ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท เป็นเรื่องดีมาก หากทำได้จริงแต่คำถามคือ ทำได้จริงในเมืองไทยในยุคนี้หรือ หากทำไม่ได้ แล้วทำไมนักการเมืองหน้าใหม่ ซึ่งเป็นลูกของนักการเมืองหน้าเก่า เจ้าของพรรคการเมืองใหญ่ จึงกล้าโกหกมดเท็จต่อประชาชน
การประกาศว่าจะให้ค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 600 บาทนั้น ดูๆ ไปแล้วก็ไม่ต่างจากพวกที่ตีเช็คให้กับคนอื่น แต่สุดท้ายแล้วเช็คก็เด้ง ผู้รับเช็คไม่สามารถนำเช็คไปขึ้นเงินสดได้ ส่วนผู้ออกเช็คก็อ้างว่าไม่มีเจตนาโกงเงิน เพราะออกเช็คให้ไปแล้ว ส่วนการที่ไม่สามารถขึ้นเงินจากเช็คได้ก็เพราะว่าล่าสุดไม่มีเงินให้เบิก แต่ตอนที่ออกเช็คนั้น มีเงินพร้อมให้เบิกได้ทันที
การหาเสียงเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง สส. ก็เป็นเรื่องที่ไม่ แตกต่างไปจากการออกเช็คให้กับผู้อื่น เพราะผู้ที่ต้องการเป็น สส. ก็พยายามสรรหาปั้นแต่งข้อความต่างๆ มาสัญญาว่าจะให้สารพัดสารพันกับผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง แต่เมื่อลงคะแนนเลือกไปแล้ว สาธารณชนก็พบว่าคำสัญญามากมายกลายเป็นเพียงลมปากที่หาสาระสำคัญมิได้แม้แต่น้อย
ถามว่านักการเมืองไม่ละอายบ้างหรือที่โกหกมดเท็จกับประชาชน คำตอบคือ หากมีความละอายโดยแท้จริงแล้ว จะเลือกอาชีพนักการเมืองหรือ
อย่างไรก็ตาม มิได้หมายความว่านักการเมืองทุกคนไม่รักษาคำพูด หรือไม่เคร่งครัดในความสัตย์ แต่ก็ต้องบอกว่ามีแค่จำนวนน้อยมาก มากเสียจนหาไม่ค่อยพบในประเทศไทย แต่ถึงกระนั้น คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังคงเลือกและสนับสนุนนักการเมืองจำพวกโกหกมดเท็จ ซึ่งเรื่องนี้ก็สุดแล้วแต่สติปัญญาของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ขอย้ำอีกครั้งว่าค่าแรงขั้นต่ำต้องเป็นค่าแรงที่เป็นธรรมกับแรงงานทุกคน และขณะเดียวกันก็ต้องเป็นค่าแรงที่ทำให้ภาคการผลิตของไทยสามารถแข่งขันเชิงธุรกิจกับนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศคู่แข่งของไทยได้ แต่การประกาศใช้นโยบายโฆษณาชวนเชื่อว่าจะให้ค่าแรงขั้นต่ำแบบไร้ความจริง ปราศจากเหตุผล เป็นการจุดไฟเผาประเทศของตนเองโดยจงใจ ซึ่งนักการเมืองที่ไร้ความน่าเชื่อถือชอบใช้นโยบายเผาประเทศ และใช้มาโดยตลอด
อันที่จริง เมื่อพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำของไทยเทียบกับประเทศในอาเซียนแล้ว พบว่าค่าแรงขั้นต่ำรายวันของไทยอยู่ในลำดับที่ 3 ของเอเซียน รองจากสิงคโปร์ และบรูไนฯ ซึ่งผู้มีสติปัญญาก็คงไม่ประหลาดใจว่าทำไมค่าจ้างขั้นต่ำของสิงคโปร์และบรูไนฯ จึงสูงกว่าไทย
คนที่ดีแต่พูด โดยเฉพาะนักธุรกิจการเมืองมักจะยกเอาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำมาเป็นประเด็นหาเสียง แต่เป็นการหาเสียงแบบโฆษณาชวนเชื่อ เพราะคนจำพวกนี้เห็นอยู่แล้วว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นคนมีรายได้ต่ำมาก ดังนั้น การใช้นโยบายหาเสียงด้วยการโกหกพกลมจึงสามารถสร้างความฝันให้กับผู้มีรายได้ต่ำเป็นอย่างดี ดังนั้นการโกหกมดเท็จคนที่มีรายได้ต่ำว่าจะทำให้พวกเขามีรายได้สูงขึ้น
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้มีรายได้ต่ำจะต้องยินดี และตั้งตาคอย แต่ประเด็นสำคัญยิ่งกว่าคือ มันคือเรื่องโกหกมดเท็จ เพราะสุดท้ายแล้วคำโฆษณาชวนเชื่อก็ไม่มีวันเป็นจริง ถามว่าคนจนซึ่งน่าจะเป็นคนจำนวนไม่น้อยในประเทศไทยรู้ไหม ตอบว่า รู้ดีอยู่แก่ใจ ถามต่อไปว่า หากรู้แล้วทำไมยังหลงเชื่อ ก็ตอบง่ายๆ ว่า ถึงแม้จะรู้ดีว่าซื้อลอตเตอรี่ หรือซื้อหวยสารพัดชนิดแล้วไม่มีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 แต่ก็ยังมีคงหลงงมงายแล้วซื้อทุกงวด
อันที่จริง ไม่ใช่เรื่องยากเลย หากนักธุรกิจการเมืองจะตั้งใจทำให้คำโกหกมดเท็จของตนเป็นความจริงขึ้นมาให้ได้เป็นบางส่วน ก็ต้องจ่ายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาทให้กับคนงานระดับล่างทุกคนที่ทำงานในบริษัทของนักธุรกิจการเมืองเสียก่อนเป็นอันดับแรก
แต่ข้อเท็จจริงคือ นักธุรกิจการเมืองซึ่งมีธุรกิจมากมายหลายชนิดกลับไม่เคยจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน วันละ 600 บาทให้ลูกจ้างระดับล่างของเขา ความจริงที่ประจักษ์คือไม่มีคนงานระดับล่างรายใดในบริษัททุกแห่งของนักธุรกิจการเมืองที่โกหกมดเท็จเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน วันละ 600 บาท ได้รับค่าจ้างตามคำโกหกมดเท็จของนักธุรกิจการเมืองเลยแม้แต่รายเดียว
เพราะฉะนั้น สังคมไทยจึงต้องระมัดระวังให้ดี การที่นักธุรกิจการเมืองหน้าใหม่ซึ่งยังไม่เคยมีผลงานการเมืองใดๆ เป็นรูปธรรม แต่กลับจงใจโกหกมดเท็จอย่างหน้าระรื่น ถามอีกครั้ง คนไทยจะสนับสนุนคนโกหกมดเท็จให้เป็น สส. ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ก็ถือว่าคุณตัดสินใจฆ่าตัวตาย และฆ่าประเทศไทยด้วยมือของคุณเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี