วันที่ 22 พฤษภาคม 2565 เป็นวันลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลายคนบอกตรงกันว่าถึงเวลาเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯเสียที จะได้รู้ๆ กันไปเลยว่าใครจะได้เป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ แล้วบริเวณบาทวิถีในกรุงเทพฯจะได้ปราศจากป้ายหาเสียงที่เป็นต้นเหตุของมลทัศน์หรือทัศนอุจาดเสียที และข้อสำคัญอีกประการคือจะได้ปราศจากเสียงเอ็ดตะโรจากรถแห่หาเสียงที่หาสาระใดๆมิได้ของบรรดาผู้ชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ และชิ่งตำแหน่งสก. เสียทีเพราะก่อให้เกิดความรำคาญอย่างมาก ซึ่งมากเสียจนแทบจะทนไม่ได้อีกต่อไป เพราะส่งเสียงรบกวนตั้งแต่เช้ายันค่ำโดยไม่ได้เคารพผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนแม้แต่น้อย
สำหรับวิญญูชนที่ติดตามการหาเสียงของเหล่าบรรดาคนที่อยากเป็นผู้ว่าฯกรุงเทพฯย่อมรู้ดีว่ามีผู้หาเสียงด้วยการโกหกเป็นจำนวนมาก ยิ่งบางคนพูดมาก หาเสียงมาก ก็ยิ่งโกหกมากและโกหกบ่อยจนเป็นประจำ หลายคนโกหกทั้งๆ ที่รู้ว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพฯไม่มีอำนาจทำการในสิ่งที่ตนเองสร้างเรื่องโกหก มีผู้ตั้งคำถามว่าทั้งๆ ที่เขาเหล่านั้นรู้ดี แล้วทำไมเขาจึงยังคงโกหกต่อไปและต่อไป
คนไทยรู้ดี และรู้อยู่เต็มอกว่าการหาเสียงทางการเมืองเต็มไปด้วยเรื่องโกหกหลอกลวง เพราะคนไทยต่างคุ้นเคยกับการถูกนักการเมืองโกหกมาโดยตลอด สิ่งที่นักการเมืองหลายคนพูดออกมานั้นหาความจริงได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ แถมนักการเมืองบางคนก็ไม่เคยพูดความจริงเลยแม้แต่น้อย
คนไทยรู้และเห็นมาโดยตลอดว่าสิ่งที่นักการเมืองนำมาหาเสียงนั้นเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ นักการเมืองหลายคนยกเอาผลประโยชน์สาธารณะมาเป็นข้ออ้าง เพื่อเรียกความสนใจจากประชาชน นักการเมืองจำนวนไม่น้อยอวดอ้างนโยบายใหญ่โตเกินจริง ทั้งๆ ที่เขาไม่มีวันทำนโยบายนั้นได้ ไม่ว่าจะในชาตินี้หรือชาติหน้าก็ตาม แต่เขาก็ยังกล้าโกหกต่อไป เพราะเขารู้ดีว่าจะมีคนบางคนเชื่อคำโกหกของเขา
นักการเมืองจำนวนไม่น้อยโกหกอย่างไร้ความละอาย โดยโกหกว่าจะทำสารพัดสิ่งอย่าง แต่เมื่อตนเองได้อำนาจรัฐไปแล้ว ก็ไม่เคยรักษาสัญญา เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่สัญญานั้นเป็นเรื่องไม่มีวันเกิดขึ้นได้จริง บางรายก็จงใจลืมสิ่งที่ตนเองเคยพูดไว้ บางรายก็พลิกลิ้นกลับคำพูดโดยอ้างแบบร้อยเล่ห์เพทุบายเพื่อให้ตนเองไม่ต้องทำในสิ่งที่เคยพูดไว้ ซึ่งก็คือการจงใจไม่รับผิดชอบต่อคำพูดที่เคยพ่นออกจากปากของตน
มีคำถามว่า สังคมจะเอาผิดทางกฎหมายกับนักการเมืองที่โกหกประชาชนได้หรือไม่ ตอบว่าเอาผิดได้ ถ้าหากมีการโกหกจริง แล้วมีผู้ฟ้องร้องดำเนินคดีความ แต่ปัญหาคือไม่มีคนไทยรายไหนมีเวลาว่างมากพอกับการจะไปวิ่งไล่จับคำโกหกของนักการเมือง เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จึงทำให้นักการเมืองไทยตั้งหน้าตั้งตาโกหกไปเรื่อยๆ เพราะรู้ว่าโกหกแล้วไม่มีคนเอาผิด
ดังนั้นผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งจึงต้องมีสติและรู้เท่าทันร้อยเล่ห์เพทุบายของนักการเมืองไร้ยางอาย ก่อนจะตัดสินใจลงคะแนนให้ใคร ขอให้ถามตัวเองให้ชัดเจนว่าเคยติดตามพฤติกรรมทุกชนิดของนักการเมืองรายนั้นหรือไม่ รู้หรือไม่ว่าเขามีเบื้องหน้าเบื้องหลังเน่าหนอนฟอนเฟะอย่างไร แล้วก็ต้องพิจารณาด้วยว่าคำสัญญาที่เขาใช้หาเสียงนั้นเป็นสิ่งที่เขามีปัญญาทำได้จริงหรือไม่ กฎหมายให้อำนาจกับเขาให้กระทำการดังที่เขาพล่ามออกมาหรือไม่ หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกไปใช้สิทธิด้วยความไร้สติ ก็เท่ากับสนับสนุนให้นักการเมืองโกหกไปเรื่อยๆ ซึ่งเท่ากับเต็มใจให้เขาโกหกหลอกลวง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี