รายการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” หรือ “Massacre” นั้นคนส่วนใหญ่ต่างรู้ความหมายกระจ่างแจ้งว่า เป็นการ “ฆ่าหมู่ผู้คนจำนวนมากที่เป็นทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนชราที่ไร้ทางสู้อย่างโหดเหี้ยม”

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคโบราณ จนถึงยุคปัจจุบันก็ยังมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นอย่างถี่บ่อย

นานาชาติต่างถือว่า “ผู้ลงมือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คือ อาชญากรที่ก่ออาชญากรรม สมควรจะต้องถูกลงโทษ”

แต่ในความเป็นจริง การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งมักเป็นการกระทำของกองทัพหรือคนของรัฐ แม้จะถูกนานาชาติก่นด่า “แต่จบท้าย” กลับไม่มีใครสามารถนำตัวฆาตกรที่ร่วมในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาลงโทษ

แม้บางครั้งจะมีการ “ดำเนินคดี” แต่ความโอ้เอ้วิหารรายทำให้จอมบงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ “แก่ตายไปก่อน” เช่น จอมบงการเขมรแดงที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนชาติเดียวกัน ตายไปร่วม 2 ล้านราย เป็นต้น

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Massacre) แม้จะเกิดขึ้นอย่างมากมายทั่วโลก แต่ที่จะถูกประวัติศาสตร์จารึกไว้จนผู้คนจดจำได้อย่างยาวนานไม่รู้ลืม “มักถูกบันทึกไว้น้อยมาก”

ที่ถูกบันทึกไว้จำนวนน้อยเหล่านั้น ขอยกตัวอย่าง เช่น

“การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในคืนวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ.1572ที่นครปารีส ชาวฝรั่งเศสที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ที่ถูกเรียกเป็นพวก Huguenot (อูว์เกอโน) ได้ถูกชาวฝรั่งเศสที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายอื่น ทำการไล่ล่าสังหารจนตายไปหลายแสนคน”

“ในสงครามโลกครั้งที่ 2” นาซีได้ฆ่าชาวยิวในยุโรปตายไปกว่า 6 ล้านคน ก็ถือเป็นรายการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่สุดมโหฬารของโลก”

“เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ.1890” ที่รัฐเซาท์ดาโกตา“พันตรี เมเจอร์ แซมมอล เอ็ม วิตไซล์” ได้นำทหารกลุ่มหนึ่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อินเดียนแดงกลุ่มสุดท้ายที่ตำบลวู้ดเดดนี่ ในปฏิบัติการชื่อ “Black Coyote” ทำให้เด็กผู้หญิงและคนชราตายไปร่วม 500 รายนับจากนั้นมา ไม่มีอินเดียนแดงคนไหนในสหรัฐอเมริกา กล้าต่อกรกับชาวผิวขาวอีกจนถึงวันนี้

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่โหดกว่าใครในทวีปอเมริกาใต้ จนอินเดียนแดงเผ่าสำคัญในประวัติศาสตร์สูญพันธุ์ไปจากโลกที่เกิดจากการ “เข่นฆ่าของทหารสเปน”

ที่แคนาดาก็โหดไม่แพ้ใคร ครูจากหลายโรงเรียนทั้งข่มขืนและเข่นฆ่าเด็กชาวอินเดียนแดง จนตายไปหลายร้อยหลายพันราย

เรื่อง “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ยังไม่จบ อ่านต่อได้ฉบับวันพรุ่งนี้

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม