ประเมินจากสื่อกระแสหลักและสื่อสังคม (โซเชียล)เชื่อว่าประเด็นกัญชา คงต้องพูดจาถกเถียงกันอีกนานต้องขอบคุณนักการเมือง หมอ นักวิชาการและผู้หลักผู้ใหญ่ทุกท่าน ที่แสดงความเป็นห่วงกังวลว่าเยาวชนจะนำกัญชามาใช้ในทางที่ผิด
ในฐานะสื่อสารมวลชนคนหนึ่งที่ทำข่าวยาเสพติดมากว่าครึ่งหนึ่งของชีวิต อยากเรียนว่า ยาเสพติดทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น เฮโรอีน ฝิ่น ยาบ้า ยาไอซ์และกัญชา ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อผู้เสพยาที่นำมาใช้ในทางที่ผิด
เมื่อสี่สิบปีก่อนผู้เขียนกับทีมงาน เคยใช้เวลานานทำข่าวยาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนสามประเทศ คือเมียนมา ไทย และ สปป.ลาว พวกเราได้เห็นไร่ฝิ่นตามหุบเขาสุดลูกหูลูกตา แต่จำแนกไม่ได้ว่าเป็นดินแดนของไทย เมียนมา หรือ สปป.ลาว
ที่เห็นชัดเจนการปลูกฝิ่นในดินแดนประเทศไทยในยุคนั้น คือ ที่อำเภอเชียงดาว อำเภอฝาง และอำเภอสะเมิง ในจังหวัดเชียงใหม่ ฝิ่นที่ปลูกในเขตประเทศไทย
ชาวเขาส่วนใหญ่อ้างว่าใช้เป็นรักษาอาการไข้ได้ทุกโรค จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่เข้าไปหมู่บ้านไหนแล้วได้เห็นคนนอนสูบฝิ่น บางบ้านก็นำดอกฝิ่นมาปรุงเป็นอาหาร
ปี 2531 ขึ้นไปทำข่าวที่อำเภอสะเมิง ซึ่งเป็นดินแดนทุรกันดารที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่พบว่ามีอยู่หมู่บ้านหนึ่งเปลี่ยนจากการสูบฝิ่น มาเป็นเสพเฮโรอีนกันทั้งหมู่บ้าน ตอนนั้นมิชชั่นนารีที่ชาวบ้านเรียกหมอสอนศาสนา ติดต่อสำนักข่าวรอยเตอร์สมาบอกว่าขอความร่วมมือให้สื่อช่วยตีแผ่ข่าวชาวบ้านที่ติดเฮโรอีนทั้งหมู่บ้าน
หมอสอนศาสนานัดหมายกับพวกเราว่าจะไปรับเด็กในหมู่บ้านออกมารักษาอาการติดยา ดังนั้นพวกเราต้องอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่มิชชั่นนารีร่วมคณะเดินทางไปเพราะชาวบ้านไม่ไว้ใจใครนอกจากหมอสอนศาสนา เมื่อคณะเดินทางไปถึงบ้าน (กระท่อม) เป้าหมายพบเด็กชายวัยเก้าปีเตรียมพร้อมจะออกจากหมู่บ้านมารักษาอาการติดยา แต่ก่อนออกเดินทางเด็กติดยาคนนั้น ขอเสพเฮโรอีนเป็นครั้งสุดท้าย
หมอสอนศาสนาก็อนุญาตให้เสพได้เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต เด็กนำกล่องใส่เฮโรอีนและอุปกรณ์เสพยาออกนั่งเสพเป็นครั้งสุดท้าย แต่พอเสพไปได้หนึ่งครั้ง หมอสอนศาสนาก็คว้ากล่องยาและอุปกรณ์ออกมาจากมือเด็กคนนั้น พอถูกยึดยาเสพติดไป เด็กร้องไห้อย่างน่าเวทนาพร้อมพูดว่า“อย่ายึดยาผมไปเลย ผมไม่สูบมันแล้วแต่ผมต้องเก็บที่เหลือไว้ให้แม่...”
แต่หมอสอนศาสนาก็ใจแข็งไม่ยอมคืนให้ แล้วนำเด็กคนนั้นออกมาจากหมู่บ้านทันทีก่อนแม่ของเขาจะกลับมาจากไร่ฝิ่น
สามเดือนต่อมาเราติดต่อไปทางหมอสอนศาสนาพบว่าเด็กคนนั้นอาการดีขึ้นมากและคณะมิชชั่นนารีไปรับเด็กติดยาคนอื่นๆ ตามมา เมื่อรักษาอาการติดยาหายไม่ยอมให้เด็กพวกนั้นกลับไปบ้านเดิมอีกเลย
การทำข่าวยาเสพติดให้ สำนักข่าวรอยเตอร์สในปี 2531 เช่นกัน เราเดินทางไปสัมภาษณ์ “ขุนส่า” ราชายาเสพติดแห่งสามเหลี่ยมทองคำ ไปสัมภาษณ์ขุนส่า ตอนนั้นเพราะว่าศาลในสหรัฐอเมริกาออกหมายจับขุนส่าฐานค้าเฮโรอีนข้ามทวีปส่งเฮโรอีนไปขายในอเมริกา
ผู้เขียนกับช่างภาพ ออกเดินทางจากบ้านหว้า อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โดยขี่ม้าลาข้ามขุนเขา และป่าดงดิบประมาณเจ็ดชั่วโมง และมีหนุ่มไทยใหญ่สองคนเดินนำทาง ผู้นำทางสองคนอารมณ์ดีเดินฮัมเพลงไปตลอดทางไม่อาการเหนื่อยล้าแต่อย่างใด พวกเรานั่งหลังม้าไปตามเชิงเขาถึงจุดหนึ่งมีหลุมโคลนม้าลาที่ช่างภาพนั่งบนหลังพลาดตกลงไปในหลุมโคลนลึกถึงท้องม้า
พวกเราคิดว่าต้องปล่อยให้ม้าติดหล่มตายอยู่ตรงนั้น แต่ที่ไหนได้สองหนุ่มนำทางเดินกลับมาช่วยกันดึงม้าขึ้นจากหลุมโคลนได้ด้วยพลังแข็งแกร่งผิดมนุษย์มนาพวกเรามารู้ภายหลังว่าสองคนนั้นดึงม้าขึ้นมาจากหลุมโคลนได้เพราะฤทธิ์ยาม้า (ตอนนั้นยังไม่เรียกว่ายาบ้า)
ตอนที่ยังเป็นยาม้าเรารู้เพียงว่า คนขับบรรทุกนิยมกินยาม้า เพราะทำให้มีพลังและไม่ง่วงนอน แต่หลังๆ มายาม้ามีส่วนผสมของสารเคมีที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอย่างรุนแรงจนกลายเป็นยาบ้า เพราะหลังเปลี่ยนยาม้า มาเป็นยาบ้าพบว่ามันมีส่วนผสมของสารเคมีที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทร้ายแรงมาก ยาบ้าเปลี่ยนคนให้เป็นสัตว์เดรัจฉาน คลุ้มคลั่งทำลายข้าวของเผาบ้านทำร้ายชาวบ้าน ฆ่าได้แม้แต่บุพการีของตัวเอง
จากประสบการณ์พูดคุยสัมภาษณ์กับคนที่ชาวโลกประณามว่าผลิตและยาเสพติดมาทำลายชีวิตมนุษย์ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น ขุ่นส่า ผู้นำกองกำลัง MTA(Mong Tai Army) หรือ อ้าย เซี่ยวซื๋อ และ เต้ กุงเหม็ง ตอนที่ผู้เขียน เข้าไปสัมภาษณ์ ผู้นำกองทัพ “ว้า” ยังเป็น อ้ายเซี่ยวซื๋อ โดยมี เต้ กุงเหม็ง เป็นเลขาฯอ้าย เซี่ยวซื๋อ บอกกับผู้เขียนว่า กองทัพว้า “กำลังพยายามลดการปลูกฝิ่น และให้ชาวบ้านปลูกผักเลี้ยงหมูแทน โดยได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรเอกชนและคณะมิชชั่นนารีชาวไต้หวัน”
ในวันที่นัดสัมภาษณ์ ผู้นำว้า ณ ฐานที่มั่นแห่งหนึ่งในรัฐฉาน มีมิชชั่นนารีไต้หวันสองสามี ภรรยาพาพวกไปชมบ้านที่ปลูกผักเลี้ยงหมู เราถาม อ้าย เซี่ยวซื๋อว่า นอกจากลดการปลูกฝิ่น ลดผลิตยาเสพติดแล้วยังมีอะไรที่น่าภูมิใจในฐานะผู้นำว้า”
อ้าย เซี่ยวซื๋อ ตอบว่า “สิ่งที่ข้าภูมิใจฐานะผู้นำคือเราสามารถทำให้ ชาวว้าลดกินเนื้อคนลงไปได้มากแล้ว” คำตอบของผู้นำว้าตอนนั้นทำเอาผู้เขียนเสียวสันหลังวาบ เพราะเมื่อประมาณปี 2531 แสดงว่าว้ายังล่าหัวมนุษย์และกินเนื้อคนอยู่
ที่สำคัญทั้งฐานที่มั่นว้าและฐานที่มั่นขุนส่า ในเวลานั้นมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และมีจานรับสัญญาณดาวเทียม ขุนส่า จึงได้บอกกับผู้เขียนว่า “พวกคุณมีปัญญานั่งเฮลิคอปเตอร์มาลงที่นี่ไหม ยาผีไม่มีวันปราบได้ตราบใดที่คนปราบยาผี คือผู้ค้ายาผีรายใหญ่ (ขุนส่าเรียกยาเสพติดว่า ยาผี)
เราไม่รู้ว่าผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ขุนส่าพูดถึงเป็นใครแต่สิ่งหนึ่งที่สงสัยคือทำไมในบั้นปลายชีวิตขุนส่า จึงได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในบ้านพักริมทะเลสาบหลังใหญ่ในย่างกุ้ง บ้านพักของขุนส่าก่อนตายตั้งอยู่คนละฝั่งของทะเลสาบอินยาเลค ตรงกันข้ามกับบ้านพักนางออง ซาน ซู จี บนถนนยูนิเวอร์ซิตี้ เอฟเวนนิว
อ้าย เซี่ยวซื๋อ เสียชีวิตด้วยโรคชราในเซฟเฮ้าส์ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เต้ กุงเหม็ง ถูกเชือดคอตายในจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2549
ตั้งแต่ขุนส่า และอ้าย เซี่ยวซื๋อจากโลกนี้ไป จากข้อมูลของดีอีเอ (หน่วยปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐ) พบว่ามีการผลิตยาเสพติดเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวและการผลิตยาเสพติดเปลี่ยนจากเฮโรอีน มาเป็นยาบ้า ไอซ์ เป็นส่วนใหญ่
การปลูกฝิ่นและโรงงานผลิตยาเสพติดในดินแดนของประเทศไทยลดลงไปมากจนแทบพูดได้ว่า ไอซ์ เฮโรอีน ฝิ่น กัญชา ส่งมาจากประเทศเพื่อนบ้านเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
ในบรรดายาเสพติดที่กล่าวมา กัญชาเป็นอันตรายน้อยกว่ายาเสพติดชนิดใดๆ ทั้งหมด ตลอดเวลาที่ผ่านมาแทบไม่ได้ยินข่าวว่าคนเสพ หรือ คนเมากัญชาแล้วอาละวาด เผาบ้าน ฆ่าบิดรมารดา หรือออกมาไล่ทุบตีใครต่อใคร มีบ้างที่คนเสพกัญชามากเกินไปจนกลายเป็นบ้าแต่สถิติและประสบการณ์ที่พบมามีน้อยเต็มที
นอกเสียจากว่า คนเสพกัญชา หรือ คนผลิต คนขายกัญชาอุตรินำสารเคมีที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทรุนแรงผสมเข้าไปในกัญชา เหมือนยาเสพติด 4X100 ในน้ำต้มใบกระท่อม
การควบคุม ไม่ให้ใช้กัญชาผิดประเภท ผิดแปลกแหวกแนวไปจากข้อกำหนดกฎเกณฑ์ กฎหมายที่บัญญัติได้ยากมากทำได้ในทางปฏิบัติ ตราบใดที่ผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายยังละเลยหละหลวมแบบไทยๆ ที่อาจลุกลามไปถึงการละเลยบังคับใช้กฎหมาย แต่ได้มาซึ่งผลประโยชน์มหาศาล
เพราะการละเลยต่อหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แล้วได้ผลประโยชน์ตอบแทนมากมาย มันฝังลึกในดีเอ็นเอ ของเจ้าหน้าที่
คอลัมน์ทวนกระแสข่าว จึงขอบคุณนักการเมือง สื่อมวลชนและผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่แสดงความกังวลว่าเมื่อประเทศไทยเปิดโอกาสให้ปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ใช้กัญชาเป็นยา เสพกัญชาเพื่อสุขภาพ ใช้กัญชาเป็นยาแก้ปวด ใช้กัญชาเป็นยาแก้โรคซึมเศร้า ใช้กัญชาเพื่อเจริญอาหาร ฯลฯ แต่เราไม่สามารถควบคุมให้ใช้กัญชาเพื่อสุขภาพเท่านั้นได้
“ขอให้ทุกท่านทำใจและคิดในแง่บวกว่ากัญชา เป็นอันตรายน้อยกว่ายาเสพติดชนิดอื่นๆ”
เพราะถึงอย่างไรเราก็ทำกันในที่แจ้ง อาจบางทีคนที่ได้รับอนุญาตปลูกกัญชา อาจจะควบคุมสอดส่องดูแลกันเองเมื่อผู้ปลูกกัญชาด้วยกันละเมิดกฎหมาย อย่ามองโลกแต่ในแง่ร้าย มองในแง่ดีเข้าไว้แล้วโลกจะสดใส เหมือนได้ซดน้ำซุปใส่กัญชา
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี