สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” ขอใช้พื้นที่นำเสนอบทความ“หลอมรวมโครงสร้างที่แตกกระจาย..สู่การสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงพื้นที่” ว่าด้วยการทำงานของ “ABE (Area-based Education)” หรือ การจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ภายใต้การสนับสนุนของ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในการส่งเสริมบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในระดับพื้นที่ ลุกขึ้นมาพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ของตนเอง ดังนี้..
หนึ่งในเหตุผลของการปฏิรูปการศึกษาที่ยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร เพราะการบริหารจัดการในพื้นที่ระดับจังหวัดของประเทศไทย อยู่ในสภาพที่เรียกว่า “แตกกระจายมหาศาล” มาเป็นระยะเวลายาวนานเนื่องจากปัญหา “โครงสร้างการบริหารจัดการที่ทับซ้อนกันของรัฐส่วนกลางกับกลไกในพื้นที่ อีกทั้งภาพการทำงานยังเป็นลักษณะต่างคนต่างทำงาน” การทำงานแบบเชื่อมประสาน และการบูรณาการการทำงานร่วมกันจึงถูกจำกัด
อย่างไรก็ตาม ภายใต้โครงสร้างที่แตกกระจายยังมีตัวช่วยที่ให้การเคลื่อนงานเดินไปสู่ทิศทางเดียวกันได้นั่นคือการขับเคลื่อนงานการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ หรือ ABE (Area-based Education) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการพัฒนากลไกการจัดการความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา และนำไปสู่การสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงพื้นที่ในระยะยาวจนเกิดเป็นกลไกการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ที่เข้มแข็ง สามารถสานพลังจากทุกภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ โดยใช้ประเด็นความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นตัวตั้ง และทำงานแบบมีเป้าหมายร่วมกัน
“การทำงานแบบคู่ขนาน สร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงพื้นที่”..นอกจากการสร้างเป้าหมายร่วม เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงพื้นที่ในการลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาแล้ว ผศ.ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังเสนอแนะแนวทางการทำงานที่ทำให้เกิดการพัฒนากลไกการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ในจังหวัด สู่การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระยะยาว จนเกิดเป็นกลไกการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ว่า “ภาคีร่วมดำเนินงานแต่ละจังหวัดต้องทำงานแบบคู่ขนาน” ใน 2 เรื่องไปพร้อมๆ กัน คือ
1.Issue-based Activities (กิจกรรมที่ใช้วาระเป็นฐาน) เป็นกิจกรรมที่ภาคีร่วมดำเนินงานในแต่ละจังหวัดมุ่งขับเคลื่อนงานเพื่อช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้กลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา กลุ่มเด็กพิการ กลุ่มเด็กยากจนและด้อยโอกาส ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่เข้าไปช่วยเยียวยาตามบริบทของแต่ละพื้นที่ที่กำหนดไว้ 2.Network Capacity Building (สร้างเครือข่ายที่มีสมรรถนะ) เป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงพื้นที่ โดยใช้กิจกรรมเป็นตัวนำเพื่อเสริมสร้างระบบและกลไกความร่วมมือระดับพื้นที่ในระยะยาว
“6 องค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนงานการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่”..อย่างไรก็ตาม การสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงพื้นที่ในระยะยาวจะเกิดผลได้ผศ.ดร.วสันต์ บอกว่า ต้องเป็นการทำงานร่วมกับหลากหลายภาคส่วน โดยมี 6 องค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนงานโดยลำดับแรก 1.ต้องมีผู้ประสานงาน (Network Manager) เพื่อเป็นผู้ประสานงานเครือข่าย ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญที่สุดในการทำงานเชิงพื้นที่ 2.การสร้างฐานข้อมูล เป็นข้อมูลใหม่ที่จัดเก็บเพิ่ม หรือชุดข้อมูลเดิมมาอัปเดตให้ทันสมัย และวิเคราะห์ให้เป็นระบบ เป็นวงพูดคุยบนพื้นฐานของข้อมูลที่นำไปสู่กิจกรรมแลกเปลี่ยนรู้ ผูกสัมพันธ์กันจนนำไปสู่องค์ประกอบที่
3.การสร้างวาระและการสนทนา (Agenda Shaping & Strategic Dialogue Building) ถ้าซึ่งหากมีข้อมูลที่ดีก็สามารถเชิญภาคส่วนในพื้นที่มาร่วมหารือถึงปัญหาสำคัญ แล้วกำหนดเป้าหมายร่วมกัน โดยใช้ข้อมูลเป็นตัวตั้ง จากนั้นจึงตั้งเวทีสนทนาเพื่อกำหนดประเด็นปัญหาร่วมที่นำไปสู่องค์ประกอบที่ 4.การพัฒนาแผนลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
เมื่อได้แผนแล้วจึงนำไปสู่องค์ประกอบที่ 5.กำหนดและแปลงเป้าหมายเป็นโครงการและกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม ดึงดูดเครือข่ายความร่วมมือมาช่วยกันออกแบบกิจกรรมได้ ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเกิดกลไกการทำแผน การแลกเปลี่ยนแผนก็จะเกิดขึ้น และนำไปสู่องค์ประกอบที่6.การบูรณาการแผนการจัดการศึกษาร่วมกัน ที่ค่อยๆร้อยเรียงและมองเห็นเป้าหมายร่วมกัน จนเกิดเป็นกลไกการขับเคลื่อนงานเชิงพื้นที่ที่เป็นระบบขึ้น
อย่างไรก็ตาม การหลอมรวมโครงสร้างที่แตกกระจายให้เกิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงพื้นที่ ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ใจร้อนไม่ได้ เมื่อเครือข่ายในพื้นที่ได้ทำงานร่วมกัน จนเกิดความคุ้นเคยสนิทสนม ไว้วางใจและกลายเป็นหุ้นส่วนระยะยาวก็จะเกิดเป็นกลไกการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ที่เข้มแข็งได้ในอนาคต!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี