การช่วยเหลือให้ประชาชนมีกิน มีใช้ตามอัตภาพเพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข เป็นภารกิจสำคัญประการต้นๆ ของรัฐบาล เพราะหากประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติต่อไป ก็หมายความว่าจะเกิดความวุ่นวาย โกลาหลภายในประเทศอย่างไม่มีทางเลี่ยง
ดังนั้น จึงมีปัญหาข้อหนึ่งที่เราทุกคนต้องร่วมกันคิดเพื่อให้สังคมของเราดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างปกติสุขคือ เราจะช่วยเหลือให้ประชาชนส่วนใหญ่มีอยู่ มีกินตามอัตภาพอย่างไร เราจะปล่อยให้รัฐบาลกํู้เงิน สร้างหนี้สินให้กับประเทศ และให้กับประชาชน แล้วนำเงินกู้ไปหว่านให้ประชาชนใช้อย่างไม่มีขอบเขต กระนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็มีคำถามว่าแล้ว
ใครจะเป็นผู้รับภาระหนี้สินมหาศาลที่เกิดขึ้น เราทุกคนรับผิดชอบเรื่องนี้ได้หรือ รัฐบาลผู้ก่อหนี้รับผิดชอบได้หรือ แล้วเราคิดบ้างหรือไม่ว่าคนรุ่นหลัง คือลูกหลานของเราเขาจะยินดีกับการเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับต้องรับภาระหนี้สินมหาศาลที่เขาไม่ได้เป็นผู้ก่อไว้ เรายินดีให้ลูกหลายรุมสาปแช่งก่นด่า ใช่หรือไม่
ทุกวันนี้ เมื่อเราดูข่าวการเมืองก็จะพบว่าเรื่องการกู้เงินการสร้างหนี้โดยรัฐบาลเป็นประจำ โดยอ้างว่าจำเป็นต้องก่อหนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อน เช่น ข่าวการแจกเงินผ่านโครงการต่างๆ สารพัดโครงการ ซึ่งกลายเป็นเสมือนว่ารัฐบาลจงใจมอมเมาประชาชนด้วยการแจกเงิน เมื่อประชาชนได้รับเงินแจกบ่อยๆ ก็กลายเป็นว่าประชาชนเฝ้ารอรับเงินแจกจากรัฐบาล เมื่อหมดเงินก็ร้องตะโกนให้รัฐบาลแจกเงินงวดใหม่ จนกลายเป็นงอมืองอเท้าไม่คิดช่วยเหลือตัวเอง เพราะเข้าใจว่ารัฐบาลมีเงินแจกตลอดเวลา
ขอย้ำว่ารัฐบาลต้องช่วยเหลือประชาชนให้ดำรงชีวิตต่อไปได้ โดยต้องทำให้ประชาชนเป็นผู้สร้างงานขึ้นมาเพื่อให้มีรายได้ที่ยั่งยืนมั่นคง ซึ่งไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลต้องหว่านเงิน ต้องแจกเงินให้ประชาชนตลอดเวลา เพราะไม่มีรัฐบาลไหนมีปัญญาหว่านและแจกเงินให้ประชาชนได้ตลอดไปยกเว้นรัฐบาลที่จงใจทำให้ประเทศประสบวิกฤตเศรษฐกิจอย่างสาหัส
ปัจจุบัน เราพบว่ากำลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในประเทศศรีลังกา ต้นเหตุของวิกฤตมาจากการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวและผิดพลาดโดยรัฐบาลศรีลังกา เราต้องไม่ลืมว่าศรีลังกามีหนี้สินมหาศาล มีอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก แล้วยังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดโควิด-19 แล้วต้องมาเจอกับปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่แพงมาก ผสมกับทุนสำรองเงินตราต่างประเทศลดลงจนเข้าขั้นวิกฤต
ล่าสุดชาวศรีลังกา 22 ล้านคน กำลังประสบชะตากรรมที่เลวร้าย เพราะขาดแคลนยารักษาโรค ขาดแคลนอาหาร ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่สามารถนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศได้ เพราะไม่มีเงินชำระค่าสินค้า ส่วนธนาคารกลาง
ศรีลังกาประกาศยุติการชำระหนี้สินให้ต่างประเทศ เพราะต้องนำทุนสำรองระหว่างประเทศที่เหลืออยู่ไปซื้อสินค้าจำเป็น
วิกฤตเศรษฐกิจในศรีลังกาเกิดขึ้นเพราะการบริหารงานโดยรัฐบาลหลายชุดก่อนหน้านี้ จนมาถึงรัฐบาลโกตาบายาราชปักษาบริหารงานผิดพลาดอย่างมหันต์
มีคำถามว่าความเลวร้ายสุดๆ เช่นนี้เกิดขึ้นกับศรีลังกาได้อย่างไร คำตอบชัดๆ คือ เพราะรัฐบาลหลายชุดของศรีลังกา รวมถึงรัฐบาลชุดล่าสุดด้วยบริหารงานผิดพลาด
เมื่อมองปัญหาของศรีลังกาแล้ว ก็มีคำถามว่าวิกฤตการณ์ เลวร้ายเช่นนี้จะเกิดกับประเทศไทยหรือไม่ แม้คำตอบว่าอาจจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ในอนาคต หากรัฐบาลยังดีแต่กู้เงินเพื่อนำไปหว่าน เพราะหวังผลทางการเมือง เพื่อให้รัฐบาลอยู่ในอำนาจได้ต่อไป โดยหนี้ที่กู้มานั้นไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ที่แท้จริงกับประเทศ
ขอย้ำว่าหนี้สาธารณะของไทยในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เกินระดับ 60 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ไปแล้ว
แม้ทางการไทยจะขยายเพดานหนี้สาธารณะให้ไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ได้ก็ตาม แต่ก็ต้องสำเหนียกไว้เสมอว่าการมีหนี้สินมากๆ โดยเฉพาะหนี้สินที่ไม่ได้นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ ก็คือการทำให้ประเทศชาติวิบัติได้โดยง่ายในอนาคต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี