ใครว่าเป็นครูเป็นอาจารย์แล้วยากจน เพราะในความเป็นจริงนั้นครูอาจารย์บางคน โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยหลายแห่งมีเงินมีทองมากมายมหาศาล และมากมายจนหลายคนถึงกับอึ้งว่าได้เงินมากมายมหาศาลมาจากไหน เพราะลำพังเงินเดือนครูอาจารย์ก็ไม่น่าจะมากมายจนทำให้มีทรัพย์สินสูงเกินยอดภูเขาที่สูงใหญ่ได้ แต่แล้วเหตุใดครูอาจารย์ในมหาวิทยาลัยหลายคนจึงมีเงินทองมหาศาลจนทำให้สาธารณชนตั้งคำถามว่า ร่ำรวยมาโดยสุจริตหรือไม่
หากคุณๆ สนใจว่าครูอาจารย์ โดยเฉพาะบรรดาผู้บริหารมหาวิทยาลัยของรัฐมีรายได้มากมายมหาศาลเพียงใด ขอแนะนำให้คุณพิมพ์คำว่ารายได้ของอธิการบดี ใน search engine แล้วคุณจะตกตะลึงในความมั่งคั่งอย่างน่าอัศจรรย์ของคนกลุ่มนี้ (อันที่จริงก็ต้องขอบอกว่าบรรดาพระสงฆ์จำนวนไม่น้อยในสังคมไทยก็มีทรัพย์สินมหาศาลไม่แพ้ครูอาจารย์หลายคนในมหาวิทยาลัยเช่นกัน วันหน้าเราจะมาคุยและค้นหาความจริงเรื่องนี้ด้วยกันว่าทำไมพระสงฆ์ไทยจำนวนไม่น้อยจึงร่ำรวยมหาศาล)
มีคำถามว่าทำไมอธิการบดีในมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศไทยจึงได้รับเงินค่าตอบแทนไม่เท่ากัน ทั้งๆ ที่อยู่ในหน่วยงานของรัฐเหมือนๆ
กัน แต่ก็มีคนตอบแทนว่า เพราะมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีขนาดไม่เท่ากัน จำนวนนักศึกษาต่างกัน จำนวนครูอาจารย์ บุคลากรก็ต่างกัน ทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยก็ต่างกัน จึงต้องให้ค่าตอบแทนอธิการบดีต่างกันไปตามภาระงาน ซึ่งคำตอบนี้ก็พอจะรับฟังได้ แต่ก็ยังมีคำถามตามมาอยู่ดีว่า แล้วการคัดเลือก สรรหาอธิการบดีมีความขาวสะอาด โปร่งใส บริสุทธิ์จริงๆ หรือ คนที่รับตำแหน่งอธิการบดีในมหาวิทยาลัยของรัฐมีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งจริงๆ หรือ เพราะเท่าที่สาธารณชนรับทราบนั้น อธิการบดีมหาวิทยาลัยบางคนไม่มีคุณสมบัติเพียงพอกับตำแหน่ง แต่กลับได้รับตำแหน่งเพราะมีอิทธิพลมืดหนุนส่งให้ได้ขึ้นไปกินตำแหน่ง แล้วเมื่อได้ตำแหน่ง ก็ใช้ตำแหน่งฉ้อฉลโกงกินสารพัด
แล้วมีคำถามต่อไปอีกว่า คนที่กินตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยของรัฐมีอายุเกิน 60 ปีได้หรือ เพราะมหาวิทยาลัยของรัฐคือหน่วยงานในสังกัดของรัฐ หากปล่อยให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยของรัฐมีอายุเกิน 60 ปีได้ ก็มีคำถามตามมาว่า แล้วทำไมหน่วยงานราชการอื่นๆ (ยกเว้นกลุ่มบุคคลบางจำพวกบางกลุ่มที่ทำงานในระบบศาลยุติธรรมของไทย) จึงไม่อนุญาตให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่มีอายุเกิน 60 ปีได้
ในแต่ละเดือนนั้น อธิการบดีมีรายได้หลายแหล่งจากมหาวิทยาลัย อาทิ เงินเดือน เงินค่าตอบแทนอื่นๆ เงินค่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง ค่าที่พัก สวัสดิการอื่นๆ อีกสารพัดจะบรรยาย แล้วยังไม่รวมถึงเงินรายได้มหาศาลจากการเปิดหลักสูตรสุดพิสดารในมหาวิทยาลัย ซึ่งหลักสูตรพิสดารที่สาธารณชนรับทราบเป็นอย่างดีก็ไม่แคล้วหลักสูตรที่คนในสังคมไทยวิพากษ์ว่าเป็นหลักสูตรขายปริญญาบัตร ตามทำนองจ่ายครบ จบแน่ แต่คุณภาพด้านวิชาการไม่ต้องถามถึง เพราะไม่มีแม้แต่น้อย
ดังนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจที่มหาวิทยาลัยสารพัดแห่งของรัฐจึงทุรนทุรายพากันเปิดหลักสูตรเพื่อขายปริญญาบัตรกันอย่างครึกโครม โดยไม่แยแสไม่แคร์ต่อสายตาและคำวิพากษ์ของสาธารณชน ดังนั้นเราจึงพบกันเสมอๆ ว่าในเมืองไทยมีมหาวิทยาลัยของรัฐบางแห่งมีพฤติกรรมไม่ต่างไปจากมหาวิทยาลัยห้องแถว แล้วขายปริญญาดอกเตอร์กล้วยกันอย่างสนุกสนาน (อันที่จริงมหาวิทยาลัยเอกชนจำนวนไม่น้อยก็มีพฤติกรรมไม่ต่างไปจากมหาวิทยาลัยห้องแถว แล้วขายปริญญาบัตรตั้งแต่ปริญญาตรีถึงปริญญาเอกกันอย่างเอิกเกริก)
เพราะฉะนั้น ทุกวันนี้เราจึงพบว่าคนจำนวนไม่น้อยใช้คำนำหน้าว่าดอกเตอร์ กันเป็นทิวแถว ทั้งๆ ที่เมื่อสืบค้นประวัติการศึกษาไปแล้วกลับพบว่าสมัยเรียนมัธยมศึกษา ผลการเรียนต่ำทรามจนน่าสังเวช แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าเรียนระดับปริญญาตรีจากสถาบันการศึกษาอะไร แต่แล้วจู่ๆก็กลับใช้คำนำหน้าว่า ดอกเตอร์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนไทยยุคนี้มีคำว่า ดอกเตอร์ นำหน้ามากจนผิดปกติ เมื่อสืบค้นลงไปก็พบว่าจำนวนไม่น้อยได้ดอกเตอร์มาจากมหาวิทยาลัยห้องแถว
สมัยก่อนที่เมืองไทยมีทบวงมหาวิทยาลัย บ้านเมืองของเรามีมหาวิทยาลัยห้องแถวไม่มาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป บ้านเมืองของเรามีกระทรวงการอุดมศึกษาฯ แต่กลับพบว่าบ้านเมืองของเรามีมหาวิทยาลัยห้องแถวมากมาย แถมยังมีดอกเดอร์กล้วยกลาดเกลื่อนบนแผ่นดินไทย จนมีคำถามกลับว่าหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาของไทยทำงานได้มีประสิทธิภาพจริงหรือ หรือว่าคนที่ดูแลหน่วยงานที่ควบคุมคุณภาพการศึกษาของไทยก็ล้วนแต่ไร้คุณภาพ จึงปล่อยให้การศึกษาไทยไร้คุณภาพอย่างน่าสังเวชทุเรศทุรัง
บ้านเมืองใดก็ตามที่มีคนจบปริญญาเอกจำพวกดอกเตอร์กล้วยมากๆก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพด้านวิชาการของบ้านเมืองนั้นตกต่ำถึงขีดสุด ดังนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจที่จะมีแต่เรื่องเลวทรามต่ำช้าเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของไทยเป็นระยะๆ แล้วก็ไม่ต้องประหลาดใจที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยของรัฐมีโภคทรัพย์มากมายมหาศาลอย่างน่าพิศวง แล้วก็ไม่ต้องประหลาดใจอีกเช่นกันที่คุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาของไทยลดต่ำลงเรื่อยๆ จนไม่เห็นว่ามหาวิทยาลัยไทยจะสามารถขึ้นไปติดอันดับหนึ่งในสิบของมหาวิทยาลัยคุณภาพของทวีปเอเชีย ย้ำว่าของทวีปเอเชียเท่านั้น ไม่ต้องฝันว่าจะติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี