กัญชา ถูกมองด้วยสายตาหวาดระแวง
การจะทำให้กัญชาถูกกฎหมาย ดีที่สุด คือ จะต้องให้ชาวบ้านทั่วไปเข้าถึงได้ จึงจะสิ้นครหาประเภทว่า มีใครเตรียมปลูกขาย เตรียมส่งมาขาย เพราะถ้าให้ชาวบ้านปลูกได้เอง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปอุดหนุนพ่อค้า แล้วก็ควรออกกฎหมายมากำกับคุมผู้ปลูกรายใหญ่ๆ แทนจะไปตามจับชาวบ้านที่ปลูกกันต้นสองต้นตามบ้านเรือน
คนที่อธิบายเหตุผลและให้ข้อมูลได้น่ารับฟังที่สุดคนหนึ่ง คือ ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเป็นเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเกี่ยวกับเหตุผลที่ควรปลดล็อกต้นกัญชาออกจากการเป้นยาเสพติด
ประเด็นสำคัญบางตอน ระบุว่า
“...ระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 มีความเคลื่อนไหวจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เรียกร้องให้มีการทบทวนแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 โดยให้กัญชาและกระท่อม ออกจากบัญชีรายการยาเสพติดประเภทที่ 5
ผลปรากฏว่าพืชกระท่อมได้รับการพิจารณายกเลิกออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษไปก่อน โดยประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 26 พฤษภาคม 2564 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 24 สิงหาคมในปีเดียวกัน เราได้เห็นกระแสตอบรับจากสังคม เห็นการใช้อย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งนำไปสู่การใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่ผิดกฎหมายและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อีกด้วย
ในส่วนของการถอนกัญชาให้พ้นจากบัญชีรายการยาเสพติดนั้น แม้จะมีความล่าช้ากว่ากระท่อม แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดมีมติผ่านร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดประเภทที่ 5 ปลดกัญชาจากยาเสพติด เว้นแต่สารสกัดที่มี THC มากกว่า 0.2% โดยน้ำหนัก โดยร่างฯดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก่อนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะลงนามประกาศใช้
ปี 2562 ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประกาศให้มีการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ส่งผลให้ผู้ป่วยในบางโรคสามารถเข้ารับบริการกัญชาทางการแพทย์ได้ทั้งในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์แผนไทย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข้อห่วงกังวลทั้งเรื่องการเข้าถึงบริการ และความเข้าใจของสังคมที่ต่อกัญชา ยังคงดำเนินต่อไป
ในที่นี้จึงขอเสนอเหตุผลที่เราควรถอดหรือปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชีรายการยาเสพติด ดังนี้
หลังจากมีการใช้นโยบายกัญชาทางการแพทย์ มีงานวิจัยพบว่า เกือบหนึ่งปีแรกของการประกาศใช้กัญชาทางการแพทย์แบบถูกกฎหมาย ผู้ใช้ส่วนใหญ่
ยังได้รับผลิตภัณฑ์กัญชาจากแหล่งนอกระบบสาธารณสุข และใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วยหลายชนิดที่อยู่นอกเหนือข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข หรือไม่มีหลักฐานทางวิชาการสนับสนุนประสิทธิผล แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่กลับมองเห็นเฉพาะด้านบวกของกัญชาและผลของการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค เนื่องจากประชาชนจำนวนมากก็ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคอยู่แล้ว การช่วยให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ การเพิ่มการเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ในระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะจากคลินิกกัญชาทางการแพทย์ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบันในโรงพยาบาล และการทบทวนข้อบ่งชี้ของการสั่งใช้ยากัญชาให้ทันสมัยตามหลักฐานวิชาการ โดยคำนึงถึงความจำเป็นของผู้ป่วย จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นและเร่งด่วน (ศ.ดร.พญ.สาวิตรี อัษณางค์กรชัย และคณะ) เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการบริการ
หากปลดล็อกกัญชาแล้ว การเข้าถึงกัญชาจะสามารถเข้าถึงได้สะดวกขึ้นส่งผลให้การกระตุ้นการขายหรือโฆษณาชวนเชื่อจากสินค้าใต้ดินลดลง การเข้าถึงความรู้และช่องทางต่างๆ ในการให้ข้อมูลการใช้ที่ถูกต้องจะเพิ่มขึ้น การสร้างอุปสงค์หรือดีมานด์เทียมจะน้อยลง เช่น การโฆษณาเรื่องรักษาโรคได้ 39 โรค หรือการสร้าเคสผู้ป่วยหลอกขึ้นมาจะค่อยๆ หมดไป
การแพทย์แผนไทยมีการใช้กัญชาในฐานะที่เป็นยาสมุนไพรผสมอยู่ในตำรับยามาเป็นเวลานานตั้งแต่อดีต และใช้อย่างกว้างขวาง มีปรากฏอยู่ในตำราพระโอสถพระนารายณ์ ตลอดจนถึงบันทึกการใช้ของหมอพื้นบ้านและประชาชนทั่วไปในภาคต่างๆ หากเปรียบเทียบตำรับยากัญชา กับตำรับยากระท่อมพบว่าตำรับยากัญชารักษาโรคในกลุ่มโรคที่มากกว่า
ตำรับยากัญชา มีกลุ่ม 1.กร่อน กษัย 2.แก้ลม 3.แก้ไข้ 4.แก้ตานทราง 5.แก้ท้องผูก 6.แก้ท้องเสีย 7.แก้บิด 8.แก้ธาตุพิการ 9.แก้นอนไม่หลับ 10.ยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย 11.แก้เบื่ออาหารเจริญอาหาร 12.แก้ป่วง 13.แก้ปวดเมื่อย14.แก้มะเร็ง 15.ยาสตรี 16.แก้ริดสีดวง 17.แก้โรคประสาท 18.แก้โรคผิวหนัง 19.แก้สารพัดโรค 20.แก้อัมพาต อัมพฤกษ์ 21.อื่นๆ อันประกอบด้วยลดความดันโลหิต แก้นิ่ว แก้บาดทะยัก แก้ฝีภายใน แก้มุตฆาต ยาอดฝิ่นยาอายุวัฒนะ ยาขี้ผึ้งปิดเเผล ยาแก้เลือดออกตามไรฟัน ยาแก้บวมพองวัณโรค ยาแก้สันนิบาต เเละยาแก้โรคสำหรับบุรุษ
ตำรับยากระท่อม 1.แก้บิดลงท้อง 2.แก้ไข้ 3.ม้ามโต 4.อายุวัฒนะ5.เปื่อยพองเพื่อตานซาง 6.สันนิบาต 7.สมรรถภาพ 8.ท้องอืดเฟ้อ9.เลิกฝิ่น 10.ริดสีดวงทวาร 11.ผอมเหลือง 12.ธาตุ ธาตุพิการ บำรุงธาตุ 13.หัดหลบใน 14.ประดง 15.ลม (กล่อมอารมณ์) 16.ป่วงน้ำ 17.ป่วงหิว 18.แก้ปวดมวน 19.ยาบิดหัวลูก 20.แก้เชื่อมฝีดาษ 21.แก้ปวด
การใช้กัญชามีอยู่ในวัฒนธรรมของสังคมไทยมานานหลายร้อยปีดังจะเห็นว่ากฎหมายลักษณะโจร ในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ห้ามการสูบฝิ่น แต่ไม่พบว่ามีการห้ามสูบกัญชา สังคมไทยยอมรับการมีอยู่ของกัญชา รู้ว่ากัญชามีหลายมิติและเลือกที่จะใช้ประโยชน์ แต่ไม่ได้ยกย่องผู้ที่ใช้กัญชาจนเมามายแต่อย่างใด มีการใช้ใบกัญชาปริมาณเล็กน้อยในการปรุงรสอาหารหลายตำรับในแทบทุกภาค เมื่อพิจารณาต้นกัญชาในฐานะยาสมุนไพร สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น โดยแยกดูในแต่ละส่วนจะเห็นว่า รากและใบสด ไม่มีสารเมา ไม่เกิดการเสพติด รากกัญชาแก้อักเสบ ในใบกัญชาสดสามารถแก้ประสาทอักเสบได้ส่วนอื่นๆ ของกัญชาสามารถนำไปเข้าตำรับยาได้ ตามที่กล่าวไปข้างต้น
สืบเนื่องจากการที่มีการใช้กัญชาในวัฒนธรรมสังคมไทยซึ่งหมายถึงว่ามีประสบการณ์การใช้ในครัวเรือนมาเป็นเวลานาน จึงมีโอกาสที่จะต่อยอดจากตำรับอาหาร หรือยาสามัญประจำบ้านเพื่อใช้บรรเทาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย นำไปสู่การใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจในครัวเรือนได้ด้วย
มีรายงานการศึกษาสนับสนุนว่าในบรรดาสิ่งเสพติดที่คุ้นเคยกันดีนั้น กัญชาจัดอยู่ในกลุ่มที่เลิกง่ายกว่าสิ่งเสพติดอื่นๆ กล่าวคือ ฝิ่นเมื่อติดแล้วเลิกยาแบบหักดิบไม่ได้ มักจะมีอาการลงแดง เหล้าหักดิบไม่ได้ บุหรี่เลิกยาก กระท่อมเลิกง่ายกว่าหมาก ส่วนกัญชานั้นเลิกง่ายกว่ากระท่อม
ในระยะหลังมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่รับรองการใช้ประโยชน์จากกัญชามากขึ้น เช่น รากกัญชาสามารถนำไปสกัดทำเป็นยาแก้ปวดเมื่อยการนำเม็ดกัญชาไปใช้เป็นยาระบายในเภสัชจีน ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมถึงการพัฒนายาแผนปัจจุบันจากสารสกัดกัญชาที่บริษัทยาหลายแห่งผลิตออกสู่ตลาดแล้ว จึงเป็นที่น่าเสียดายหากกัญชาจะยังถูกจองจำให้อยู่ภายใต้บัญชีรายการยาเสพติด
การศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับกัญชาจะเป็นไปได้ง่ายขึ้น หากถอดกัญชาออกจากบัญชีรายการยาเสพติด โดยจะสามารถยกระดับความเชี่ยวชาญการปลูก การพัฒนาสายพันธุ์ การคุ้มครองพันธุ์ โดยขบวนการภาคประชาชนสามารถจะช่วยกันพัฒนาสายพันธุ์ อันจะเป็นพืชที่มีประโยชน์ในอนาคต สำหรับประเด็นการวิจัยนี้จะต้องมีการวางเส้นทางแผนที่วิจัยอย่างเป็นระบบ และสร้างเครือข่ายการวิจัย มีการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ทั้งระยะสั้น ระยะยาว ให้ครอบคลุมทุกมิติ” (24 มกราคม 2565)
เป็นข้อมูลและเหตุผลที่น่ารับฟัง ประกอบการพิจารณาดำเนินการว่าสังคมไทยจะเอาอย่างไรกับกัญชา
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี