เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในการอภิปรายในวาระรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ของนักการเมืองจากพรรคฝ่ายค้าน มีอยู่ช่วงตอนหนึ่งที่ท่านผู้ทรงเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่มีพื้นเพภูมิลำเนาจังหวัดนครปฐม อภิปรายช่วงตอนหนึ่งถึงการจัดสรรงบประมาณของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเสนอแนะให้ปรับ ด้วยตรรกะที่ว่า “เพราะหน่วยงานนี้ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็นเพื่อหลอกตาองค์กรระหว่างประเทศในการเลี่ยงใช้คำว่าทหารมาใช้คำว่าตำรวจ คือตัวเป็นตำรวจแต่ปฏิบัติภารกิจทหาร ซึ่งขณะนี้แนวชายแดนมีบริบทที่ต่างออกไปจากยุคสงครามเย็นอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นยุคของการสู้รบด้วยไอที ดังนั้นจะจัดงบแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกต่อไป” ต้องลดบทบาทของหน่วยงานตชด. เพราะภารกิจที่ลดลงก็จำเป็นต้องจัดงบประมาณให้เหมาะสม ตชด.ได้รับงบประมาณปี 2566 จำนวน 2,782 ล้าน มากเทียบเท่ากับงบหน่วยงานตำรวจขนาดใหญ่รวมกันถึง 3 หน่วยงาน
โอว...ววว แม่เจ้า… !! นี่คือบุคลากรที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ลงสนามการเมืองเพื่อเป็นท่านผู้ทรงเกียรติ ตัวแทนปวงชนชาวไทย อย่างนั้นหรือ!?!?!?!
เชื่อว่าสมาชิกในสังคมไทยจำนวนไม่น้อยทราบที่มาที่ไปทราบพันธุกรรมตั้งต้นของท่านผู้แทนฯจังหวัดนครปฐมรายนี้มากพอสมควร
ท่านผู้แทนฯจังหวัดนครปฐม อาจจะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดนอย่างเข้าใจพอสังเขป แต่ด้วยพฤติกรรมส่วนตัวและภาระหน้าที่ที่พรรคการเมืองต้นสังกัดมอบหมายจึงกล่าวคำอภิปรายเยี่ยงนั้น ราวกับว่าเมื่อสิ้นยุคสงครามเย็น เขาเหล่านั้น เป็นบุคลากรที่ไร้สารประโยชน์
มิเช่นนั้นท่านคงไม่กล่าวอภิปรายถ้อยคำเช่นนั้น…โปรดขึ้นจากปลักโคลนที่เสน่หาลุกออกให้พ้นกะลาแล้วศึกษาข้อเท็จจริงภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดนว่าเขาทำอะไรบ้างภายใต้เครื่องแบบอันทรงเกียรติ
อาทิ “เดินเท้าบุกป่าฝ่าดง ขึ้นเขาลงห้วย ไม่ต้องมากสัก 1-2 ลูก ไปสอนหนังสือเด็กในที่ห่างไกลตามพระราชดำริ, ลาดตระเวนตรวจพื้นที่ ตรวจหลักเขตประเทศไทย ว่าไม่มีใครแอบไปเคลื่อนย้ายหรือทำลาย, ซุ่มในป่า รอจับ สกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติด ยับยั้งพวกลักลอบตัดไม้ ซึ่งแน่นอนต้องมีการนอนแรมกลางป่าระหว่างรอ ในป่าไม่มีแอร์ ยุงป่าตัวใหญ่กว่ายุงบ้านประมาณ 2 เท่า แมลงอื่นที่กัดแล้วคันเป็นชั่วโมง ไม่รวมพวกงู ปลิง หรือสัตว์ร้ายอื่นๆ, ไปดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เสียงประกอบฉากชีวิตบางวันจะเป็นเสียงระเบิด บางวันบางครั้งนั่ง รถตระเวนจู่ๆ ก็มีเซอร์ไพรส์ด้วยระเบิดจากข้างทาง หรือจากใต้ท้องรถบ้างถ้าวันนั้นพวกเขาโชคไม่ดี”
ท่านพระธรรมโกศาจารย์ “พุทธทาสภิกขุ (เงื่อมอินทปญฺโญ) วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม)” ท่านแสดงวาทะธรรมทางการเมืองไว้ว่า “จงติดล็อกทางธรรม อย่าติดล็อกทางการเมือง ธรรมะกับการเมือง เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ได้ แยกกันเมื่อใด การเมืองก็กลายเป็นเรื่องทำลายโลกขึ้นมาทันที”
เรานำพระธรรมคำสั่งสอนมาเตือนสติให้ท่านผู้แทนฯจังหวัดนครปฐม และนักการเมืองจงสดับแลศึกษาพินิจพิเคราะห์ให้เกิดแสงสว่างในใจที่มืดบอกเถิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี