เหลืออีกเพียง 11 วัน ก็จะถึงวันเลือกตั้งซ่อมสส.หลักสี่ กทม.ที่จะเป็นตัวชี้ชะตากระแสการเมืองจากพรรคต่างๆก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.กลางปีนี้ โดยเฉพาะพรรคซีกรัฐบาลว่ากระแสจะเปลี่ยนไปแล้วจริงหรือไม่?
หากแต่การเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านพ้นไปของ 2 หน่วยเลือกตั้งทางภาคใต้ ทั้งชุมพร เขต 1 และสงขลา เขต 6 เป็นการเลือกตั้งที่ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายต่างจับตามอง ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาในรูปแบบใด ? เพราะผลการเลือกตั้งนี้จะส่งผลกระทบไปถึงการเลือกตั้งสนามใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน รวมถึงการวัดกระแสการเมืองต่างจังหวัดตอนนี้ต่อรัฐบาลว่าแย่ลงอย่างที่หลายฝ่ายพูดจริงหรือไม่?
แต่กลับมีอีกปัจจัยที่ทำให้การเลือกตั้งนี้ถูกจับตาขึ้นไปอีก เพราะเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แม้ทั้งสองพรรคนี้จะเป็นพรรคที่ร่วมชายคารัฐบาลเหมือนกัน แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้ง ก็ตัวใครตัวมันโดยเฉพาะเวลานี้ใกล้จะหมดเวลารัฐบาลที่จะเตรียมเลือกตั้งใหม่ พลังประชารัฐจึงไม่ได้สนใจที่จะเว้นการแข่งขันให้กับพรรคร่วมในฐานะเจ้าของเก้าอี้เดิมแบบที่เพื่อไทยยอมถอยให้กับก้าวไกลที่สำคัญการเลือกตั้งครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการหยั่งเชิงก่อนจะเข้าสู่สนามจริงในอนาคตโดยเฉพาะเป้าหมายในภาคใต้ และผลลัพธ์ที่ออกมาจะบ่งบอกอะไรบางอย่างหรือไม่ ?
การสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสองพรรคเป็นไปอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ขั้นตอนของการหาเสียงจนไปถึงการปราศรัยที่ดุเด็ดเผ็ดมันเกินจะบรรยาย จนหลายฝ่ายก็ตั้งคำถามว่า จะนำมาซึ่งความขัดแย้งภายในซีกรัฐบาลหรือไม่ ?
อย่างในกรณีของพรรคพลังประชารัฐที่ได้มีการนำชื่อของ โครงการคนละครึ่ง ไปใช้ในการหาเสียง จนนายจุรินทร์ ต้องออกมากล่าวว่า คนละครึ่งไม่ใช่โครงการของพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่งแต่เกิดขึ้นจากการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งในนั้นมีพรรคประชาธิปัตย์อยู่ด้วย ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า ลักวิ่งชิงปล้นกลางแดด ที่เป็นวาทกรรมเด็ดจากฝั่งประชาธิปัตย์ นอกจากนั้น ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ร้อยเอกธรรมนัส ก็ได้สร้างวาทกรรมเด็ด โดยได้กล่าวว่า ให้เลือกผู้แทนที่ชาติตระกูลดีและบ้านต้องมีตังค์ ซึ่งวาทกรรมนี้เองอาจไม่ถูกใจคนใต้มากนัก เพราะภาคใต้เป็นถิ่นของคนจริง และแน่นอนว่าเฉพาะคนจริงเท่านั้น ที่จะได้ใจคนจริงด้วยกัน อีกทั้งคำปราศรัยที่กล่าวออกมายังมีเนื้อหาที่ล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงในทางทุจริต เข้าข่ายว่าจะให้หรือไม่ ? จึงเป็นเหตุให้มีผู้ร้องเรียนไปยัง กกต. ก่อนที่คำร้องดังกล่าวจะถูกปัดตกไป
อย่างไรก็ตาม ผลเลือกตั้งที่ออกมา พรรคประชาธิปัตย์ สามารถยึดฐานที่มั่นเดิมเอามาไว้ในครอบครองได้ อีกทั้งยังแสดงถึงนัยสำคัญและเป็นบทพิสูจน์ว่า ประชาธิปัตย์ยังคงครองใจคนส่วนใหญ่ทางภาคใต้ได้อยู่ ส่วนในสนามอื่นๆ นั้นก็ยังต้องรอพิสูจน์กันต่อไป แต่ในตอนนี้คงพูดได้ว่าในทางยุทธศาสตร์ทางการเมือง ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ประสบความสำเร็จที่สามารถยึดที่มั่นคืนมาได้
แม้จะยังไม่แน่นอน แต่ก็แสดงถึงโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะยังปักธงชัยในสมรภูมิภาคใต้ได้เหมือนที่ผ่านมา ผลที่ออกมาแม้จะถูกใจหัวหน้าพรรคมากเพียงใด แต่ก็คงยังจะดีใจได้ไม่สุดนัก เพราะยังมีเรื่องข้าวยากหมากแพง ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ ที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนตอนนี้ ก่อนเรื่องจะบายปลายไปมากกว่านี้
เลือกตั้งจบเกมไม่จบ+
หลังจากที่การเลือกตั้งได้สิ้นสุดลง ก็ได้มีประเด็นให้ต้องพูดถึงอีกครั้ง จากกรณีคนพลังประชารัฐกล่าวโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสมปรากฏเป็นข่าวในสื่อโซเชียลไปแล้ว ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์เป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าเมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้น พลเอกประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็ไม่อาจอยู่เฉยได้ จึงออกมาแสดงถึงความไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกล่าวว่าหากพบเจอนายจุรินทร์ จะเข้าไปแสดงความยินดี ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
แม้จะมีการซัดกันไปกันมาในระหว่างการหาเสียง แต่ท่าทีของพลเอกประวิตรที่แสดงออกมาก็บ่งบอกถึงโอกาสที่จะเกิดรอยร้าวว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ ถือว่าเป็นการปิดเกมป้องกันรอยร้าวอย่างรวดเร็วของพลเอกประวิตร
การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญสำหรับประชาธิปัตย์ เพราะพื้นที่เหล่านี้แต่เดิม เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ หากสูญเสียที่มั่นไปย่อมส่งผลกระทบมาถึงขวัญกำลังใจในศึกเลือกตั้งกรุงเทพฯ และลุกลามไปถึงการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ก็เป็นได้ และรวมถึงกระแสเลือดไหลออกจากพรรคโดยเฉพาะเลือดในภาคใต้ที่มีมาอย่างหนักในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องแบกรับความกดดันในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างมาก ซึ่งแตกต่างกับพรรคพลังประชารัฐ ที่การเลือกตั้งในครั้งนี้อยู่ในฐานะของผู้ท้าชิง หากไม่ได้ก็ไม่ได้กระทบต่อเสียงในสภาฯ แต่อย่างใด
แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งก็ถือว่าผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ
เพราะอันที่จริง แม้ผลการเลือกตั้งที่ออกมาจะไม่เป็นดั่งที่หวังแต่ผลคะแนนที่ออกมาก็เป็นไปตามเป้าโดยเฉพาะที่สงขลาที่คะแนนเพิ่มขึ้นอย่างมาก และอีกนัยหนึ่งที่สำคัญคือ การที่ผลการเลือกตั้งออกมาในรูปแบบที่พรรคร่วมรัฐบาลแทบจะกินรวบ ก็ยิ่งตอกย้ำว่ากระแสการเมืองของคนต่างจังหวัดต่อรัฐบาลยังกระแสดีและทิ้งห่างพรรคฝ่ายค้านอยู่มาก?
หากแต่ภายพลังประชารัฐเองกลับมีประเด็นที่เลือกตั้งจบแต่ไม่จบ?
ก็ต้องจับตามองว่า หลังจากการเลือกตั้งซ่อมที่พ่ายแพ้ต่อพรรคประชาธิปัตย์แล้ว จะเกิดแรงสั่นสะเทือนภายในหรือไม่ ? เพราะผู้อำนวยการเลือกตั้ง ทั้งนายสุชาติ ชมกลิ่น ผู้รับบทเป็น ผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 6 สงขลา และนายสันติ พร้อมพัฒน์ ผู้รับบทเป็น ผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 1 ชุมพร ไม่สามารถทำให้ผลการเลือกตั้งเป็นไปตามเป้าหมายได้ ซึ่งในภายหลังเองนายสุชาติก็ออกมาเปรยว่า คำปราศรัยของร้อยเอกธรรมนัส บนเวที ที่กล่าวว่า ผู้แทนที่ต้องมีความพร้อมในด้านฐานะ ได้ส่งผลกระทบกับคะแนนเลือกตั้งที่ออกมา
ก็ไม่แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดร้อยเอกธรรมนัสจึงพูดเช่นนั้น แต่ถ้าหากจำกันได้ ผู้อำนวยการเลือกตั้งทั้งสองเขต เคยมีประเด็นกับร้อยเอกธรรมนัสมาก่อนหน้านี้แล้ว อย่างในกรณีของนายสุชาติก็มีประเด็นกับร้อยเอกธรรมนัสในกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ส่วนนายสันติเองก็เคยมีความขัดแย้งเล็กๆ ที่ก่อตัวมาจากปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ ส่งผลให้นายสันติที่เกือบจะได้เป็นแม่บ้านพรรคสมใจ ต้องหลุดไปในที่สุด เรียกได้ว่าทั้งสองคนคงไม่ได้แนบแน่นกับร้อยเอกธรรมนัสอยู่แล้วหรือไม่?
ตอกย้ำด้วยแชทหลุดล่าสุด ภายในมุ้งพลังประชารัฐ กรณีการทำโพลล์พรรคพลังประชารัฐ ที่ไปชี้นำเรื่องภาพลักษณ์ของร้อยเอกธรรมนัส ตามที่เป็นข่าว จนล่าสุดรมต.สุชาติ ก็ต้องออกมายอมรับข้อความในแชทนี้ แต่ก็สวนกลับทันทีว่าคนปล่อยแชทนี้หลุดไม่ใช่ลูกผู้ชาย?
ดูแล้วเลือกตั้งจบแต่ในพรรคพลังประชารัฐคงไม่จบง่ายๆ
อย่างไรก็ตามหากผลงานของทั้งนายสันติและนายสุชาติไม่ปรากฏ ก็ยากที่จะได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ภายในพรรค ในการมอบหมายภารกิจต่างๆ ให้รับผิดชอบ เชื่อว่าหลังจากนี้อาจมีการปรับโครงสร้างของพรรค ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไปว่าการปรับทัพในครั้งนี้จะออกมาในรูปแบบใด ที่สำคัญจะมีการลงดาบผู้กองธรรมนัสที่ไปกล่าวปราศรัยเช่นนั้นบนเวทีหรือไม่? และเพราะเหตุใดบิ๊กแรงงาน ผู้กว้างขวางแห่งเมืองชล จึงต้องลงมาดูแลรับผิดชอบการเลือกตั้งทางภาคใต้?
อีกสิ่งหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ ผลคะแนนของพรรคก้าวไกล ที่ในสนามการเลือกตั้งทางภาคใต้ ไม่สามารถเบียดกับสองตัวเต็งอย่างพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ได้เลย เพราะอย่าลืมว่ารอบนี้เพื่อไทยจงใจไม่ส่ง ไม่รู้ว่าเพราะหลีกทางให้หรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่เมื่อมองถึงผลการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ผ่านมา ผลคะแนนการเลือกตั้งในครั้งนี้ถือว่าพรรคก้าวไกลได้น้อยลงอย่างน่าตกใจ ซึ่งแม้จะไม่ทราบเหตุผลที่แน่ชัดว่า คะแนนเสียงของพรรคก้าวไกล เหตุใดจึงน้อยลง ?
แม้เหตุผลจะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ความนิยมของพรรคก้าวไกลจึงตกลงมากว่าแต่ก่อนมาก? ซึ่งบทพิสูจน์สำคัญที่รอพรรคก้าวไกลอยู่นั่นก็คือ เวทีการเลือกตั้งซ่อมกรุงเทพฯ จตุจักร -หลักสี่ ว่าตัวแทนจากพรรคก้าวไกลอย่างนายเพชร กรุณพล จะสามารถเบียดคะแนนกับผู้สมัครจากพรรคอื่นโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางกระแสความนิยมของประชาชนต่ออุดมการณ์ซีกเดียวกันในการเลือกตั้งสส.ในปีหน้า?
เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดและปัญหาเศรษฐกิจที่ตามมา ได้เขย่ารัฐบาลเป็นอย่างมากและเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายค้านแต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลต่างจากเพื่อไทยคือชูเรื่องการแก้มาตรา 112?
การเลือกตั้งทางภาคใต้ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า แม้จะไม่มีพรรคเพื่อไทยมาแบ่งชิ้นเค้ก คะแนนก้าวไกลก็ยังคงเทียบกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไม่ได้อยู่ดี ทั้งที่กระแสในโลกออนไลน์ยังมีอยู่มาก แต่เหตุใดผลการเลือกตั้งไม่สอดคล้องกับโลกออนไลน์ อะไรจึงทำให้กระแสออนไลน์กับโลกจริงตอนนี้แตกต่างกัน ยังตอบไม่ได้ ต้องรอการเลือกตั้งซ่อมพื้นที่กทม.อีกครั้งในสิ้นเดือนนี้?
และล่าสุดอาจมีอีกหนึ่งเขตที่ส่อแววว่าจะเกิดการเลือกตั้งซ่อมอีกครั้ง เพราะไม่นานมานี้ กกต.ได้มีคำวินิจฉัย ให้ใบเหลืองนายวัฒนา สิทธิวัง ผู้แทนจากพรรคพลังประชารัฐ เขต 4 จังหวัดลำปาง จากหลักฐานที่ปรากฏเป็นคลิปวีดีโอการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ในสนามการเลือกตั้งซ่อม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 ส่งผลให้ล่าสุดกกต.ได้ส่งเรื่องไปยังศาลเพื่อพิจารณาอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ตาม เกมจบหรือไม่จบก็ต้องเดินหน้าต่อ เพราะอย่าลืมว่าวันที่ 30 มกราคม 2565 นี้ ก็จะมีการเลือกตั้งซ่อมของจังหวัดกรุงเทพฯ เขตจตุจักร-หลักสี่ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะต้องฟาดฟันกับพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคกล้า พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญ พรรคพลังประชารัฐเจ้าของพื้นที่เดิมก็ต้องการที่จะรักษาที่มั่นเอาไว้ พรรคกล้าเองก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าเหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนราษฎร เพื่อไทยต้องการเรียกความเชื่อมั่นให้ได้มากที่สุดและเช็คเสียงก่อนการเลือกตั้งใหญ่จะเกิดขึ้น ส่วนพรรคก้าวไกลต้องการที่จะช่วงชิงที่นั่ง ต่อจากนี้คงจะได้เห็นบรรยากาศในการหาเสียงที่เข้มข้นและร้อนแรงอย่างแน่นอน เพราะการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้นอกจากคะแนนเสียงสส.แล้ว ยังจะวัดกระแสคนเมืองที่มีต่อรัฐบาลได้อีกด้วย
“คนที่ป่วยหนัก สามารถรอดต่อไปหรือไม่? อย่างน้อยต้องดูตัวมันเอง คิดจะมีชีวิตต่อไปหรือไม่? “
เหยี่ยวเดือนเก้า /// โกวเล้ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี