ความมั่นคงของรัฐ ผลประโยชน์ของรัฐ เสถียรภาพของรัฐคือเป้าหมายสูงสุดที่รัฐหรือประเทศต่างๆ ปรารถนา และพยายามขวนขวายให้ได้มาซึ่งสิ่งต่างๆ ที่ระบุในข้างต้นนี้ ดังนั้น รัฐหรือประเทศจึงกระทำทุกหนทางและทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาความมั่นคง ผลประโยชน์ และเสถียรภาพของรัฐ
แต่หลายครั้งความมั่นคงของรัฐหนึ่งกลับกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงจนนำไปสู่สงครามกับรัฐหรือประเทศอื่นๆ เนื่องจากรัฐอื่นมองว่าความมั่นคงของรัฐคู่กรณีเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของรัฐตนเอง
ปรากฏการณ์ความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างประเทศหรือรัฐต่างๆ บนโลกใบนี้บังเกิดให้ประชาคมโลกได้พบได้เห็นมาอย่างต่อเนื่อง เราคงจำภาพสงครามโลกทั้งสองครั้งได้ (จำได้จากการศึกษาประวัติศาสตร์) ภาพสงครามเวียดนาม สงครามเกาหลี และสงครามอื่นๆ ในระยะ 20-30 ปีที่ผ่านมา
ถามว่าอะไรคือชนวนสาเหตุของสงครามต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แน่นอนว่าสาเหตุของสงครามทั้งหลายย่อมมีที่มาแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เหมือนกันสิ่งหนึ่งคือ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศผู้ก่อสงคราม
เราเชื่อจากการศึกษาประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 1 ว่า ชนวนสงครามโลกเกิดจาก การลอบปลงพระชนม์อาร์คดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ องค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1914 โดยกัฟรีโล ปรินซีป ชาวเซิร์บบอสเนีย ผู้เป็นสมาชิกแก๊งมือมืด และเกิดจากการแก้แค้นของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีต่อราชอาณาจักรเซอร์เบีย จึงก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่แล้วกลายเป็นสงครามใหญ่ในทวีปยุโรป ภายในระยะเวลารวดเร็ว ส่งผลให้ทวีปยุโรปส่วนมากอยู่ในสภาวะสงคราม แต่ยังมีอีกสาเหตุคือความขัดแย้งที่มีมาตั้งแต่การรวมชาติเยอรมนี ตั้งแต่ ค.ศ. 1871 ทำให้ยุโรปต้องเผชิญปัญหาไร้สมดุลแห่งอำนาจ (balance of power) มีการแข่งขันทางทหารมากขึ้นเป็นลำดับ และมีการแข่งขันด้านเศรษฐกิจจนนำไปสู่การแย่งชิงดินแดน จนสุดท้ายก็กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1
ส่วนชนวนสาเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เช่นกัน มีมูลเหตุไม่ค่อยแตกต่างไปจากสาเหตุของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 มากนัก โดยเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศที่สาเหตุมาจากการแข่งขันชิงดีกันทางเศรษฐกิจ และการแย่งชิงทรัพยากร การแข่งขันทางกำลังการทหาร และอิทธิพลการเมือง เพื่อชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาคและโลก ตามมาด้วยความขัดแย้งด้านอุดมการณ์ทาการเมือง และอาจมีความขัดแย้งด้านแนวคิดศาสนาเข้าไปผสมอยู่บ้าง
หลายคนอาจมองว่าสาเหตุหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดมาจากความไม่พอใจสนธิสัญญาแวร์ซายส์ เนื่องจากเยอรมนีไม่สามารถทนรับแรงบีบคั้นอย่างหนักจากสนธิสัญญาด้งกล่าวได้ จนสุดท้ายทำให้เยอรมนีระเบิดจนเกิดเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 (นี่คือการพูดแบบรวบรัดมาก มากเสียจนกลายเป็น Jump to Conclusion)
แต่ข้อเท็จจริงของสงครามทั้งหลายทั้งปวงคือ มักจะมีข้ออ้างเรื่องความมั่นคงแห่งรัฐ ผลประโยชน์แห่งรัฐ เสถียรภาพของรัฐเข้ามาร่วมด้วยทุกครั้ง แล้วในระยะหลังๆ ก็จะมีข้ออ้างเรื่องผลประโยชน์ของโลก ความมั่นคงของโลกเข้ามาผสมด้วย
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง โลกเราก็ใช่ว่าจะไร้สงคราม เพราะยังมีสงครามอื่นๆ เกิดขึ้นเป็นระยะๆ เพียงแต่เป็นสงครามเฉพาะพื้นที่ ไม่ใช่สงครามที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ เหมือนกับสงครามโลกทั้งสองครั้ง
ถามว่ามนุษย์ไม่เข็ดหลาบกับภัยของสงครามหรือ ทำไมจึงยังคงก่อสงครามกันได้ไม่หยุดไม่หย่อน หรือว่าหายนภัยของสงครามไม่เคยให้บทเรียนใดๆ กับมนุษย์
ล่าสุดโลกเรากำลังเผชิญกับสงครามในยูเครน ซึ่งเรื่องนี้เราทุกคนที่ติดตามสถานการณ์ย่อมรับรู้เป็นอย่างดี หลายคนถามว่าต้นเหตุของสงครามยูเครนเกิดจากใคร บางคนบอกว่าเกิดจากสหรัฐอเมริกา บางคนบอกว่าเกิดจาก NATO บางคนบอกว่าเกิดจากรัสเซีย บางคนบอกว่าเกิดจากตัวของยูเครนเองซึ่งก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะมองจากมุมใด และมีความเชื่อดั่งเดิมอย่างไร
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนๆ คือความเสียหายที่เกิดกับยูเครน แล้วยังมีความเสียหายด้านอื่นๆ เกิดขึ้นตามมากับประชาคมโลก อาทิ เรื่องที่เห็นชัดๆ คือราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับราคาขึ้นอย่างมาก แล้วยังจะมีปัญหาเศรษฐกิจอื่นๆ ตามมาในอีกมาก เช่น การคมนาคมระหว่างประเทศ การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การผลิตสินค้าในตลาดโลก เป็นต้น
ถามใหม่ว่า รัสเซียมีสิทธิ์บุกเข้าไปรุกรานหรือทำสงครามกับยูเครนหรือ หากตอบตามแบบที่ยึดหลักความถูกต้อง และหลักศีลธรรมของโลก ก็ต้องตอบว่าไม่มีสิทธิ์ แต่คำตอบแบบศีลธรรมไม่สามารถใช้ได้กับโลกแห่งความเป็นจริงตามแนวคิดของมหาอำนาจ เพราะมหาอำนาจไม่สนใจศีลธรรม แต่สนใจความอยู่รอดของตนเองเป็นที่ตั้ง ดังนั้น อย่าเอาเรื่องศีลธรรม
ใดๆ มาพูดกับมหาอำนาจ
ถามใหม่อีกทีว่า แล้วยูเครนมีสิทธิ์จะเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO หรือ ก็ต้องตอบว่าทำไมจะขอเข้าร่วมไม่ได้ เพราะมีสิทธิ์ขอเข้าร่วม แต่การขอจะได้รับการตอบรับหรือไม่ เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องพิจารณากันในแง่มุมต่างๆ
ถามว่ารัสเซียมีสิทธิ์ระแวง NATO ไหม ตอบว่ามีสิทธิ์ แต่เมื่อระแวงแล้วมีสิทธิ์ส่งกำลังเข้าไปรุกรานยูเครนไหม คำตอบคือไม่มีสิทธิ์ แต่ถึงไม่มีสิทธิ์ดังกล่าว แต่ทว่ารัสเซียก็ได้รุกรานยูเครนไปเรียบร้อยแล้ว
ถามว่ารัสเซียอ้างสิทธิ์ใดในการรุกรานยูเครน คำตอบก็คือเพราะไม่ต้องการให้ยูเครนอยู่กับ NATO เพราะ NATO เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของรัสเซีย เมื่อรัสเซียเห็นเช่นนั้น ก็จึงต้องทำการตัดไฟแต่ต้นลม (ตามข้ออ้างของรัสเซีย) แต่การทำสงครามรุกรานยูเครนเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรมตามหลักการเมืองระหว่างประเทศ แต่ถึงแม้จะไม่ชอบธรรม แต่รัสเซียก็โจมตียูเครนไปแล้ว แม้จะเปิดการเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซีย แต่การโจมตียูเครนก็ยังดำเนินต่อไปเป็นระยะๆ
คำถามที่น่าสนใจคือ ความมั่นคงของรัฐหนึ่งกลายเป็นภัยอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่ออีกรัฐหนึ่งได้อย่างไร แล้วรัฐที่ต้องการสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง ต้องระมัดระวังการสร้างแรงกระทบต่อความมั่นคงของอีกรัฐหนึ่งอย่างไร และต้องระมัดระวังมากน้อยแค่ไหน จึงจะไม่เกิดการกระทบกระทั่งกันจนกลายเป็นสงคราม
กลับไปที่ประเด็นเดิม คือยูเครนไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO หรือ เพราะในเมื่อเป็นความต้องการของยูเครน (เรื่องนี้จะเปลี่ยนไปทันทีหากยูเครนถูก NATO ลากเข้าไปเป็นสมาชิกโดยไม่สมัครใจ) ยูเครนย่อมมีสิทธิ์เลือกหนทางสร้างความมั่นคงให้กับรัฐของตนเอง ใช่หรือไม่ แล้วทำไมการเลือกเช่นนี้จึงทำให้ยูเครนถูกรัสเซียโจมตี รัสเซียอ้างสิทธิ์ในการโจมตียูเครนเพียงเพราะว่าไม่ต้องการให้ยูเครนเป็นสมาชิก NATO เท่านั้นหรือ ข้ออ้างเช่นนี้ใช้ได้หรือ
คำถามทำนองนี้วนไปเวียนมาในนานาชาติตลอดเวลา แต่ทว่าคำถามก็ยังคงเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบชัดเจน แต่ที่ชัดเจนคือเกิดสงครามในยูเครนไปเรียบร้อยแล้ว
เราจะถือว่ารัสเซียทำสงครามกับยูเครนเพื่อป้องปรามการกระทำของยูเครนได้หรือไม่ เพื่อป้องกันมิให้รัสเซียตกอยู่ในอันตรายในอนาคตได้หรือไม่ รัสเซียยอมมีสิทธิ์ระแวงภัยคุกคามจาก NATO ได้มิใช่หรือ คำตอบคือ มีสิทธิ์ระแวง แต่ไม่มีสิทธิ์รุกรานยูเครน แต่ความเป็นจริงคือรัสเซียยกกองทัพลุยเข้าไปในยูเครนแล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องเสียเวลามาถามต่อไปว่า รัสเซียทำได้หรือไม่ เพราะได้ทำไปแล้ว ส่วนผิดถูกตามหลักการของการเมืองโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร ก็ต้องรอดูว่าโลกทั้งโลกจะแก้เกมการเมืองเกมนี้อย่างไร แต่ต้องไม่ลืมว่าผู้รุกรานก่อนก็ย่อมได้เปรียบไปแล้ว ส่วนจะได้เปรียบไปตลอดเกมหรือไม่ ก็ต้องรอดูการตอบโต้ของประชาคมโลกต่อผู้รุกราน
วันนี้โลกทั้งโลกกำลังจับตามองว่าประชาคมโลกที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัสเซียจะตอบโต้รัสเซียอย่างไร แล้วก็มีคำถามด้วยว่าจะมีสงครามโลกตามมาหรือไม่ ส่วนคำถามต่อมาคือรัสเซียจะยุติการรุกรานยูเครนเมื่อไร หรือจะยึดยูเครนเข้าไปผนวกเป็นดินแดนของรัสเซีย เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นคำถามที่หลายคนติดตามอย่างใจจดใจจ่อ
แต่ประเด็นที่ผู้เขียนขอสรุปในวันนี้คือ แต่ละรัฐล้วนอ้างผลประโยชน์สูงสุดของรัฐด้วยกันทั้งสิ้น แต่คำถามคือผลประโยชน์ของแต่ละรัฐมีขอบเขตอยู่ตรงไป การอ้างผลประโยชน์ที่มากเกิดไปของรัฐใดรัฐหนึ่งทำให้โลกทั้งโลกตกอยู่ในสภาวะวิกฤตได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นการหาคำตอบที่ยากมาก เพราะคำว่าผลประโยชน์แห่งรัฐไม่สามารถนิยามให้ตรงกันได้ระหว่างประเทศมหาอำนาจกับประเทศที่ด้อยกว่า เพราะถึงอย่างไรมหาอำนาจก็มีอำนาจทหารมากกว่าประเทศที่เล็กกว่า ดังนั้นผลประโยชน์ใดๆ ที่ประเทศเล็กอ้าง หากไม่เป็นที่สบอารมณ์ของมหาอำนาจแล้ว ผลประโยชน์ที่รัฐเล็กๆ อ้างนั้นก็อาจกลายเป็นชนวนสงครามได้โดยไม่ยาก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี