มีผู้ตั้งคำถามว่าในวงการสื่อสารมวลชนของไทยนั้น มีเหตุทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นบ้างหรือไม่ มีการเล่นพรรคเล่นพวกหรือไม่
คำตอบคือ มีแต่มิได้มีในทุกสื่อฯ แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าหลายสื่อฯมีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริต และบางสื่อฯก็ทุจริตอย่างค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะสื่อฯ ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาษีอากร ซึ่งอ้างว่าหน่วยงานตัวเองมิใช่องค์กรของรัฐ และข้อเท็จจริงคือรับเงินเพื่อดำเนินธุรกิจจากเงินภาษีอากรในรูปแบบต่างๆ
ส่วนองค์กรสื่อฯที่อยู่ในการบริหารของเอกชนนั้น มีหลายสื่อฯที่ถูกจับตามองว่ามีความไม่โปร่งใสหลายประเด็น บางสื่อฯถูกมองว่ารับจ้างหรือรับผลประโยชน์จากหน่วยงานรัฐบางแห่งเพื่อนำเสนอเรื่องราวอันเข้าทำนองโฆษณาชวนเชื่อ
ต้องยอมรับความจริงว่าสื่อมวลชนก็คือธุรกิจชนิดหนึ่งที่ต้องการเงินทุนเพื่อหล่อเลี้ยงการทำงาน เพราะสื่อมวลชนมีค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจไม่ต่างไปจากองค์กรต่างๆ แต่สื่อฯ จำเป็นต้องสำเหนียกตลอดเวลาว่า พันธกิจสำคัญประการหนึ่งของสื่อฯ คือการนำเสนอความจริง เพื่อประโยชน์สาธารณะ และต้องทำงานโดยเคร่งครัดภายใต้จรรยาบรรณนักสื่อสารมวลชน
ถามว่าสื่อฯรับจ้างโฆษณาให้สินค้าหรือหน่วยงานใดๆ ได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ แต่การรับจ้างใดๆ ก็ต้องตั้งอยู่บนฐานของความจริง และเพื่อผลประโยชน์สาธารณะเท่านั้น
แต่ก็มีคำถามตามมาว่า แล้วทุกวันนี้สมาคมนักวิชาชีพสื่อฯในประเทศไทยรับรู้หรือไม่ว่ามีสื่อฯบางจำพวกมีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริตคอร์รัปชั่น คำตอบคือ น่าจะรู้ หรือรู้ แต่สิ่งที่สาธารณชนตั้งคำถามตามมาอีกก็คือ แล้วสมาคมวิชาชีพสื่อฯได้แสดงความรับผิดชอบในฐานะองค์กรวิชาชีพอย่างไรบ้าง คำตอบในเรื่องนี้ก็คือ ดูเสมือนว่าองค์กรวิชาชีพสื่อฯจะพยายามแสดงความรับผิดชอบบ้าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากองค์กรฯไม่มีอำนาจบังคับบัญชาด้วยกฎหมาย แต่เป็นการทำงานแบบอาศัยหลักความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน และใช้หลักข้อตกลงสุภาพบุรุษ (Gentleman Agreement) ดังนั้น จึงไม่ต้องถามหาอำนาจการลงโทษทางกฎหมายจากองค์กรวิชาชีพสื่อฯ
ส่วนประเด็นการเล่นพรรคเล่นพวกภายในองค์กรวิชาชีพสื่อฯ มีหรือไม่ คำตอบเรื่องนี้ก็หาได้ไม่ยากเลย ดูง่ายๆ จากคณะกรรมการบริหารระดับสูงของแต่ละองค์กรก็ได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว ส่วนคำถามที่ว่าทำไมจึงมีบุคคลบางรายเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในองค์กรวิชาชีพสื่อฯต่างๆ นานาอยู่ตลอดเวลา คำตอบนี้ก็คือ เพราะนี่คือการยืนยันชัดเจนว่ามีการเล่นพรรคเล่นพวกในองค์กรวิชาชีพสื่อฯจริงๆ จึงทำให้มีภาพของบุคคลบางคนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในองค์กรวิชาชีพสื่อฯ แบบซ้ำๆ หน้ากันตลอดเวลา แถมบางองค์กรสื่อฯที่อ้างว่าทำหน้าที่ตรวจสอบสังคมก็ยังพบว่ามีคนบางคนยึดตำแหน่งผู้บริหารองค์กรแบบผูกขาดมาเป็นระยะเวลานานกว่าทศวรรษ ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า ตกลงแล้วองค์กรสื่อฯพรรค์อย่างว่านั้นเป็นสมบัติส่วนบุคคลของคนผู้นั้นใช่หรือไม่
สื่อมวลชนในประเทศไทยถูกสาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์มาเป็นระยะๆ ว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่โปร่งใส สาเหตุที่ถูกวิพากษ์เช่นนั้นก็เพราะสื่อฯแสดงพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจให้สาธารณชนเห็นค่อนข้างบ่อยมาก
แต่ปัญหานี้มักกลายเป็นเรื่องปิดลับภายในองค์กรสื่อฯเท่านั้น เนื่องจากผู้ที่ทำงานสื่อฯจำนวนไม่น้อยไม่ใส่ใจ ไม่นำพาต่อการเปิดเผยความผิดปกติภายในองค์กร เพราะเกรงว่าตนเองจะสูญเสียผลประโยชน์ที่ได้รับมาโดยตลอด
หากองค์กรสื่อฯทั้งหมดในบ้านเรายังไม่ได้รับความเชื่อถือจากสาธารณชนแล้ว การทำงานของสื่อฯ ก็จะถูกตั้งคำถามโดยสาธารณชนตลอดเวลา แล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะได้รับความศรัทธาโดยแท้จริงจากสาธารณชน เพราะในเมื่อยังมีความไม่น่าไว้วางใจภายในองค์กรสื่อฯ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี