เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน ผมได้รับหนังสือเชิญฉบับหนึ่งจากสถานทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทยแต่เมื่ออ่านดูก็ปรากฏว่า ผู้เป็นเจ้าภาพร่วมนั้นคือสถานทูตอิสราเอล และสถานทูตโมร็อกโก ก็เกิดความน่าทึ่ง แปลกใจ และประทับใจว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ ฝ่ายอาหรับมุสลิม กับฝ่ายยิวอิสราเอล จะมาร่วมมือกัน ในการที่จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานประเพณีที่มีชื่อว่า Mimouna (มิมูนา) เพราะทั้งฝ่ายอาหรับและฝ่ายอิสราเอลต่างไม่ค่อยจะลงรอยกัน ด้วยการฝ่ายศาสนาอิสลาม กับฝ่ายศาสนายิว ซึ่งมีลักษณะเป็นคู่อริกันมาตลอดประวัติศาสตร์ ผมจึงตอบรับคำเชิญด้วยความยินดี และด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากเห็นว่างานนี้เป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนที่กรุงเทพมหานคร หรือในประเทศไทยของเรา ก็รู้สึกดีใจด้วยว่า 2 สถานทูต 2 ศาสนา2 ชาติพันธุ์ สามารถร่วมมือกันท่ามกลางความต่างและประวัติศาสตร์ที่โชกโชนกันได้
งานในวันนั้นมีผู้ได้รับเชิญร่วมประมาณ 70 คนจากแวดวงการทูต และแวดวงไทย ที่มีทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ วิชาการ และสื่อ งานก็มีการกล่าวสุนทรพจน์โดยท่านทูตโมร็อกโกและท่านทูตอิสราเอล เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของงานประเพณีเฉลิมฉลองMIMOUNA และการร่วมรับประทานอาหารว่างร่วมกัน ท่ามกลางเสียงดนตรีของฝ่ายอาหรับและยิว อาหารก็เต็มไปด้วยของคาวของหวาน ทั้งสไตล์อาหรับและยิว เป็นที่เอร็ดอร่อย งานก็เต็มไปด้วยมิตรไมตรีและเป็นกันเอง ในเย็นวันนั้นพวกเราแขกรับเชิญก็ได้ทราบว่า ที่ราชอาณาจักรโมร็อกโก มีพลเมืองโมร็อกโกเชื้อสายยิวกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ และร่วมอยู่กับชาวอาหรับโมร็อกโกได้อย่างสันติ มีบ้านเรือนที่อยู่ติดกันและไปมาหาสู่กัน และชาติพันธุ์ยิว เชื้อสายยิว เป็นพลเมืองโมร็อกโกโดยสมบูรณ์ มีตำแหน่งหน้าที่ในแวดวงราชการ และชาวยิวโมร็อกโกบางคนดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตโมร็อกโกเสียด้วย และทุกๆ ปีก็จะมีการเฉลิมฉลองงาน MIMOUNA นี้โดยชาวยิว เมื่อช่วงถือศีลถือบวช (Passover) เป็นวันรำลึกวันเวลาที่ชาวยิวได้หนีความเป็นทาสของฟาโรห์ อียิปต์ ออกจากอียิปต์ ข้ามทะเลแดง เข้าสู่ดินแดนอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ทางแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
งาน MIMOUNA ก็เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของการหนีออกจากอียิปต์ฟาโรห์ดังกล่าว ที่มีจุดเริ่มต้นที่ชาวยิวในโมร็อกโก แล้วขยายมาที่อิสราเอลและแคนาดา และประเทศอื่นๆที่มีชาวยิวจากโมร็อกโกไปตั้งรกรากอยู่ ซึ่งประเทศอิสราเอลในปัจจุบันนี้มีชาวยิวโมร็อกโก ถือหนังสือเดินทางโมร็อกโกเข้าไปทำงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอลถึง 700,000 คน โดยไม่ขอสัญชาติอิสราเอล (เพื่อรับหนังสือเดินทางอิสราเอล) แต่คงยึดมั่นในการเป็นพลเมืองโมร็อกโก สะท้อนการได้รับการปฏิบัติที่ทัดเทียม และการได้รับความโอบอ้อมอารีของชาวอาหรับโมร็อกโกที่นับถือศาสนาอิสลาม
เป็นอย่างดี
ก็อดคิดไม่ได้ว่า แล้วมนุษย์เราจะตั้งตนเป็นคู่อริต่อกันและกันไปทำไม? ในเมื่อเราก็ต่างเป็นมนุษย์ร่วมโลก และก็เชื่อในเรื่องพระเจ้า เราก็ต่างเป็นลูกหลานของพระเจ้ากันทั้งนั้น แล้วเราจะมาฆ่าฟันกันเองทำไม? เพราะนั่นคือการละเมิดความเป็นลูกหลานของพระเจ้า และถ้าชาวอาหรับโมร็อกโก และชาวยิวโมร็อกโก สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ มีมิตรไมตรี มิตรจิตมิตรใจต่อกัน มาเป็นเวลาอย่างน้อยก็ร่วม 500-600 ปีแล้ว แล้วไฉนสังคมอาหรับอื่นๆ จะยอมรับซึ่งความคงอยู่ของชาวยิวมิได้ โดยในแง่กลับกัน แล้วทำไมฝ่ายอิสราเอลถึงจะสมานไมตรีกับชาวอาหรับปาเลสไตน์ที่เป็นมุสลิมมิได้?
หันกลับมาที่ประเทศไทย โดยเฉพาะในกรณีพื้นที่ชายแดนภาคใต้ 3 จังหวัด ซึ่งมักจะมีการยกเอาเรื่องไทยพุทธ ไทยมุสลิม ขึ้นมาเป็นประเด็น ก็ควรจะได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอล กับโมร็อกโก และขีดความสามารถอันน่าชื่นชม น่าประเสริฐ ของประชาชนพลเมืองโมร็อกโก ทั้งที่เป็นอาหรับมุสลิม และทั้งที่เป็นยิว ที่ต่างอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ ด้วยความเคารพ และไว้วางใจกัน
ก่อนที่งาน MIMOUNA ที่สถานทูตโมร็อกโกและสถานทูตอิสราเอลจะร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นได้ ก็แน่นอนว่าจะต้องเริ่มด้วยการทาบทามพบปะกัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม เมื่อมีปัญหา ก็ต้องเริ่มด้วยการพูดจากันเป็นสำคัญ ไม่ใช่มุ่งแต่จะใช้วิธีประหัตประหารกัน ซึ่งรังแต่จะนำปัญหามาสู่รุ่นลูกรุ่นหลานอย่างไม่จบไม่สิ้น
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี