วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ /

วันจันทร์ ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565, 02.00 น.
ฝนมาเยือน เตือนระวังไข้หวัดใหญ่

ดูทั้งหมด

  •  

เดือนกันยายนของปีนี้ก็ผ่านมา 5 วันแล้ว และยังเหลือเวลาอีก 25 วัน ก่อนจะถึงวันสิ้นเดือนคือวันที่ 30 กันยายน และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก็เชื่อกันว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องสถานะของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี จะสิ้นสุดลงตามระยะเวลา 8 ปีที่เป็นประเด็นในข้อกฎหมายที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไร

ในฐานะที่ประเทศไทยมีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การดำเนินการใดๆ ก็แล้วแต่ก็ควรจะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน คือฉบับปีพ.ศ. 2560 ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นฉบับที่ถูกจัดทำขึ้นและได้ผ่านการรับรอง โดยการลงมติของประชาชนที่มีสิทธิทั่วทั้งประเทศ ก่อนที่จะถูกนำมาบังคับใช้อย่างถูกต้อง จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยในทุกภาคส่วน ตลอดจนพรรคการเมืองทั้งหลายทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะต้องยึดถือ


จึงหวังว่าเมื่อผลการพิจารณาของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีจำนวน 9 ท่านได้ออกมาไม่ว่าจะมีผลเป็นประการใด ทุกฝ่ายจะต้องยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไขแต่อย่างใด เพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และประชาชนทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ไม่ว่า จะเป็นประชาชนคนทั่วไป หรือผู้ที่เรียกตัวเอง ว่าเป็นนักการเมือง ยอมรับในสิ่งที่เป็นระบอบการปกครองของประเทศ อย่างแท้จริง

ขอกลับเข้ามาสู่เรื่องของสุขภาพ ตามที่ผู้เขียนได้นำเสนอในคอลัมน์นี้ ในวันจันทร์ของทุกสัปดาห์ มาเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเสนอในเรื่องของโรคโควิด-19 ซึ่งทุกคนทราบกันดีว่าทำให้เกิดความเสียหายไปทั่วทั้งโลก รวมทั้งในประเทศไทยของเราเอง ที่มีผู้ป่วยเกิดขึ้นมากกว่า 2.4 ล้านราย และเสียชีวิตไปมากกว่า 3.2 หมื่นราย ตลอดจนทำให้เกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสถานะความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย

จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโรคระบาดใหญ่ดังกล่าวได้คลี่คลายลงไปเป็นอย่างมาก และกระทรวงสาธารณสุขจะได้ประกาศให้โรคนี้เป็นโรคระบาดที่ต้องเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป โดยขณะนี้การดำเนินชีวิตของประชาชน ก็สามารถจะเรียกได้ว่า ได้กลับเข้าสู่ความเป็นปกติแล้ว เว้นแต่ยังได้รับคำแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย เมื่อออกไปอยู่ในสถานที่สาธารณะโดยเฉพาะที่มีผู้คนจำนวนมาก และการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ที่ฆ่าเชื้อไวรัสได้ยังเป็นสิ่งที่พึงกระทำ และที่สำคัญที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด คืออย่างน้อย 3 เข็มขึ้นไป

ขณะนี้ประเทศไทยก็เข้าสู่ฤดูฝนเต็มตัวแล้ว ก็คาดว่าจะมีฝนตกต่อเนื่องในปริมาณมากพอสมควรตามสภาพปกติที่ควรจะเป็น รวมทั้งอาจจะมาจากพายุฝนซึ่งเชื่อว่าจะเข้ามาอีกหลายลูก จนกว่าจะสิ้นฤดูฝนของปีนี้ หรือประมาณปลายเดือนตุลาคม

ก่อนที่จะมีการเกิดของโรคโควิด-19 นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อถึงฤดูฝนก็จะมีโรคระบาดตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นตามมาด้วยเสมอ เป็นโรคที่ประชาชนคนไทยรู้จักกันแล้วเป็นอย่างดีคือโรคไข้หวัดใหญ่ ที่หลายคนยังมีความเข้าใจผิดว่าเป็นโรคที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร้ายแรงนัก แต่โดยความเป็นจริงแล้วโรคนี้ก็สามารถทำให้เกิดการเสียชีวิตได้เช่นกัน วันนี้ผู้เขียนจึงจะขอนำเรื่องไข้หวัดใหญ่มาเล่าสู่กันฟัง

ไข้หวัดใหญ่ หรือที่บางท่านเรียกชื่อ โรคนี้ว่า ฟลู (Flu) มีชื่อเป็นทางการว่า Influenza เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส influenza โดยส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นสายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B เป็นโรคระบาดประจำถิ่นชนิดหนึ่ง หรือ อาจจะเรียกว่าเป็นโรคระบาดตามฤดูกาลก็ได้ เนื่องจากส่วนใหญ่จะพบผู้ป่วยโรคนี้ในฤดูฝน เป็นโรคที่พบได้ในทุกช่วงอายุ โดยพบในเด็กได้มากกว่าผู้ใหญ่ และเป็นโรคที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตได้โดยเฉพาะในผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป เป็นโรคที่ติดต่อได้จากการหายใจ หรือการได้รับน้ำมูกหรือเสมหะของผู้ป่วย โดยเชื้อโรคจะผ่านเข้าทางเยื่อบุของตา จมูกและปาก รวมทั้งอาจเกิดจากการสัมผัสสิ่งปนเปื้อนที่มีเชื้อโรคติดอยู่ เช่นผ้าเช็ดหน้า ช้อน แก้วน้ำ เป็นต้น แล้วเชื้อถูกนำเข้าสู่จมูกหรือปาก

เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย จะมีระยะการฟักตัวประมาณ 1 ถึง 3 วัน หลังจากนั้นผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการอ่อนเพลียชนิดเฉียบพลัน เบื่ออาหาร คลื่นไส้ เริ่มมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ร่วมกับอาการไข้ซึ่งไข้อาจจะสูงเกินกว่า 39 องศาเซลเซียส ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยจะมีอาการปวดเมื่อย ตามแขน ขา ปวดตามข้อ ปวดเมื่อยตามตัวหรือแม้แต่ปวดรอบๆ กระบอกตา ติดตามมาด้วยอาการไอ เจ็บคอและมีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมา ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอาเจียน หรือท้องเดินร่วมด้วยก็ได้ อาการไข้มักจะหายไปภายใน 2 ถึง 4 วัน แต่อาการคัดจมูกและแสบคออาจจะยังอยู่ต่อไปจนถึง 1 สัปดาห์ ก็เป็นได้ ซึ่งจะพร้อมๆ กับการหายของโรคนี้

มีเรื่องที่ต้องเตือนให้ระวัง คือ ผู้ที่ถูกจัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม อันได้แก่

1.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์อายุ 4 เดือนขึ้นไป

2.เด็ก อายุ 6 เดือนถึง 2 ปี

3.ผู้ที่มีโรคเรื้อรังคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดหัวใจ หลอดเลือด สมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในระหว่างการได้รับยาเคมีบำบัด โรคเบาหวาน

4.ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป

5.ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

6.โรคอ้วน คือหนักมากกว่าร้อยกิโลกรัมหรือ BMI มากกว่า 35

7.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

ผู้ที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยงนี้ หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรง และมีภาวะแทรกซ้อนได้ คือ

พบอาการอักเสบของเยื่อหุ้มหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ และ มีอาการหัวใจวาย

ระบบประสาท อาจพบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะปวดศีรษะมาก และซึมลง ระบบหายใจ จะมีหลอดลมอักเสบและปอดบวม ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยและแน่นหน้าอก ซึ่งโรคและอาการที่กล่าวมานี้ เป็นสาเหตุทำให้เกิดการเสียชีวิตได้

ขอกล่าวถึงการป้องกันโรคก่อนที่จะไปถึงเรื่องของการรักษา เนื่องจากโรคนี้ ติดต่อได้ทางลมหายใจ และการสัมผัสกับของใช้ที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ การป้องกันจึงเหมือนกับการป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสทั่วๆ ไป คือการอยู่ห่างจากผู้ที่เป็นโรค หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะต่างๆ ร่วมกัน การใส่หน้ากากอนามัย และที่มีความสำคัญยิ่งคือการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย โดยแนะนำให้ฉีดวัคซีนปีละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ควรจะเข้ารับการฉีดตั้งแต่ต้นฤดูฝน หลังฉีดวัคซีน 2 สัปดาห์ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันที่สูงเพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อ โดยผู้ที่มีประวัติแพ้สารโปรตีนประเภทไข่ห้ามฉีดวัคซีนชนิดนี้ และกลุ่มผู้ที่ควรได้รับวัคซีนเป็นอย่างยิ่งคือผู้ที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว

มีข่าวที่น่ายินดีในเรื่องของการฉีดวัคซีน โดยในปีนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้รณรงค์ให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่มนั้น เข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยครอบคลุมประชาชนในทุกสิทธิของระบบบริการสุขภาพทุกระบบ โดยสามารถจะเข้ารับการฉีดได้ในสถานบริการของรัฐที่อยู่ใกล้บ้านได้เลยหรืออาจจะติดต่อล่วงหน้าก็ได้

ในส่วนของผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมและมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ก็สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลตามสิทธิได้เช่นกัน โดยในปีนี้สำนักงานประกันสังคมได้ขยายระยะเวลาการฉีดวัคซีน จากที่เคยสิ้นสุดในวันที่ 31 สิงหาคม ไปจนถึงปลายเดือนธันวาคม

นอกจากนี้ ในสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ ก็ได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนสำหรับประชาชนทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีสิทธิตามที่ระบบประกันสุขภาพต่างๆ ได้กำหนดไว้ แต่ทั้งนี้ผู้ที่เข้ารับการฉีดจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 600 บาท ถึง 1,000 บาท แล้วแต่โรงพยาบาล

ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนส่วนใหญ่จะไม่ป่วยเป็นโรคนี้ หรือถ้าป่วยก็จะมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยสามารถพักรักษาตัวที่บ้านได้ ด้วยการพักผ่อนและทานยารักษาตามอาการ เช่น พาราเซตามอลเพื่อลดอาการไข้ ควรหลีกเลี่ยงการทานยาแอสไพริน และยาอื่นๆ เช่น ยาแก้ไอและยาลดน้ำมูกตามอาการที่เป็น โดยปกติอาการป่วยจะหายไปภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ แต่หากมีอาการป่วยมากขึ้น ก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป

ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพและรอดพ้นจากการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 ในฤดูฝนปีนี้นะครับ

นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:11 น. ตำรวจพะเยาไล่ล่าแก๊งค้ายา ยิงสกัดยึดยาบ้า 1.5 แสนเม็ด คนร้ายเผ่นหนีเข้าป่า
13:08 น. ‘ชัชชาติ’ ยันพร้อมรับมือฝนตกต่อเนื่อง เผยจุดน่าห่วงคือพื้นที่ที่ท่วมซ้ำซาก
13:07 น. 'ไทยสร้างไทย'จี้'ฐากร'ลาออกพ้นสส.พรรค เปิดหน้าร่วมงานกับ 'แพทองธาร'อย่างเปิดเผย
13:04 น. ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ขอสละสัญชาติไทย จำนวน 195 ราย
13:02 น. มีประโยชน์ยามเกิดภัยพิบัติ! ‘บก.ลายจุด’แนะแจก‘พาวเวอร์แบงก์’เป็นของที่ระลึก
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
‘มาครง’เผยคุย‘แพทองธาร’แล้ว ลั่นคนไทยไว้วางใจมิตรภาพจาก‘ฝรั่งเศส’ได้เสมอ
‘หม่อมปนัดดา‘ ปรากฏตัวกลางม็อบ ‘รวมพลังแผ่นดิน’ ของดให้สัมภาษณ์สื่อ
แกว่งเท้าหาเสี้ยน! ปรากฏการณ์แฉโพย‘สายส้ม’เข้มข้น-ล่อนจ้อน
'ออสเตรเลีย'ออกคำเตือนพลเมืองมา'ไทย'หลังพบวัตถุต้องสงสัยหลายเมืองท่องเที่ยวภาคใต้
ดูทั้งหมด
ต้นสนยักษ์ร่วมสมัยกับฟาโรห์
‘คลิปเขมร’เหตุอัปยศ‘แพทองธาร’
รู้ทันคอร์รัปชันด้วยวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่ศีลธรรม
วาทกรรมเจ็บจี๊ด
อุ๊งอิ๊งค์ 2 ปรับ ครม. ฟอร์มาลีน
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ตำรวจพะเยาไล่ล่าแก๊งค้ายา ยิงสกัดยึดยาบ้า 1.5 แสนเม็ด คนร้ายเผ่นหนีเข้าป่า

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ขอสละสัญชาติไทย จำนวน 195 ราย

มีประโยชน์ยามเกิดภัยพิบัติ! ‘บก.ลายจุด’แนะแจก‘พาวเวอร์แบงก์’เป็นของที่ระลึก

'ฮุน มานี'ปลุกสามัคคีคนในชาติ! โพสต์เฟซบุ๊กลั่น'ชาวกัมพูชา'จะไม่นิ่งเฉยหากโดนคุกคาม

ทอ.เด้งรับสมรสเท่าเทียม! เปลี่ยนชื่อ 'สมาคมแม่บ้าน ทอ.' เป็น 'สมาคมคู่สมรสทหารอากาศ'

ท่องคาถา‘ยุบสภา’ ‘ช่อ’ท้าฝั่ง รบ.เป็นนักการเมืองอย่ากลัวเลือกตั้ง

  • Breaking News
  • ตำรวจพะเยาไล่ล่าแก๊งค้ายา ยิงสกัดยึดยาบ้า 1.5 แสนเม็ด คนร้ายเผ่นหนีเข้าป่า ตำรวจพะเยาไล่ล่าแก๊งค้ายา ยิงสกัดยึดยาบ้า 1.5 แสนเม็ด คนร้ายเผ่นหนีเข้าป่า
  • ‘ชัชชาติ’ ยันพร้อมรับมือฝนตกต่อเนื่อง เผยจุดน่าห่วงคือพื้นที่ที่ท่วมซ้ำซาก ‘ชัชชาติ’ ยันพร้อมรับมือฝนตกต่อเนื่อง เผยจุดน่าห่วงคือพื้นที่ที่ท่วมซ้ำซาก
  • \'ไทยสร้างไทย\'จี้\'ฐากร\'ลาออกพ้นสส.พรรค เปิดหน้าร่วมงานกับ \'แพทองธาร\'อย่างเปิดเผย 'ไทยสร้างไทย'จี้'ฐากร'ลาออกพ้นสส.พรรค เปิดหน้าร่วมงานกับ 'แพทองธาร'อย่างเปิดเผย
  • ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ขอสละสัญชาติไทย จำนวน 195 ราย ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ขอสละสัญชาติไทย จำนวน 195 ราย
  • มีประโยชน์ยามเกิดภัยพิบัติ! ‘บก.ลายจุด’แนะแจก‘พาวเวอร์แบงก์’เป็นของที่ระลึก มีประโยชน์ยามเกิดภัยพิบัติ! ‘บก.ลายจุด’แนะแจก‘พาวเวอร์แบงก์’เป็นของที่ระลึก
ดูทั้งหมด
Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved