นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้หลบหนีโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯคดีทุจริตประพฤติมิชอบ หลายคดี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ค Thaksin Shinawatra
อ้างรำลึกในครบรอบ 16 ปี ของการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 กล่าวถึงเรื่องที่เสียดาย 10 เรื่อง
สร้างภาพให้ตัวเองดูดี ฟอกขาว ทำราวกับว่าตัวเองเป็นผู้ปกป้องพิทักษ์ สร้างสรรค์ทั้ง 10 เรื่องนั้น ได้แก่
“1. ผมเสียดายความเป็นประชาธิปไตยของประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแต่วันนี้เรากลับต้องมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจเผด็จการ 2. ผมเสียดายความสง่างามและความไว้เนื้อเชื่อใจของประเทศไทยบนเวทีโลก 3. ผมเสียดายโอกาสประเทศในการพัฒนาไม่ว่าจะเป็น การศึกษา เทคโนโลยี การเกษตร และอุตสาหกรรม 4. ผมเสียดายโอกาสในการแก้ปัญหาความยากจนซึ่งคนไทยควรจะหายจนไปแล้ว 5. ผมเสียดายโอกาสของคนไทยที่ทุกวันนี้มองไม่เห็นอนาคตตนเอง เพียงแค่หางานทำให้ได้เพื่ออยู่ไปวันๆ ทั้งๆ ที่รายได้ต่ำกว่าประเทศอื่นในระดับการพัฒนาเดียวกัน 6. ผมเสียดายความเป็นศูนย์กลางการบินของสุวรรณภูมิ ทั้งๆ ที่ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เราควรจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน 7. ผมเสียดายที่ลูกหลานต้องติดยาเสพติด ซึ่งตอนนี้ซื้อง่ายยิ่งกว่าหมากฝรั่ง 8. ผมเสียดายที่น้ำท่วมซ้ำซากเพราะไม่ได้บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 9. ผมเสียดายระบบราชการที่กำลังทันสมัยต้องกลับมาเป็นรัฐราชการที่ประชาชนต้องวิ่งวอนขอรับการบริการ 10. ผมเสียดายที่ประเทศต้องเป็นหนี้เพิ่มจากการบริหารงานที่ผิดพลาดจนต้องขยายเพดานการกู้และหนี้สินภาคครัวเรือนของประชาชนสูงจนจะใช้คืนได้ยาก...”
ถามจริงๆ ถ้าทักษิณไม่โกง จะถูกศาลฎีกาพิพากษาลงโทษว่ามีความผิดไหม?
ถ้าไม่โกง จะไม่มีแผ่นดินอยู่ ต้องเร่ร่อน เที่ยวโอดครวญอยากให้ลูกน้องใช้อำนาจรัฐล้างผิดให้ตัวเองเพื่อจะได้กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก แบบที่เป็นอยู่นี้หรือไม่?
แล้วที่วาดภาพสวยหรู 10 เรื่องที่เสียดาย เอาไว้หลอกเด็กเมื่อวานซืนอาจจะพอได้
แต่ใครที่ติดตามศึกษาความจริง ข้อมูลจริง ดูจากหลักฐานในคำพิพากษาคดีทุจริตต่างๆ ก็ได้ ฯลฯ ไม่ใช่เชื่อตามการปั่นวาทกรรมล้างสมองในช่วงหลัง อ่านตามที่ทักษิณเขียนก็ได้แต่หัวเราะก๊าก
เขียนนวนิยาย หรืออะไรเนี่ย!!!!
เพราะในความเป็นจริง 10 อย่างที่ว่านั้น ระบอบทักษิณได้ร่วมทำลาย บิดเบือน แทรกแซง ใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์เข้าตนเองและครอบครัว ไปเสียเกือบทั้งหมด
1. เรื่องที่ว่าเสียดายรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนั้น... นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตมือกฎหมายพรรคเพื่อไทย เคยเขียนหนังสือ “รัฐธรรมนูญตายแล้ว”
ชำแหละระบอบทักษิณอย่างหมดเปลือก
ระบุว่า รัฐธรรมนูญถูกฆาตกรรมไปเสียตั้งแต่ก่อนรัฐประหารแล้ว โดยน้ำมือ
ของระบอบทักษิณนั่นเอง
พร้อมชำแหละ “ทศลักษณ์ทักษิโนมิกส์” ลักษณะของระบอบทักษิณ 10 ประการเอาไว้
ประกอบด้วย
1.บริหารประเทศด้วยการขยายอาณาจักรทางธุรกิจของครอบครัวและพวกพ้อง
2.แปลงรัฐธรรมนูญให้เป็นเครื่องมือของเผด็จการรูปแบบใหม่
3.ใช้การตลาด การโฆษณาชวนเชื่อและเงินเป็นเครื่องมือกลไกหลักในการบริหารประเทศ
4.เปลี่ยนประเทศให้เป็นสมรภูมิของความรุนแรง เปลี่ยน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นมิคสัญญี
5.ใช้สัญชาตญาณ “นักล่าอำนาจ” ที่คิดแต่จะเอาเปรียบคู่ต่อสู้มากกว่าจะใช้ “สปิริต” ในการสร้างความปรองดองแห่งชาติ
6.ได้ดิบได้ดี มีอำนาจด้วยอานิสงส์ของรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เคยเห็นความสำคัญของรัฐธรรมนูญ ทำทุกวิถีทางเพื่อเบี่ยงเบนและหาผลประโยชน์จากช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนสามารถเข้าสู่อำนาจและอยู่ในอำนาจได้นานๆ อย่างไม่ละอายแก่ใจ
7.สะท้อนความเป็นผู้นำประเทศคิดเร็ว พูดเร็ว ทำเร็วเปลี่ยนเร็ว ลืมเร็ว
8.เล่นพรรคเล่นพวกเลือกปฏิบัติ
9.บริหารประเทศแบบข้าเก่งคนเดียว
10.เป็นนวัตกรรมทางการเมืองใหม่ภายใต้การกำกับดูแลของอาณาจักร ทางธุรกิจ พยายามทำให้ตนเองและครอบครัวเป็นศูนย์กลางระบอบ
2. เรื่องเล่ห์เหลี่ยมการแสวงหาอำนาจรัฐ การใช้อำนาจรัฐ และการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน... นายเสนาะ เทียนทอง อดีตผู้จัดการรัฐบาลทักษิณ มือปั้นทักษิณให้เป็นนายกฯ ก็เคยแฉไว้ในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ4”
นายเสนาะวิพากษ์การทำงานของทักษิณว่า “... ทักษิณมีลักษณะเป็นนักเสี่ยงโชคนิยมความเสี่ยง เข้าลักษณะกล้าได้กล้าเสีย ขาดความรอบคอบกระทั่งเคยประสบปัญหาทางธุรกิจ “ทักษิณ” นิยมบริหารธุรกิจและคิดไวทำไวชอบตัดสินใจเดินหน้าไปก่อน แล้วค่อยหาวิธีแก้ปัญหารายละเอียดภายหลังโดยใช้การตลาดเป็นเครื่องมือสำคัญ “ทักษิณ” มีวุฒิการศึกษาแต่ขาดวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำไม่มีสภาวะผู้นำโดยเฉพาะในระดับประเทศ
ลักษณะเฉพาะตัวเหล่านี้นำไปสู่พฤติกรรมการใช้อำนาจ การกำหนดนโยบายและการดำเนินนโยบายที่ไม่รอบคอบ สุ่มเสี่ยง อาทิ การจดทะเบียนคนจน ผมเคยแนะนำว่า “ทำไม่ได้นะ ไปประกาศเฉยๆ ไม่ได้ การประกาศสงครามความยากจน แต่เอาเขามาขึ้นทะเบียนเฉยๆ คนที่เป็นหนี้สินอยู่ แต่ไม่ใช่คนจนก็มาจดทะเบียนด้วยนะมันจะบานปลายกันไปใหญ่ น้องไปให้เขาจดทะเบียนพี่ไม่เห็นด้วย มองด้วยจิตสำนึกมันปฏิบัติไม่ได้ มันทำไม่ได้ มันได้แต่ตัวเลขมาโชว์ตอนเลือกตั้งแต่หลังจากนั้นมันไม่มีผลจริง” แต่ทักษิณบอกว่า “โธ่...พี่เหนาะคนตาบอดมันกลัวเสือเหรอ ถ้าเรา
ไม่พูดแบบนี้เราจะได้เสียงเหรอ”
นายเสนาะเคยแฉถึงขนาดว่า “..มีการใช้ระบบธุรกิจครอบครัวมาจัดการผลประโยชน์ในรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ขนคนที่เคยทำงานกับตัวเองในบริษัทแบบยกชุด วางคนของตัวเองไปในทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนในกระทรวงจะรู้ดีว่า คนคนนี้ คือคนของเขา จะทำอะไรก็ต้องผ่านคนคนนี้ เรียกว่ามี 2-3 คนไปดูแลผลประโยชน์ทุกกระทรวง เป็นเสมือนหลงจู๊ แล้วยังส่งคนไปยึดตำแหน่งใน กมธ.ชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนฯ ใน ครม.ก็ไม่ต่างกัน ทุกโครงการที่จะมีการอนุมัติ ถ้ารัฐมนตรีคนไหนเสนอเรื่องขอใช้งบกลางที่จัดสรรไว้มหาศาล ก็ต้องไปเคลียร์กับคนของเขาให้เรียบร้อยก่อน รัฐมนตรีหลายคนจะมีคนของเขาเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวทำงบฯ จะเอากี่พันล้าน แต่ต้องเอาเข้าพรรค 10 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าจะไปทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ไปเขียนโครงการมา ถ้ารัฐมนตรีคนไหนทำไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้เวลาทำโครงการก็ต้องจ้างที่ปรึกษาที่เป็นคนของตัวเอง แล้วใช้วิธีที่เก่งที่สุด คือ ยกเว้นระเบียบพิเศษ ยิ่งใช้วิธีขีดเส้นตาย ว่าต้องเสร็จวันนั้น-วันนี้ เหมือนกรณีสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจะได้ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ นโยบาย 10 เปอร์เซ็นต์
รัฐมนตรีต้องทำโครงการ โดยตบแต่งงบประมาณขึ้นมาก่อนว่า มูลค่าของโครงการจะครอบคลุม 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องหักเข้าพรรค จากนั้น ไปตกลงกับคนของเขาผ่านคุณหญิง เมื่อเรียบร้อยเมื่อใดก็ส่งมาให้ตัวตาย-ตัวแทนทางการเมืองที่เขาไว้ใจ พอเข้า ครม.นายกฯ จะเสนอโครงการ และอนุมัติให้เองเสร็จสรรพ รัฐมนตรีไม่ต้องคิด ไม่ต้องสงสัย...”
นอกจากนี้ นายเสนาะยังแฉประโยคเด็ด
“...พี่เหนาะผมพร้อมแล้ว สมบัติส่วนหนึ่งผมให้ลูก อีกส่วนเก็บไว้สำหรับตายายกินจนตายก็ไม่หมด สมบัติอีกส่วน จะทำเพื่อบ้านเมือง จะใช้หนี้แผ่นดิน คำพูดนั้นๆ ผมเคยหลงคิดว่าคนคนหนึ่ง รวยแล้วกลับใจ คิดใช้หนี้แผ่นดิน
ตอนนี้ผมรู้ความจริงแล้วว่า รวยจากโกงชาติ กล้าทำแม้เผาบ้านเมืองเพื่อเอาประกัน
คนรวยคนนี้ รวยแล้วไม่รู้จักพอ ไม่ใช้หนี้แผ่นดินยังไม่พอ มันยังโกงกิน ทรยศต่อแผ่นดิน
ผมเคยพูดและเตือนกับคุณหญิงว่า “น้อง ถ้ามันได้มาอีกแสนล้าน เอาไปทำไม”
เขาพากันตอบว่า “ก็รู้ แต่ในเมื่อเล่นการเมืองมันต้องควักเงิน ก็ต้องถือว่าเป็นธุรกิจ”
เคยเตือนหนักๆ ถึงขั้นว่า “ในอนาคต ถ้ามันจะเดือดร้อนหนักๆ คือคนเป็นหัวนะ” เขาก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ว่า “ก็รู้ ถ้าพี่ทักษิณจะลง ต้องให้พรรคไทยรักไทยมีอำนาจอย่างน้อยสองสมัยถึงจะปลอดภัย”...”
จริงหรือไม่ ปัจจุบัน คุณเสนาะ เทียนทอง ยังคงอยู่ในพรรคเพื่อไทย คงยืนยันได้ว่าเคยให้สัมภาษณ์ไว้อย่างไรในหนังสือดังกล่าว
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี