใช้ที่ดินของจุฬาฯ เพื่อทำเป็นสถานศึกษา และเป็นที่ค้นคว้าศาสตร์ต่างๆ จริงหรือ เพราะหลายคนรู้ดีว่า ที่ดินเฉพาะที่ย่านสยามนั้นไม่ใช่สถานศึกษาอย่างแน่นอน แต่มันคือแหล่งทำเงินมหาศาล คำถามคือแล้วเงินจำนวนมหาศาลจากย่านสยามนั้น หายไปไหน ใครเอาไป แล้วเงินที่ได้นั้นได้ใช้เพื่อบำรุงและสนับสนุนการศึกษาของจุฬาฯ จริงหรือ
ขอย้ำว่าเอาแค่เพียงพื้นที่ของสยามเท่านั้น ก็เป็นเงินจำนวนมหาศาลแล้ว เรื่องนี้ผู้บริหารจุฬาฯ ทุกชุด รวมถึงชุดปัจจุบันที่บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ซึ่งกินตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ เป็นสมัยที่สองไม่เคยทำความกระจ่างในเรื่องนี้ รวมถึงในยุคที่จุฬาฯ มีผัวเมียสลับกันเป็นอธิการบดี ก็ไม่เคยทำความกระจ่างเรื่องนี้แม้แต่น้อย แล้วต้องไม่ลืมว่าอันที่จริงจุฬาฯ มีที่ดินที่ได้มาจากทรัพย์ของพระมหากษัตริย์อีกมากมาย โดยเฉพาะที่สามย่าน ซึ่งปัจจุบันก็ไม่มีสภาพเป็นสถานศึกษาแม้แต่น้อย เพราะที่ดินบนสามย่านได้กลายเป็นแหล่งธุรกิจอย่างชัดเจน ประมาณกันว่าในแต่ละปีนั้นจุฬาฯ มีรายได้รวมๆกันแล้วตกอยู่ที่ 1 หมื่น 5 พันล้าน (แต่บางกระแสบอกว่ามากกว่านั้น เพราะจุฬาฯ มีรายได้จากการให้เช่าที่เป็นเงินมากมาย แต่ไม่เคยมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต่อสาธารณชน)
อบจ. ต้องติดตามเรื่องรายได้มหาศาลของจุฬาฯ ด้วยว่าไปอยู่ในปากของผู้บริหารจุฬาฯ รายใด อย่ามัวแต่คิดเรื่องล้มเจ้า ทั้ง ๆ ที่ตนเองยังอยู่บนที่ดินของเจ้า แล้วที่สำคัญคือต้องไม่ปล่อยให้คนบางคนนำที่ดินของเจ้าไปหาผลประโยชน์โดยกลวิธีฉ้อฉลเพื่อกลุ่มตนเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี