วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ /

วันจันทร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 02.00 น.
จากโรคติดต่อร้ายแรง เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง

ดูทั้งหมด

  •  

กระแสข่าวเรื่องการระบาดของโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) หรือถ้าจะเรียกชื่อให้ไพเราะแบบที่กระทรวงสาธารณสุขใช้ก็คือฝีดาษวานร ซึ่งเมื่อ 1-2 เดือนก่อน เป็นข่าวที่ครึกโครมและก่อให้เกิดกระแสตกอกตกใจของผู้คนพอสมควรนั้นก็ดูเหมือนจะ คลี่คลายไปมากแล้ว จนถึงวันนี้ประเทศไทยพบผู้ที่ติดเชื้อและเป็นโรคดังกล่าวเพียงแค่ 4 ราย ซึ่งได้เข้าสู่กระบวนการยืนยันโรคและรักษาโดยเรียบร้อย ซึ่งโรคนี้โดยปกติจะหายได้ในระยะเวลา 3-4 สัปดาห์ โดยผู้ที่หายดีแล้วอาจจะมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย คือการที่ผิวหนังบริเวณที่เคยเป็นตุ่มหนองหลังจากตกสะเก็ดแล้วอาจจะกลายเป็นแผลเป็นได้

จึงขอกลับมาสู่เรื่องโรคโควิด-19 ที่ดูเหมือนว่าประชาชนโดยทั่วไปได้เกิดความเข้าอกเข้าใจในเรื่องโรคนี้พอสมควร ทั้งในเรื่องการป้องกันตัวเองโดยดำเนินชีวิตตามแนวทางชีวิตวิถีใหม่ ซึ่งสิ่งที่สำคัญยิ่งคือการใส่หน้ากากอนามัยให้มิดชิดเมื่ออยู่ในสถานที่ที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะได้รับเชื้อโรคหรือไม่ และที่สำคัญสุดคือการเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครบอย่างน้อย 3 เข็ม เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในระดับสูงเพียงพอต่อการป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรง ที่อาจจะนำไปสู่การเสียชีวิต ซึ่งโอกาสที่ว่านั้นจะพบได้มากกว่าในประชากรที่อายุเกินกว่า 60 ปี หรือเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่มีโรคเรื้อรังที่เรียกว่า 608 และหากประชาชนผู้ใดติดเชื้อจากการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ก็สามารถจะเข้าสู่กระบวนการรักษาได้โดยไม่น่าจะมีปัญหาประการใดแล้ว


เมื่อกลับมาดูตัวเลขของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน จนถึงขณะนี้ก็ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว รวมทั้งผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบ2 เข็ม ก็มีจำนวนไม่น้อย จึงถือว่ายังเป็นผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีอาการได้มาก ในส่วนของผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม ขณะนี้ มีข้อมูลว่ามีอยู่เพียง 45% ของผู้ที่ควรได้รับการฉีดทั้งหมด และจำนวนผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนในแต่ละวัน ทั้งเข็มที่ 1 เข็มที่ 2 และ 3 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับไม่เกิน 50,000 ราย ฉะนั้นโอกาสที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในระดับประเทศ ซึ่งควรจะเกิดจากการที่มีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็มแล้วอย่างน้อย 60% จึงเป็นสิ่งที่ยังจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

จำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อและป่วยเป็นโรคโควิด-19 ทั่วทั้งโลกนับตั้งแต่มีรายงานเคสแรกจากมณฑลอู่ฮั่นในประเทศจีนนั้น จนถึงขณะนี้มีจำนวนรวมประมาณ 595 ล้านราย และคาดว่าในระยะเวลาอีกไม่เกิน 1 สัปดาห์ จำนวนผู้ติดเชื้อโดยรวมจะขึ้นไปถึง 600 ล้านราย โดยจะมีผู้เสียชีวิตรวมกันประมาณ 6.5 ล้านราย หรือประมาณ 1% ของผู้ที่ติดเชื้อทั้งหมด ในส่วนของประเทศไทย มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมตั้งแต่แรกรวมกันเกินกว่า 4.6 ล้านราย และเสียชีวิตไปแล้ว ประมาณ 3.1 หมื่นราย ซึ่งน้อยว่าสถิติของทั่วทั้งโลกถึงครึ่งหนึ่ง โดยในขณะนี้มีผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในแต่ละวันประมาณ 2,000 รายและเสียชีวิตในแต่ละวันมากกว่า 30 รายเล็กน้อย โดยมีผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องพักรักษาใน ICU ประมาณ 900 รายเศษทั้งนี้ เชื่อกันว่ามีผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกอีกวันละ 2-3 หมื่นรายเป็นอย่างน้อย โดยน่าจะมีผู้ติดเชื้ออีกจำนวนหนึ่งที่ไม่มีหรือเกือบจะไม่มีอาการเลยและไม่คิดว่าตัวเองป่วยเป็นโรคโควิด-19 ปะปนอยู่ด้วยในแต่ละวันไม่น้อยทีเดียว จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนยังต้องระมัดตัวเองจากการได้รับเชื้อจากกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย

เมื่อสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายขึ้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้พิจารณาและเห็นว่าควรจะมีการยกเลิกการประกาศว่าโรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย และประกาศให้โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเชื่อว่าประชาชนเริ่มมีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันตัวเองและกระบวนการดูแลรักษาพอสมควรแล้ว โดยจะให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้ เป็นต้นไป

สืบเนื่องจากการที่จะมีการออกประกาศดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขจึงได้กำหนดว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้
นั้น ให้สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลของทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นผู้จัดหาและเตรียมยา ทั้งยาฟาวิพิราเวียร์
และยาโมลนูพิราเวียร์ ที่ใช้เป็นยาหลักในการรักษาโรคโควิด-19 เพื่อจ่ายให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโดยการพิจารณาของแพทย์ผู้รักษา โดยสามารถจะสั่งซื้อยาได้จากบริษัทยาที่เป็นตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ในประเทศไทยได้โดยตรง และได้มีการกำหนดราคายาที่จะต้องจัดซื้อไว้แล้วโดยคร่าวๆ โดยยาฟาวิพิราเวียร์จะมีราคาเม็ดละ 13 บาทเศษ ส่วนยาโมลนูพิราเวียร์จะมีราคาเม็ดละ 15 บาทเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายเรื่องยาที่ภาครัฐต้องแบกไว้เป็นจำนวนมาก ถูกกระจายกลับมาสู่ โรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนโดยตรง โดยกรอบแนวคิดของภาครัฐนั้นเห็นว่าโรคนี้เป็นโรคที่สามารถจะควบคุมได้แล้ว เมื่อมีประชาชนเจ็บป่วยก็เข้าสู่การรักษาแบบปกติ ตามสิทธิพื้นฐานที่มีอยู่ทั้งในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ระบบประกันสังคมระบบสวัสดิการของข้าราชการ และรัฐวิสาหกิจ ซึ่งแต่ละระบบนั้น ได้รับเงินสนับสนุนในรูปแบบงบประมาณรายปีอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าขณะนี้โรงพยาบาลทุกแห่งก็ได้เริ่มเตรียมการในส่วนนี้แล้ว

ในส่วนของระบบประกันสังคมนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้มีการคำนวณค่าใช้จ่ายรายหัวสำหรับการป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนที่อยู่ในระบบนี้ แต่เมื่อเกิดโรคโควิด-19 ขึ้นซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ และในแต่ละปีจะมีผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้เป็นจำนวนไม่น้อย ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนซึ่งรับภาระในการดูแลผู้ที่อยู่ในระบบนี้เป็นจำนวนหลายล้านราย จากผู้ที่อยู่ในระบบประมาณ 24 ล้านรายซึ่งจะต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มเติมในแต่ละปีเป็นจำนวนไม่น้อย จึงเป็นเรื่องที่สำนักงานประกันสังคมควรจะได้นำไปพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณรายหัวประจำปีเพิ่มเติมให้กับโรงพยาบาลเอกชนทั้งหลาย รวมทั้งของรัฐที่ดูแลรักษาผู้อยู่ในระบบนี้ด้วย

จากการติดตามรักษาผู้ป่วยโควิด-19 จนถึงปัจจุบันนี้ได้มีข้อมูลที่ชัดเจนพอสมควรว่า จะมีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ถึงแม้จะได้รับวัคซีนครบถ้วน แต่ร่างกายก็ไม่สามารถจะสร้างภูมิคุ้มกันให้มากเพียงพอต่อการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ ผู้ป่วยกลุ่มนี้คือผู้ที่มีภาวะหรือเป็นโรคที่ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันต่ำ เช่นผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังซึ่งต้องเข้ารับฟอกไตอย่างสม่ำเสมอ ผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคมะเร็งซึ่งได้รับเคมีบำบัดเพื่อการรักษาซึ่งอาจจะมีฤทธิ์กดภูมิต้านทาน และทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำเป็นต้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับภูมิคุ้มกันโดยตรงทดแทน เนื่องจากการที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนไม่มากพอ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่ากระทรวงสาธารณสุขได้จัดหาภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปนี้ที่ถึงแม้จะมีราคาแพงมาก มาให้ใช้กับผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวโดยต้องเป็นไปตามข้อบ่งชี้อย่างเคร่งครัด ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนชนิดไวรัสเวคเตอร์ที่ชื่อว่าแอสตรา และเป็นวัคซีนที่ถูกนำมาใช้ในประเทศไทยเป็นจำนวนมากในระยะปีแรกๆ ของการระบาดของโรคโควิด-19

เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เจรจากับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าในการแลกเปลี่ยนภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปกับวัคซีนแอสตราฯที่ยังคงค้างการส่งมอบอยู่ ซึ่งปัจจุบันได้มีการใช้น้อยลง โดยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปที่บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเป็นผู้พัฒนาขึ้นนี้มีชื่อว่า LAAB (Long Acyivity Antibody) เพื่อนำมาใช้กับผู้ป่วยในกลุ่มที่ได้กล่าวไว้แล้ว และขณะนี้ได้มีการจัดสรรภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปนี้จากจำนวนที่ได้มาในเบื้องต้น 7,000 โดส ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ที่ส่งข้อมูลของผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ตามที่กำหนดไว้ในการจะได้รับภูมิสำเร็จรูปตัวนี้ และจะทยอยส่งเรื่อยๆ จนครบจำนวน 257,500 โดส ตามที่ได้ตกลงจัดซื้อกันไว้

จากการที่มีการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามาสู่ประเทศไทยได้โดยสะดวกนั้น ก็เป็นเรื่องที่ชัดเจนแล้วว่าจำนวนนักท่องเที่ยวได้ทยอยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งสามารถจะเห็นได้จากสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ รวมทั้งแหล่งบันเทิงต่างๆ ด้วย ส่วนในต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นภูเก็ตหรือสมุยและเชียงใหม่ ก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากพอสมควร ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เกิดการสร้างรายได้กลับมาสู่ทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมนี้ อันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้อย่างแน่นอน

ถึงอย่างไรก็ไม่อยากให้ประชาชนชาวไทยทั้งหลายเกิดความประมาทในการที่จะดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคนี้ ต้องไม่ลืมว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเหล่านั้นมาจากประเทศที่ยังคงมีการระบาดของโควิด-19 และได้ดำเนินชีวิตแบบอิสระมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว โอกาสที่จะมีเชื้อโควิด-19 แอบแฝงอยู่จึงมีอย่างแน่นอน พวกเราจึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดเขาเหล่านั้น เพราะหากมีการติดเชื้อและเจ็บป่วยขึ้นก็ย่อมส่งผลกระทบต่อภาระหน้าที่หรืองานที่จะต้องปฏิบัติ รวมทั้งการทำมาหากินในทุกรูปแบบด้วย จึงขอให้ทุกคนดำเนินชีวิตตามแนวชีวิตวิถีใหม่อย่างต่อเนื่องไปอีกสักระยะหนึ่ง จนกว่าจะเกิดความชัดเจนมากกว่านี้ว่าโรคโควิด-19 ได้กลายเป็นโรคที่เรียกว่าโรคประจำถิ่นแล้วอย่างแท้จริง

 

นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:52 น. 'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!
22:29 น. น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง'อดีตรองเสธ.กัมพูชา' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น
22:22 น. ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม
22:13 น. ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย
21:41 น. หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
ปิดตำนาน156ปี! 'กษัตริย์ชาร์ลส์'ประกาศปลดระวาง'รถไฟหลวง' สมาชิกราชวงศ์ไปใช้รถไฟปกติแทน
'เท้ง'แย่แล้ว!! เจอขบวนรถทัวร์แห่คอมเมนต์แจกพยัญชนะไทยฉ่ำ!!
บิ๊กเนม'ปชป.'ร่วมวงเพียบ!! 'คุณหญิงกัลยา'ตั้ง'พรรคไทยก้าวใหม่' พร้อมตั้ง'สุชัชวีร์'นั่งหัวหน้าฯ
‘ทักษิณ‘ พร้อมลูกสาว ’เอม พินทองทา‘ เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก คดี ม.112
ดูทั้งหมด
ต้องเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือ
บุคคลแนวหน้า : 6 กรกฎาคม 2568
ชีวิตประจำวันของผม-การทำงาน
หน้าต้องทนสูงมาก จึงทำแบบนี้ได้
วิวาทะ ว่าด้วย‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!

ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม

หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต

อุบตอบมีชาติไหนบ้าง?! 'ทรัมป์'ลงนามจดหมายแจ้งภาษีตอบโต้12ประเทศ พร้อมร่อน7ก.ค.นี้

โหดเหี้ยม! คนร้ายซุ่มยิง‘ตำรวจ’ สภ.กรงปินัง เสียชีวิต หน้าร้านสะดวกซื้อใน จ.ยะลา

'องค์ดาไลลามะ'หวังมีพระชนม์ชีพยืนยาวนานถึง130ปี ก่อนกลับชาติมาเกิดเป็นผู้นำทิเบต

  • Breaking News
  • \'อดีต ส.ว.สมชาย\'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!! 'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!
  • น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง\'อดีตรองเสธ.กัมพูชา\' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง'อดีตรองเสธ.กัมพูชา' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น
  • ครั้งแรกในรอบ102ปี! \'ฝรั่งเศส\'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม
  • ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย
  • หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต
ดูทั้งหมด
Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved