วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ /

วันจันทร์ ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565, 02.00 น.
ฝนมาเยือน เตือนระวังไข้หวัดใหญ่

ดูทั้งหมด

  •  

เดือนกันยายนของปีนี้ก็ผ่านมา 5 วันแล้ว และยังเหลือเวลาอีก 25 วัน ก่อนจะถึงวันสิ้นเดือนคือวันที่ 30 กันยายน และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก็เชื่อกันว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องสถานะของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี จะสิ้นสุดลงตามระยะเวลา 8 ปีที่เป็นประเด็นในข้อกฎหมายที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไร

ในฐานะที่ประเทศไทยมีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การดำเนินการใดๆ ก็แล้วแต่ก็ควรจะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน คือฉบับปีพ.ศ. 2560 ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นฉบับที่ถูกจัดทำขึ้นและได้ผ่านการรับรอง โดยการลงมติของประชาชนที่มีสิทธิทั่วทั้งประเทศ ก่อนที่จะถูกนำมาบังคับใช้อย่างถูกต้อง จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยในทุกภาคส่วน ตลอดจนพรรคการเมืองทั้งหลายทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะต้องยึดถือ


จึงหวังว่าเมื่อผลการพิจารณาของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีจำนวน 9 ท่านได้ออกมาไม่ว่าจะมีผลเป็นประการใด ทุกฝ่ายจะต้องยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไขแต่อย่างใด เพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และประชาชนทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ไม่ว่า จะเป็นประชาชนคนทั่วไป หรือผู้ที่เรียกตัวเอง ว่าเป็นนักการเมือง ยอมรับในสิ่งที่เป็นระบอบการปกครองของประเทศ อย่างแท้จริง

ขอกลับเข้ามาสู่เรื่องของสุขภาพ ตามที่ผู้เขียนได้นำเสนอในคอลัมน์นี้ ในวันจันทร์ของทุกสัปดาห์ มาเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเสนอในเรื่องของโรคโควิด-19 ซึ่งทุกคนทราบกันดีว่าทำให้เกิดความเสียหายไปทั่วทั้งโลก รวมทั้งในประเทศไทยของเราเอง ที่มีผู้ป่วยเกิดขึ้นมากกว่า 2.4 ล้านราย และเสียชีวิตไปมากกว่า 3.2 หมื่นราย ตลอดจนทำให้เกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสถานะความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย

จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโรคระบาดใหญ่ดังกล่าวได้คลี่คลายลงไปเป็นอย่างมาก และกระทรวงสาธารณสุขจะได้ประกาศให้โรคนี้เป็นโรคระบาดที่ต้องเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป โดยขณะนี้การดำเนินชีวิตของประชาชน ก็สามารถจะเรียกได้ว่า ได้กลับเข้าสู่ความเป็นปกติแล้ว เว้นแต่ยังได้รับคำแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย เมื่อออกไปอยู่ในสถานที่สาธารณะโดยเฉพาะที่มีผู้คนจำนวนมาก และการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ที่ฆ่าเชื้อไวรัสได้ยังเป็นสิ่งที่พึงกระทำ และที่สำคัญที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด คืออย่างน้อย 3 เข็มขึ้นไป

ขณะนี้ประเทศไทยก็เข้าสู่ฤดูฝนเต็มตัวแล้ว ก็คาดว่าจะมีฝนตกต่อเนื่องในปริมาณมากพอสมควรตามสภาพปกติที่ควรจะเป็น รวมทั้งอาจจะมาจากพายุฝนซึ่งเชื่อว่าจะเข้ามาอีกหลายลูก จนกว่าจะสิ้นฤดูฝนของปีนี้ หรือประมาณปลายเดือนตุลาคม

ก่อนที่จะมีการเกิดของโรคโควิด-19 นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อถึงฤดูฝนก็จะมีโรคระบาดตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นตามมาด้วยเสมอ เป็นโรคที่ประชาชนคนไทยรู้จักกันแล้วเป็นอย่างดีคือโรคไข้หวัดใหญ่ ที่หลายคนยังมีความเข้าใจผิดว่าเป็นโรคที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร้ายแรงนัก แต่โดยความเป็นจริงแล้วโรคนี้ก็สามารถทำให้เกิดการเสียชีวิตได้เช่นกัน วันนี้ผู้เขียนจึงจะขอนำเรื่องไข้หวัดใหญ่มาเล่าสู่กันฟัง

ไข้หวัดใหญ่ หรือที่บางท่านเรียกชื่อ โรคนี้ว่า ฟลู (Flu) มีชื่อเป็นทางการว่า Influenza เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส influenza โดยส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นสายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B เป็นโรคระบาดประจำถิ่นชนิดหนึ่ง หรือ อาจจะเรียกว่าเป็นโรคระบาดตามฤดูกาลก็ได้ เนื่องจากส่วนใหญ่จะพบผู้ป่วยโรคนี้ในฤดูฝน เป็นโรคที่พบได้ในทุกช่วงอายุ โดยพบในเด็กได้มากกว่าผู้ใหญ่ และเป็นโรคที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตได้โดยเฉพาะในผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป เป็นโรคที่ติดต่อได้จากการหายใจ หรือการได้รับน้ำมูกหรือเสมหะของผู้ป่วย โดยเชื้อโรคจะผ่านเข้าทางเยื่อบุของตา จมูกและปาก รวมทั้งอาจเกิดจากการสัมผัสสิ่งปนเปื้อนที่มีเชื้อโรคติดอยู่ เช่นผ้าเช็ดหน้า ช้อน แก้วน้ำ เป็นต้น แล้วเชื้อถูกนำเข้าสู่จมูกหรือปาก

เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย จะมีระยะการฟักตัวประมาณ 1 ถึง 3 วัน หลังจากนั้นผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการอ่อนเพลียชนิดเฉียบพลัน เบื่ออาหาร คลื่นไส้ เริ่มมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ร่วมกับอาการไข้ซึ่งไข้อาจจะสูงเกินกว่า 39 องศาเซลเซียส ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยจะมีอาการปวดเมื่อย ตามแขน ขา ปวดตามข้อ ปวดเมื่อยตามตัวหรือแม้แต่ปวดรอบๆ กระบอกตา ติดตามมาด้วยอาการไอ เจ็บคอและมีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมา ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอาเจียน หรือท้องเดินร่วมด้วยก็ได้ อาการไข้มักจะหายไปภายใน 2 ถึง 4 วัน แต่อาการคัดจมูกและแสบคออาจจะยังอยู่ต่อไปจนถึง 1 สัปดาห์ ก็เป็นได้ ซึ่งจะพร้อมๆ กับการหายของโรคนี้

มีเรื่องที่ต้องเตือนให้ระวัง คือ ผู้ที่ถูกจัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม อันได้แก่

1.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์อายุ 4 เดือนขึ้นไป

2.เด็ก อายุ 6 เดือนถึง 2 ปี

3.ผู้ที่มีโรคเรื้อรังคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดหัวใจ หลอดเลือด สมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในระหว่างการได้รับยาเคมีบำบัด โรคเบาหวาน

4.ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป

5.ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

6.โรคอ้วน คือหนักมากกว่าร้อยกิโลกรัมหรือ BMI มากกว่า 35

7.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

ผู้ที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยงนี้ หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรง และมีภาวะแทรกซ้อนได้ คือ

พบอาการอักเสบของเยื่อหุ้มหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ และ มีอาการหัวใจวาย

ระบบประสาท อาจพบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะปวดศีรษะมาก และซึมลง ระบบหายใจ จะมีหลอดลมอักเสบและปอดบวม ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยและแน่นหน้าอก ซึ่งโรคและอาการที่กล่าวมานี้ เป็นสาเหตุทำให้เกิดการเสียชีวิตได้

ขอกล่าวถึงการป้องกันโรคก่อนที่จะไปถึงเรื่องของการรักษา เนื่องจากโรคนี้ ติดต่อได้ทางลมหายใจ และการสัมผัสกับของใช้ที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ การป้องกันจึงเหมือนกับการป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสทั่วๆ ไป คือการอยู่ห่างจากผู้ที่เป็นโรค หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะต่างๆ ร่วมกัน การใส่หน้ากากอนามัย และที่มีความสำคัญยิ่งคือการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย โดยแนะนำให้ฉีดวัคซีนปีละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ควรจะเข้ารับการฉีดตั้งแต่ต้นฤดูฝน หลังฉีดวัคซีน 2 สัปดาห์ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันที่สูงเพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อ โดยผู้ที่มีประวัติแพ้สารโปรตีนประเภทไข่ห้ามฉีดวัคซีนชนิดนี้ และกลุ่มผู้ที่ควรได้รับวัคซีนเป็นอย่างยิ่งคือผู้ที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว

มีข่าวที่น่ายินดีในเรื่องของการฉีดวัคซีน โดยในปีนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้รณรงค์ให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่มนั้น เข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยครอบคลุมประชาชนในทุกสิทธิของระบบบริการสุขภาพทุกระบบ โดยสามารถจะเข้ารับการฉีดได้ในสถานบริการของรัฐที่อยู่ใกล้บ้านได้เลยหรืออาจจะติดต่อล่วงหน้าก็ได้

ในส่วนของผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมและมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ก็สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลตามสิทธิได้เช่นกัน โดยในปีนี้สำนักงานประกันสังคมได้ขยายระยะเวลาการฉีดวัคซีน จากที่เคยสิ้นสุดในวันที่ 31 สิงหาคม ไปจนถึงปลายเดือนธันวาคม

นอกจากนี้ ในสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ ก็ได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนสำหรับประชาชนทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีสิทธิตามที่ระบบประกันสุขภาพต่างๆ ได้กำหนดไว้ แต่ทั้งนี้ผู้ที่เข้ารับการฉีดจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 600 บาท ถึง 1,000 บาท แล้วแต่โรงพยาบาล

ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนส่วนใหญ่จะไม่ป่วยเป็นโรคนี้ หรือถ้าป่วยก็จะมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยสามารถพักรักษาตัวที่บ้านได้ ด้วยการพักผ่อนและทานยารักษาตามอาการ เช่น พาราเซตามอลเพื่อลดอาการไข้ ควรหลีกเลี่ยงการทานยาแอสไพริน และยาอื่นๆ เช่น ยาแก้ไอและยาลดน้ำมูกตามอาการที่เป็น โดยปกติอาการป่วยจะหายไปภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ แต่หากมีอาการป่วยมากขึ้น ก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป

ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพและรอดพ้นจากการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 ในฤดูฝนปีนี้นะครับ

นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:05 น. ‘รมว.ศธ.’ห่วงใยสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ กำชับเฝ้าระวัง 24 ชม. ดูแลครู-นักเรียนใกล้ชิด
21:55 น. นายกฯเตรียมลงพื้นที่ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี ให้กำลังใจกำลังพลพรุ่งนี้
21:43 น. 'สส.ท็อป-สส.ยอร์ช'มอบถุงยังชีพ อธิบายเส้นทางน้ำจาก'เหนือ'ออก'อ่าวไทย'
21:09 น. 'อนุทิน'ลั่น! เนรเทศด่วน ผู้ลักลอบเข้าเมือง ย้ำชัด'ไทยไม่ใช่พื้นที่พักพิงอาชญากรข้ามชาติ'
21:07 น. เรื่องราว‘ทีมหมอนทอง’ โมเดล-ต่อยอด สร้างความสมัครสมานสามัคคี
ดูทั้งหมด
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 8-14 พ.ย.68
ปภ.เตือน 10 จังหวัดภาคกลาง-กทม. เฝ้าระวังเจ้าพระยาเพิ่มสูง เตรียมพร้อมขนของขึ้นที่สูง
'เพลง ชนม์ทิดา'โพสต์ไอจีล่าสุด! ประกาศสถานะชัดทำชาวเน็ตแห่คอมเมนต์
'นาย ณภัทร'เล่าความเจ็บปวด! 2ปีจิตใจเแตกสลายไม่มีชิ้นดี ทำเพื่อคนอื่นจนลืมความสุขตัวเอง
ไม่ใช่ผู้ชาย! 'บิ๊กโจ๊ก'ตีวงแคบ แฉอดีตนายกฯ ตั้งฐานในต่างประเทศ รับเคลียร์พนันออนไลน์
ดูทั้งหมด
การขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงและฝังไมโครชิพสัตว์เลี้ยง (ตอนที่1)
จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์
ต้องบั่นหัว‘ไอ้โม่ง’สั่งให้ทหารไทยหยุดยิงกับเขมร
ความทรงจำถึงพระองค์ท่าน จากหอประชุมจุฬาฯ สู่สวนจิตรลดา (2)
จอมขู่บันลือโลก
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'อนุทิน'ลั่น! เนรเทศด่วน ผู้ลักลอบเข้าเมือง ย้ำชัด'ไทยไม่ใช่พื้นที่พักพิงอาชญากรข้ามชาติ'

เรื่องราว‘ทีมหมอนทอง’ โมเดล-ต่อยอด สร้างความสมัครสมานสามัคคี

เปิดจุดเกิดเหตุ!! สะเทือนชายแดน ทหารเหยียบ'กับระเบิด' สูญเสียขา-บาดเจ็บ

‘กต.’ประท้วง‘กัมพูชา’ ซัดเหตุ‘ทหารไทยเหยียบกับระเบิด’

ปตท.สผ. ถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ศาลแรกในไทย!!! 'สนง.ศาลยุติธรรม'อนุมัติสร้าง'บังเกอร์'ศาลจังหวัดกันทรลักษ์

  • Breaking News
  • ‘รมว.ศธ.’ห่วงใยสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ กำชับเฝ้าระวัง 24 ชม. ดูแลครู-นักเรียนใกล้ชิด ‘รมว.ศธ.’ห่วงใยสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ กำชับเฝ้าระวัง 24 ชม. ดูแลครู-นักเรียนใกล้ชิด
  • นายกฯเตรียมลงพื้นที่ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี ให้กำลังใจกำลังพลพรุ่งนี้ นายกฯเตรียมลงพื้นที่ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี ให้กำลังใจกำลังพลพรุ่งนี้
  • \'สส.ท็อป-สส.ยอร์ช\'มอบถุงยังชีพ อธิบายเส้นทางน้ำจาก\'เหนือ\'ออก\'อ่าวไทย\' 'สส.ท็อป-สส.ยอร์ช'มอบถุงยังชีพ อธิบายเส้นทางน้ำจาก'เหนือ'ออก'อ่าวไทย'
  • \'อนุทิน\'ลั่น! เนรเทศด่วน ผู้ลักลอบเข้าเมือง ย้ำชัด\'ไทยไม่ใช่พื้นที่พักพิงอาชญากรข้ามชาติ\' 'อนุทิน'ลั่น! เนรเทศด่วน ผู้ลักลอบเข้าเมือง ย้ำชัด'ไทยไม่ใช่พื้นที่พักพิงอาชญากรข้ามชาติ'
  • เรื่องราว‘ทีมหมอนทอง’ โมเดล-ต่อยอด สร้างความสมัครสมานสามัคคี เรื่องราว‘ทีมหมอนทอง’ โมเดล-ต่อยอด สร้างความสมัครสมานสามัคคี
ดูทั้งหมด
Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved