อันชัยชนะและปราชัยในสงครามทั้งหลายนั้นมีทั้งชัยชนะและปราชัยที่ปรากฏผลจากการปะทะก็ได้ จากเหตุอื่นก็ได้ แม้กระทั่งจากการยุติสงครามโดยไม่ต้องรบกันเลยก็ได้ และชัยชนะที่เลิศที่สุดของสงครามนั้นก็คือชัยชนะที่ได้มาโดยไม่ต้องรบ
พิชัยสงครามจึงกล่าวว่าถ้าได้ชัยชนะมาด้วยการเข้าตีป้อมค่ายจัดเป็นชัยชนะชั้นเลว ถ้าได้มาด้วยการปะทะทั่วไปก็ยังเป็นชัยชนะที่ไม่ค่อยเข้าท่า เพราะเป็นชัยชนะที่ได้มาจากการสูญเสีย แต่ถ้าเมื่อใดเป็นชัยชนะที่ได้มาโดยไม่ต้องรบนั่นแหละจึงถือว่าเป็นชัยชนะที่เลิศที่สุด
ในสงครามปลดแอกประเทศจีน กองทัพจีนกระทำยุทธการครั้งใหญ่สามครั้งกับกองทัพพรรคก๊กมินตั๋ง คือยุทธการเหลียวเสิ่น ที่ใช้กำลัง 1.5 ล้านคน เอาชนะกำลัง 5 ล้านคน และปลดแอกภาคอีสาน ยุทธการหวายไห่ ที่ใช้กำลัง 5 ล้านคน เอาชนะกำลัง 7 ล้านคน และปลดแอกภาคกลางเหนือฝั่งแม่น้ำแยงซีทั้งหมด โดยทั้งสองครั้งนี้เหมาเจ๋อตุงบัญชาการให้จอมพลหลินเปียวและจอมพลหลิวป๋อเฉิง เป็นผู้บัญชาแต่ละยุทธการโดยลำดับ
ครั้นยุทธการที่สาม คือยุทธการเป่ยผิง เทียนสิน ซึ่งเป็นยุทธการเพื่อการปลดแอกปักกิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงและนครเทียนสินซึ่งเป็นเมืองท่า เป็นพื้นที่อาณาบริเวณใหญ่ที่ติดต่อกัน เชื่อมโยงถึงกัน และเป็นยุทธการสุดท้าย ในยุทธการครั้งนี้เหมาเจ๋อตุงขออนุญาตต่อคณะกรรมการการทหารกลางกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ขอเป็นผู้บัญชายุทธการครั้งนี้ด้วยตนเอง
บรรดาคณะกรรมการและแม่ทัพนายกองทั้งหลายไม่เห็นด้วย เพราะมีขุนพลจำนวนมากที่สามารถแบกรับภารกิจนี้ได้โดยไม่ต้องยากลำบากให้ประธานเหมาเจ๋อตุงลงมาบัญชาการเอง
แต่ในที่สุดประธานเหมาเจ๋อตุงก็ชี้แจงว่า ที่ฉันขออนุญาตเป็นผู้บัญชาการครั้งนี้ก็เพราะปักกิ่งเป็นนครหลวง มีสถาปัตยกรรมล้ำค่าและมีวัตถุโบราณมากมาย เป็นศูนย์วัฒนธรรมที่สำคัญของชาติและเทียนสินก็เป็นเมืองท่าใหญ่ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจต่างประเทศหากได้รับผลกระทบหรือเสียหายก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลาฟื้นฟูมาก จะทำให้การฟื้นฟูประเทศด้านอื่นชะงัก
ดังนั้นฉันจึงขอบัญชาการยุทธการครั้งนี้เพื่อเอาชนะโดยไม่ต้องรบ ซึ่งฉันขอให้สัญญาว่ากระเบื้องสักแผ่น อิฐสักก้อนหนึ่งในพระราชวังต้องห้ามและเทียนอันเหมิน รวมทั้งโครงข่ายการขนส่งทั้งหลาย ฉันจะไม่ให้ได้รับความเสียหาย
ในที่สุดคณะกรรมการทหารกลางก็อนุมัติ และเหมาเจ๋อตุงก็เข้าบัญชาการยุทธการเป่ยผิง เทียนสิน และในที่สุดก็ได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยไม่ต้องปะทะด้วยกำลังทหารเลย นี่จึงจัดเป็นชัยชนะชั้นเลิศที่สุดของชัยชนะทั้งสามครั้งในการทำสงครามปลดแอกประเทศจีน
สถานการณ์ในปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากแล้ว สหรัฐซึ่งเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวของโลกผ่านวันเวลาร่วมศตวรรษ และอ่อนแอลงโดยลำดับ เข้าสู่ภาวะถดถอยและล่มสลาย
แม้ว่าสหรัฐจะมีกองเรือที่ 7 ที่ 5 และที่ 6 ดูแลรับผิดชอบภาคพื้นแปซิฟิก ภาคพื้นมหาสมุทรอินเดีย เมดิเตอร์เรเนียน และภาคพื้นแอตแลนติก มีกองเรือที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 8 ที่ 9 และที่ 10 ดูแลสองฝั่งทวีปอเมริกา และมีฐานทัพทางบกหลายร้อยแห่งอยู่ในทุกทวีปของโลก ซึ่งดูเหมือนยิ่งใหญ่เอิกเกริก แต่แท้จริงสภาพเช่นนั้นได้กำหนดให้กองทัพสหรัฐล่มสลายลงโดยลำดับตามวันเวลาที่ผ่านไป
เพราะฐานทัพทั้งหลาย กองเรือทั้งหลาย และแสนยานุภาพทั้งหมดล้วนผลาญค่าใช้จ่ายจากงบประมาณของสหรัฐจำนวนมหาศาลจนทำให้การพัฒนาสหรัฐล้าหลังในทุกด้าน หลายสิบปีมานี้ถนนสักเส้นเส้นทางรถไฟสักกิโลเมตร และสาธารณูปโภคสำคัญล้วนถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการเหลียวแลเลย ภาระหนี้จำนวนมหาศาลทั้งของรัฐและประชาชนตกอยู่ในสภาพล้นพ้นตัวและแก้ไขไม่ตก
ทั้งหมดนั้นได้กำหนดสภาพให้กองทัพสหรัฐต้องอ่อนแอลง และก้าวสู่ความล่มสลายตามกฎแห่งพระไตรลักษณ์ที่ไม่มีวันผันแปรเป็นอย่างอื่นไปได้ เป็นแต่ว่าปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำไม่เห็นน้ำฉันใด คณะผู้บริหารของสหรัฐที่จำเจอยู่กับแสนยานุภาพดังกล่าวก็ไม่เห็นอาการล่มสลายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกเมื่อเชื่อวันฉันนั้น
ในขณะที่สหรัฐอ่อนแอและกำลังก้าวสู่ภาวะล่มสลาย ขั้วอำนาจใหม่ของโลกก็เข้มเข็งเติบโตขึ้นโดยลำดับ นั่นคือขั้ว SCO หรือองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ที่มีรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือเป็นศูนย์กลาง กลุ่มนี้ได้เติบโตขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะทางด้านการทหาร ด้านเศรษฐกิจ เครือข่ายคมนาคม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความอยู่ดีกินดีของประชาชน
สหรัฐและพันธมิตรนาโตยังคงหลงใหลจมปลักอยู่กับอดีตถึงความยิ่งใหญ่และความเป็นมหาอำนาจที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย ดังนั้นจึงดำรงความกำเริบสร้างศัตรูทั่วทิศ ทำลายมิตรทั่วด้าน วันๆ บรรดาผู้เกี่ยวข้องในกลไกอำนาจของสหรัฐได้สร้างความโกรธแค้นชิงชังให้กับประชาชาติต่างๆ ทั่วโลกอย่างหนักหน่วงเพิ่มขึ้น ทำให้พันธมิตรทั้งหลายค่อยๆ ห่างเหินออกไป จึงทำให้อาการล่มสลายไม่อาจหลีกเลี่ยงได้และปรากฏตัวชัดเจนขึ้น
ในขณะนี้สหรัฐและนาโต้กำลังเปิดศึกที่ยูเครน ซึ่งเป็นสงครามที่สหรัฐและนาโตไม่มีวันได้รับชัยชนะ มีแต่จะปราชัยสถานเดียวเท่านั้น และสภาพสงครามนั้นย่อมอยู่ภายใต้แผนยุทธการร่วมกันของกลุ่ม SCO ที่ทำให้โลกทั้งใบนี้มีสมรภูมิที่กรุ่นพร้อมที่จะระเบิดเป็นสงครามได้อีกหลายแห่ง ทั้งในตะวันออกกลาง ในแปซิฟิกในลาตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ ซึ่งประวัติศาสตร์สงครามของสหรัฐและนาโตนั้นชัดเจนว่าประเทศเหล่านี้ไม่มีประสบการณ์ในการทำสงครามหลายสมรภูมิ มีประสบการณ์สงครามเฉพาะสมรภูมิเดี่ยว และไม่มีสมรรถนะในการทำสงครามยืดเยื้อ หรือสงครามที่เผชิญกับยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่สลับซับซ้อนหรือมีการใช้พิชัยสงครามในระบบบัญชาการ
สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม สงครามในอิรัก ซีเรีย สงครามในปากีสถาน และสงครามในยูเครน ล้วนพิสูจน์ความจริงดังกล่าวนี้ ดังนั้นสหรัฐและนาโตจึงเป็นฝ่ายปราชัยไปโดยลำดับ
แม้กระนั้นสหรัฐและนาโตก็ไม่สำเหนียกในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ยังหลงตัวเองว่าเป็นสิงโตที่เป็นเจ้าป่าอยู่เหมือนเดิม และเริ่มตระหนกตกใจกับความเติบใหญ่ของประเทศจีน รัสเซีย โดยเฉพาะกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ดังนั้น แม้ติดพันศึกอยู่ในหลายที่แต่สหรัฐก็ได้ประกาศยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก
เพื่อต่อต้านและทำสงครามกับจีน โดยถือว่าจีนเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดของสหรัฐและพันธมิตร ดังนั้น เพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวจึงมีการสร้างสถานการณ์ไต้หวัน ซึ่งสหรัฐรู้ดีว่าจีนไม่มีวันยอมให้มีการแยกไต้หวันออกจากจีนโดยเด็ดขาดและสหรัฐก็เชื่อว่าเมื่อเดินเกมไต้หวันแล้วก็จะลากจีนเข้าสู่สงครามโดยประเมินสถานการณ์ว่าจีนไม่กล้าทำสงคราม หรือถึงทำสงครามจีนก็จะพ่ายแพ้
ดังนั้นในระยะสองปีเศษมานี้สหรัฐจึงสุมไฟเรื่องไต้หวัน สุมไฟเรื่องยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เป้าหมายสำคัญก็คือการทำสงครามกับจีน และระดมประเทศบริวารหน้าโง่ทั้งหลายให้ไปตายแทน ให้ไปรบแทน ให้ไปเสียค่าใช้จ่ายแทน ซึ่งก็มีรัฐบาลหน้าโง่หลายประเทศหลงกลนี้และเข้าร่วมทำลายตัวเองอยู่ในขณะนี้
ล่าสุดสหรัฐคาดหมายว่าการให้ประธานสภาคองเกรสสหรัฐเดินทางไปไต้หวันคือการแสดงท่าทีสนับสนุนการแยกตัวไต้หวันเป็นเอกราชที่ชัดเจนที่สุด และจะเป็นการบังคับให้จีนต้องทำสงคราม ซึ่งสหรัฐคาดหมายว่าจีนจะยอมสยบหรือถ้าทำสงครามก็จะพ่ายแพ้ ดังนั้นจึงมีการเตรียมแสนยานุภาพและแผนการทางการเมืองระหว่างประเทศครั้งใหญ่
แต่ในที่สุดสหรัฐก็ผิดคาด เพราะปรากฏว่าสถานการณ์ไม่ต่างกับเมื่อครั้งสงครามเกาหลี ที่สหรัฐประเมินว่าจีนจะไม่เข้าสู่สงครามในเกาหลี จึงเคลื่อนกำลังรบเข้าทำสงครามในเกาหลีอย่างมันมือ แต่ในที่สุดกองทัพจีนก็เข้าสู่สงครามและตีโต้การรุกรานของสหรัฐซึ่งมีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย ต้องถอยร่นไม่เป็นท่า จนถึงเส้นขนานที่ 38 สหรัฐก็จำเป็นต้องยอมเจรจาสันติภาพ
มาครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน แม้สหรัฐได้แสดงพลังอำนาจแสนยานุภาพอย่างเต็มที่ มีการเคลื่อนกองเรือบรรทุกเครื่องบิน กองเรือรบ และแสนยานุภาพทางอากาศพร้อมพรัก เพื่อคุ้มกันประธานสภาคองเกรสไปเยือนไต้หวัน แต่ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณยอมจำนนหรือล่าถอยใดๆ ของจีนเลย สิ่งที่ไม่เคยคิด เคยรู้ เคยได้เห็นมาก่อนกลับเกิดขึ้น นั่นคือการเตรียมพร้อมทำสงครามขั้นสูงสุดของกองทัพจีน ที่พร้อมที่จะทำสงครามนิวเคลียรกับสหรัฐในแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐด้วย โดยจะเริ่มต้นด้วยการเข้าควบคุมเครื่องบินของประธานสภาคองเกรสของสหรัฐ
ทำให้กองทัพสหรัฐต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ ในที่สุดก็พบว่าจีนเอาแน่ จีนทำสงครามใหญ่แน่ และถ้าเป็นสงครามแล้วสหรัฐจะพ่ายแพ้จีนอย่างยับเยิน ยังไม่รวมถึงสถานการณ์แทรกซ้อนจากสงครามอีก 4-5 สมรภูมิของโลกที่จะประดังเข้ามาพร้อมกัน ดังนั้น สหรัฐจึงต้องถอย และยอมเสียหน้าไปตามระเบียบ
ชัยชนะของจีนในครั้งนี้เป็นชัยชนะชั้นเลิศที่ได้มาโดยไม่ต้องรบ จะส่งผลต่อไต้หวัน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ รวมทั้งสถานการณ์ในภูมิภาคอาเซียนและพม่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือความเปลี่ยนแปลงใหญ่ของสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวนี้กำลังจะปรากฏขึ้น
นักการต่างประเทศหน้าโง่หรือขายชาติควรจะตระหนัก สังวร และทบทวนท่าทีของตนให้ถูกต้องได้แล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี