วันที่ 4 มกราคม 2566 ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมา นำโดย พลเอกมิน อ่อง หล่าย เฉลิมฉลองวันครบรอบ 75 ปีที่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ราวกับว่าสหภาพเมียนมาเป็นอาณานิคมวอชิงตัน แถลงการณ์ของ นายแอนโทนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า...
“ในนามของสหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้าขอย้ำถึงพันธะของเราที่มีต่อประชาชนชาวเมียนมาในวันได้รับเอกราช 4 มกราคม สหรัฐ ซึ่งสนับสนุนประชาชนเมียนมามายาวนาน และมั่นใจในสมรรถภาพของพวกเขา ต่อการเร่งกำหนดอนาคตของพวกเขาเอง ทุกวันนี้รัฐบาลทหารเมียนมาได้ขัดขวางความก้าวหน้าของประชาธิปไตย และปณิธานของประชาชน กองทัพเมียนมาใช้ความโหดร้าย และทารุณในการสู้รบใช้ความรุนแรง แต่ก็ล้มเหลวที่จะชนะปณิธานอย่างมุ่งมั่นเข้มแข็ง และเป็นเอกภาพของประชาชนชาวเมียนมา ซึ่งพลังแห่งความยิ่งใหญ่ในปณิธาน ให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตยครอบคลุมทุกฝ่ายในประเทศ เรายืนหยัดเคียงข้างกับประชาชนชาวเมียนมา ที่สามัคคีรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวในความแน่วแน่ ที่จะนำประชาธิปไตยมาสู่ประเทศของพวกเขา รัฐบาลทหารต้องหยุดความรุนแรง ปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรม เปิดโอกาสให้กลุ่มมนุษยธรรมและคนทั่วไปได้เข้าถึงและรับรองความประสงค์ของประชาชน ที่ต้องการให้มีประชาธิปไตยครอบคลุมอย่างแท้จริง” ลงชื่อ แอนโทนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา
แถลงการณ์ฉบับนี้ เป็นหลักฐานยืนยันว่าสหรัฐสนับสนุนและปลุกปั่นให้เกิดปฏิวัติประชาชนในประเทศเมียนมาที่ตะวันตก เรียกว่า Spring revolution หรือ อีกนัยหนึ่งคือ สหรัฐสนับสนุนกลุ่มที่รัฐบาลขึ้นบัญชีผู้ก่อการร้ายให้ปฏิบัติการรุนแรงขึ้น และ สร้างความฮึกเหิมให้ฝ่ายก่อการร้าย
กลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาบอกกับแนวหน้าว่า สหรัฐส่งอาวุธและปัจจัยมาให้กองกำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลที่เรียกว่า กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People Defense Force=PDF) “การช่วยเหลือทั้งหมดส่งตรงมายังพีดีเอฟ และ พีดีเอฟก็แจกจ่ายปัจจัยที่ได้รับการช่วยเหลือไปยังแนวร่วมทั่วประเทศ” เนอดา บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ นายพลโบเมียะ อดีตผู้นำกะเหรี่ยง เคเอ็นยูผู้ล่วงลับกล่าวกับแนวหน้า
“เวลานี้ผมเป็นผู้บัญชากองทัพกอทูเลเราแยกตัวออกจากเคเอ็นยู มาเป็นกองกำลังอิสระเป็นแนวร่วมพีดีเอฟ สู้รบกับทหารเมียนมา”เนอดากล่าว และอธิบายว่า เหตุที่แยกตัวออกมาจากกะเหรี่ยงเคเอ็นยู เนื่องจากเคเอ็นยูมีหลายก๊กหลายฝ่าย และเคเอ็นยูส่วนใหญ่แปรพักตร์ไปร่วมกับรัฐบาลทหารเมียนมา
เมื่อถามว่า “กอทูเล” ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากไหน ได้คำตอบว่า “บางส่วนได้รับการช่วยเหลือจากพีดีเอฟ แต่ส่วนใหญ่ได้รับบริจาคจากประชาชนที่ต้องการโค่นล้มทหารเมียนมา”
เนอดาแสดงความมั่นใจว่า ภายในปี 2566 ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารที่มีนับล้านคนทั่วประเทศเมียนมาจะโค่นล้มรัฐบาล นายพลมิน อ่อง หล่าย ลงได้เพราะนอกจากประชาชนทั่วประเทศยืนหยัดอยู่กับฝ่ายต่อต้านแล้วยังมีสหรัฐและประเทศตะวันตกช่วยเหลือเต็มที่“ปลายปี 2565 สภาคองเกรสผ่านกฎหมายช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร 300 ล้านดอลลาร์ และ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ลงนามการช่วยเหลือลอตนี้แล้ว”เนอดา กล่าว
พลเอกบีทู ผู้บัญชากองทัพคะยา หรือKareni Liberation Army บอกกับแนวหน้าว่าการสู้รับกับทหารเมียนมาคืบหน้าไปมาก“กองกำลังติดอาวุธคาเรนนีผสมกับกองกำลังติดอาวุธพีดีเอฟ ออกรบกับทหารเมียนมาด้วยกันทำให้การสู้รบคืบหน้าไปมาก”
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าอเมริกาส่งอาวุธลอตใหม่มาให้รวมถึงปืนเอฟ-16 รุ่นใหม่ที่ทหารอเมริกันใช้ ได้รับคำตอบว่า “เราใช้อาวุธที่มีอยู่ก่อนแล้ว อาวุธและกำลังผสมของเรามีสี่ห้าพันคนเท่าๆ กับทหารเมียนมาในรัฐคะยา” คำพูดของนายพลบีทู
ย้อนแย้งกับสื่อตะวันตกที่เสนอข่าวว่ากองทัพคะยามีอาวุธทันสมัย และ มีนักรบผสมกับกองกำลังติดอาวุธพีดีเอฟรวมกันกว่าสามหมื่นนายแต่ในส่วนที่ตรงกันคือ ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารถูกปั่นหัวให้เชื่อว่าชาวเมียนมาทั้งประเทศสนับสนุนฝ่ายต่อต้านและเกลียดชังกองทัพเมียนมา
“นี่เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของประชาชนที่คืบหน้าไปมาก” นายพลบีทู กล่าว และเสริมว่าที่รัฐบาลทหารเมียนมาจะเอาชนะด้วยการเลือกตั้งทำไม่ได้ เพราะประชาคมโลกไม่รับรอง“มิน อ่อง หล่าย ประกาศว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งปีนี้ แล้วมียูเอ็นเข้ามาสังเกตการณ์หรือเปล่าล่ะ?ถ้าไม่มียูเอ็นเข้ามาก็ไม่มีความชอบธรรม”
เป็นที่น่าสังเกตว่าการสู้รบและการปราบปรามฝ่ายต่อต้านที่รัฐบาลขึ้นบัญชีผู้ก่อการร้าย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรัฐชินและเขตซะไกง์ อยู่ใกล้ชายแดนประเทศอินเดีย แต่ข่าวการสู้รบ ข่าวรัฐทหารปราบปรามฝ่ายต่อต้าน ข่าวพวกนี้ส่วนใหญ่สื่อตะวันตกได้รับมาจาก “สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองเมียนมา” ซึ่งสมาคมที่ว่าตั้งอยู่ในประเทศไทยที่สื่อทั่วไปควรจะพิจารณาว่าข่าวที่ออกมาเชื่อได้หรือไม่
นายดูวา ลาชิ ลา รักษาการประธานาธิบดี-ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government=NUG)รัฐบาลเงาเมียนมา ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าหากได้รับการช่วยเหลืออาวุธที่มีประสิทธิภาพเหมือนที่มิตรประเทศช่วยเหลือยูเครนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเอาชนะรัฐบาลทหารเมียนมาได้ภายในหกเดือน”
ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านถูกตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกาปั่นหัวว่า พวกเขาสามารถล้มรัฐบาลทหารเมียนมาได้ภายในปี 2566
พลเอกมิน อ่องหล่าย หัวหน้าคณะผู้บริการแห่งรัฐ (State Administration Council=SAC) แถลงในวันครบรอบ 75 ปีได้รับอิสรภาพ เมื่อวันที่ 4 มกราคม ว่า รัฐบาลควบคุมสถานการณ์ได้ และจะจัดให้มีการเลือกตั้ง“ช้างเผือกนันทกะ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจการปกครองและความชอบธรรมทางการเมืองSAC มีความชอบธรรมที่ทำให้บ้านเมืองกลับสู่ปกติและจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปแบบหลายพรรค...หลังจากเลือกตั้ง SAC จะถ่ายโอนอำนาจให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งบริหารประเทศต่อไป”
ส่วนหนึ่งของคำปราศรัย พลเอกมินอ่อง หล่าย ในวันครบรอบ 75 ปี ที่ได้รับเอกราช
พลเอกมิน อ่อง หล่าย เอ่ยถึงช้างเผือกชื่อ“นันทกะ” ที่ได้มาจากรัฐยะไข่ เมื่อปีกลาย อย่างไรก็ตาม พลเอกมิน อ่อง หล่าย ไม่ได้บอกว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่นักวิเคราะห์การเมืองชาวเมียนมากล่าวว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นภายในเดือนสิงหาคม 2566
คำปราศรัยของพลเอกมิน อ่อง หล่าย เป็นเหตุให้องค์การสหประชาชาติกับสหรัฐประกาศล่วงหน้าว่าไม่รับรองการเลือกตั้งอันน่าละอายที่จะจัดขึ้น โดยรัฐบาลทหารเมียนมาที่ยึดอำนาจรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
ดังนั้นปี 2566 นี้จะเป็นที่พิสูจน์กันว่าฝ่ายต่อต้านการยึดอำนาจ คือ เอ็นยูจี และ พีดีเอฟของนางออง ซาน ซู จี ซึ่งมีอเมริกาและประเทศตะวันตกถือหาง กับ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ที่มีบุญบารมีของช้างเผือกนันทกะและจีน รัสเซียอินเดีย หนุนหลัง ฝ่ายไหนจะมีชัยในปีกระต่าย
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี