วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเป็นวันขีดเส้นตายสำหรับการย้ายสังกัดของบรรดา สส. ในกรณีที่รัฐบาลจะอยู่ครบวาระ แต่ในวันนั้นกลับไม่มีการพูดถึงการโยกย้ายสังกัดใดๆ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการย้ายสังกัดพรรคนั้นได้เสร็จสิ้นลงไปแล้วเมื่อสองเดือนก่อน? และมีแค่นั้นหรือ? หรือที่หลายคนมั่นใจว่าพลเอกประยุทธ์จะอยู่ไม่ครบวาระเพราะข่าวยุบสภาฯ นั้นแรงและชัดเจนยิ่งกว่า? ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การย้ายรอบสุดท้ายที่อาจเป็นรอบใหญ่ที่สุดจะเกิดขึ้นหลังยุบสภา ซึ่งหลังจากนี้อีกเดือนกว่าจะเกิดสิ่งนี้ขึ้นวันไหนก็ได้
เช่นเดียวกับการพิจารณาเรื่องต่างๆ ในสภาฯ ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่ายากที่จะมีอะไรสามารถผ่านมติสภาตอนนี้ได้อีกจนถึงวันที่หมดวาระหรือยุบสภาฯ อย่างกรณีเมื่อวานนี้มีวาระการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเนื้อหามีผลโดยตรงถึงอำนาจของ สว. ซึ่งสุดท้ายการประชุมสภาฯ ปิดไปก่อนเพราะปัญหาองค์ประชุม ซึ่งก็น่าจับตาการอภิปรายในสัปดาห์หน้าเช่นกัน?
เอาเข้าจริงการเตรียมตัวของพรรคการเมืองแต่ละพรรคนั้น ดูจะเอาใจใส่กับการเตรียมการหลังบ้านมากกว่า เมื่อยังไม่ถึงวันสุดท้ายของการย้ายจริงๆ ดีลต่างๆ จึงไม่มีทางจบ รวมถึงไปแล้วกลับก็อาจเกิดขึ้นด้วย
รวมถึงกรณีบ้านเก่า บ้านใหม่ บ้านพี่ บ้านน้อง อย่างพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ดูเหมือนมีคนบอกว่ารวมไทยจะมีแต่กำไร มีแต่คนตบเท้าย้ายจากบ้านเก่ามาบ้านใหม่ แต่ในความเป็นจริง ด้วยความที่ยังไม่ถึงวันสุดท้ายจริงๆ อะไรที่เคยคุยไว้ก็อาจเปลี่ยนใจ บ้านน้องอาจน่าสนใจแต่บ้านพี่ใจถึงดูแลดี ก็เริ่มมีข่าวไหลกลับบ้าน
พี่หลายคน?
อีกหนึ่งคู่แข่งทางการเมืองคู่สำคัญในอดีตที่แม้จะดูเหมือนสถานการณ์แข่งขันในกระดานจะเปลี่ยนไป อย่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย ที่มาวันนี้อาจไม่ใช่พรรคที่เผชิญหน้ากันตรงๆ ในสนามการเลือกตั้ง และทั้งสองพรรคยังถือเป็นพรรคการเมืองเก่าที่กำลังต้องฝ่ากระแสการเมืองใหม่ ที่ตอนนี้มีพรรคการเมืองขยายตัวเพิ่มจำนวนขึ้นกว่าเมื่อก่อนอยู่มาก ตลอดจนโครงสร้างภายในที่ยาวนานก็ทำให้ยากที่ขับเคลื่อนในยุคสมัยปัจจุบัน
อย่างในรายของพรรคประชาธิปัตย์เอง ที่เคยทำผลงานได้ดีต่อเนื่องตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2551 มาจนถึง 2554 แต่ในการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 กลับทำผลงานออกมาได้อย่างน่าใจหาย และตลอดระยะเวลาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 จนถึงในยามนี้ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงภายในอยู่ไม่น้อย ทั้งการเปลี่ยนผ่านของขุนพลระดับผู้บริหารพรรค
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้น คือการที่ขุนพลหลายท่านที่ได้ตบเท้าออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปนั้น อาจต้องฟาดฟันกันในสมรภูมิในรูปแบบของคู่แข่งต่างสังกัด ทั้งที่ออกไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นรวมถึงจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่ก็ไม่ได้ย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้ามอุดมการณ์แต่อย่างใด แต่ยิ่งเหมือนเป็นการลดทอนคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ให้การต่อสู้ยากลำบากขึ้นไปอีกหรือไม่?
อีกทั้งคู่แข่งที่ถูกมองว่ามีฐานคะแนนเสียงเดียวกันในตอนนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่พรรคพลังประชารัฐเพียงเท่านั้น เพราะพรรคการเมืองที่ถือกำเนิดใหม่อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นอีกหนึ่งพรรคการเมืองที่พร้อมจะต่อสู้เพื่อแบ่งแย่งฐานคะแนนเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่เดิมประชาธิปัตย์เช่นเดียวกัน และว่ากันตามตรงก็ยากที่จะปฏิเสธว่าพรรคประชาธิปัตย์เองก็เสียลูกทีมให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติในจำนวนที่ไม่น้อย อาจเป็นเพราะการก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติของนายพีระพันธุ์อดีตขุนพลของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการปรากฏตัวของพลเอกประยุทธ์ ซึ่งก็คาดว่าหลังวันประกาศยุบสภาก็อาจมีตามออกมาอีกหรือไม่?
ฐานที่มั่นคนเมือง
ในสนามประลองเวทีคนเมืองอย่างกรุงเทพมหานคร ซึ่งขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเวทีของฝ่ายค้านมาตลอด หมายความว่า ทั้งสส.และผู้ว่าฯ กทม. โดยมากผลการเลือกตั้งจะพุ่งเทคะแนนไปที่ฝ่ายค้านในขณะนั้น โดยเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
ที่น้อยมากที่ผู้ว่าฯกทม.จะมาจากพรรคที่เป็นรัฐบาลในขณะนั้นเลือกตั้งสส.ก็ไปทำนองเดียวกัน เว้นเพียงการเลือกตั้งสส.เมื่อครั้ง นายกฯทักษิณ และนายกฯอภิสิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตามเวทีสส.กทม.นับได้ว่าเป็นเวที ที่เปลี่ยนตัวสส.และพรรคที่ครอบครองมากที่สดุ นั่นคือยากที่จะมีสส.หรือพรรคใดผูกขาดพื้นที่กทม.ไม่ว่าเขตใดก็ตาม
ซึ่งในช่วง 20 กว่าปี ที่ผ่านมา พรรคที่ขับเคี่ยวในพื้นที่กทม.มาตลอดคือพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย แต่มาตั้งแต่การเลือกตั้งปี’62 ก็เริ่มเห็นสัญญาณที่เปลี่ยนไปของคนเมือง ที่มีแนวโน้มเลือกพรรคที่หลากหลายมากขึ้น และรวมถึงครั้งนี้ที่มีพรรคการเมืองประสงค์และตั้งเป้าจริงจังที่จะลงมาแข่งในพื้นที่กทม.มากขึ้น และน่าจับตาว่าอาจเห็นสส.กทม.รอบนี้อาจมาจาก 4-5 พรรคขึ้นไปหรือไม่
ครั้งที่แล้ว ประชาธิปัตย์ถูกมองว่าสูญเสียที่นั่งทั้งหมดให้กับพลังประชารัฐ รวมถึงบางส่วนไปที่อนาคตใหม่ ใน
ขณะที่เพื่อไทยประคองฐานเสียงเดิมได้เป็นส่วนใหญ่และสูญเสียบางส่วนให้กับอนาคตใหม่ แต่อย่าลืมว่าครั้งที่แล้วมีประเด็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ครั้งนี้เพื่อไทยก็มีแนวทางในการจัดการใหม่ไว้แล้ว
นอกจากนี้แม้จะถูกมองว่าเป็นพรรคการเมืองที่อยู่คนละฟากฝั่ง จึงน่าจะมีฐานคะแนนเสียงที่เป็นคนละกลุ่มเป้าหมาย แต่ในความจริงแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฐานเสียงของทั้งก้าวไกลและพรรคประชาธิปัตย์ ก็อาจมีส่วนที่คาบเกี่ยวกันอยู่ โดยเฉพาะฐานคนรุ่นใหม่และชนชั้นกลางซึ่งแต่เดิมอาจถูกมองว่าเป็นฐานของประชาธิปัตย์ คะแนนส่วนนี้ในรอบนี้อาจนำไปสู่พรรคการเมืองใหม่อื่นๆ ที่พึ่งจัดตั้งขึ้นอย่างพรรคชาติพัฒนากล้า รวมถึงไทยสร้างไทย ที่มุ่งเป้าฐานชนชั้นกลางเช่นกัน นอกจากนี้ ยังพบการลาออกของสส.เขตของก้าวไกลหลายคนในพื้นที่กทม. ทำให้ฐานที่มั่นเดิมของก้าวไกลอาจ
ไม่มั่นคงอย่างที่คิดหรือไม่?
แม้พรรคก้าวไกลก็ถือว่าเป็นพรรคที่ประสบการณ์ทางการเมือง ยังมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่นๆ แต่ก็ถือว่ามีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักรวมถึงมีจุดเด่นเอกลักษณ์เป็นที่จดจำ ย้อนกลับไปเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 พรรคอนาคตใหม่มีแบรนด์และความหวังของพรรคอย่างธนาธร ปิยบุตร และพรรณิการ์ เป็นดั่งสามทหารเสือ และถูกมองว่าเป็นแม่เหล็กดูดคะแนน แต่ในรอบนี้พรรคก้าวไกลแบรนด์ของพรรคอย่างนายพิธา แม่ทัพคนใหม่และนายพริษฐ์ แต่ก็ยังถูกนำมาเปรียบเทียบกับความเป็นผู้นำและความโดดเด่นในยุคสมัยที่นายธนาธร เป็นผู้นำของพรรคหรือไม่?
ว่ากันตามตรงเงื่อนไขที่พรรคก้าวไกลจะสามารถจะเป็นรัฐบาลในสมัยหน้าได้ก็ดูจะไม่มากนักและดูจะมีทางเดียวคือต้องจับมือกับเพื่อไทยเท่านั้นหรือไม่? เพราะจากการประกาศอุดมการทางการเมืองในสมัยหน้าว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองทั้ง 2 ขั้วที่เกี่ยวข้องกับพี่น้อง 2 ป. ซึ่งตรงกันข้ามกับเพื่อไทยที่ยังมีความยืดหยุ่นกว่าในเรื่องนี้ ซึ่งก็น่าสนใจว่าหากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคก้าวไกลเพื่อจัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้า แต่หากมีปัจจัยพรรคพลังประชารัฐจำเป็นต้องเข้าร่วมวงด้วย พรรคก้าวไกลจะมีท่าทีอย่างไรกับสมการในรูปแบบนี้? ซึ่งหากว่าพรรคก้าวไกลเข้าร่วมวง ก็น่าสนใจว่าจะส่งผลต่อภาพลักษณ์เรื่องอุดมการณ์ซึ่งเป็นจุดแข็งของพรรคก้าวไกลในอนาคตหรือไม่?
ซึ่งในประเด็นนี้อาจส่งผลบวกต่อฐานเสียงเฉพาะกลุ่มโดยเฉพาะพื้นที่กทม. แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ปัจจัยในการตัดสินใจการเลือกของประชาชนที่มีความหลากหลายกว่า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดสามปีที่คณะก้าวหน้าเดินเกมในการแข่งขันการเมืองท้องถิ่นที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก จึงเป็นเหตุให้ก้าวไกลต้องหันกลับมาเจาะฐานที่มั่นกลุ่มคนเมืองแบบทุ่มสุดตัว
ในตอนนี้แลนด์สไลด์ของเพื่อไทยก็ยังเป็นจุดมุ่งหมายและภารกิจสูงสุดของพรรค เพราะหากได้คะแนนเสียงในจำนวนมาก ก็ย่อมง่ายต่อการคุมเกมหลังเลือกตั้ง และแม้พรรคเพื่อไทยก็น่าจะรู้ดีว่าการจะให้แลนด์สไลด์นั้นเป็นเรื่องยากแต่การเป็นผู้ชนะแบบเด็ดขาดมากที่สุดแบบพรรคเดียวจะเพิ่มความชอบธรรมในการดำเนินการใดๆ หลังเลือกตั้ง ทุกคะแนนของก้าวไกลในเวทีเมืองจึงอาจเป็นการเพิ่มอุปสรรคสำคัญกับการแลนด์สไลด์แม้จะบอกว่าจะมาร่วมกันภายหลังได้ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม อีกสองพรรคคู่แข่งสำคัญในเวทีคนเมืองอย่าง พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และยังจัดทัพผู้สมัครกทม.ยังไม่ลงตัว ด้วยสถานการณ์แบบนี้จึงยากที่ทิศทางคะแนนเสียงจะพุ่งไปทางใดทางหนึ่ง
ฐานที่มั่นต่างจังหวัด
ด้วยสถานการณ์โดยรวมตลาดสส..นั้นดูเหมือนยังไม่นิ่ง ส่วนที่ย้ายไปก็ไม่แน่ว่าอาจจะย้ายใหม่หรือย้ายกลับ เพราะผู้สมัครและอดีตสส.ทุกคน สิ่งคาดหวังสำคัญสูงสุดคือการได้กลับมาเป็นสส.อีกครั้ง ที่นอกจากกระแสพรรคและโอกาสที่จะได้เป็นพรรครัฐบาลในอนาคตแล้วความใจถึงของหัวหน้าพรรคก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้บรรดาสส.ทั้งหลายเลือกย้ายบ้าน? โดยเฉพาะกับบ้านใหญ่ทั้งหลายที่มีศักยภาพส่วนหนึ่งด้วยตนเองย่อมมีโอกาสตัดสินใจเลือกบ้านอยู่ให้สบายใจได้มากกว่า
จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวว่า พรรคเพื่อไทย อาจเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.อีกระลอกทั่วประเทศ แต่หนึ่งในสิ่งที่น่าจับตามองคือ กลุ่มบ้านใหญ่ ซุ้มต่างๆ ที่น่าจะได้เปิดตัวกับพรรคเพื่อไทยในไม่ช้านี้ด้วยหรือไม่? ซึ่งหนึ่งในนั้น คือบ้านใหญ่เมืองชล ของนายสนธยา คุณปลื้ม อดีตหัวหน้าพรรคพลังชล และเมื่อขึ้นชื่อว่าบ้านใหญ่ ก็น่าสนใจว่า เมื่อนายสนธยาประกาศเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ จะมีบ้านอื่นตามมาจากบ้านหลังเดิมด้วยหรือไม่?
ยังไม่นับรวมกลุ่มสามมิตรที่แม้ล่าสุดจะมีการเผยท่าทีว่า จะมีเพียงแค่นายอนุชาเท่านั้น ที่ย้ายสังกัดไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนนายสมศักดิ์และนายสุริยะ ยังไงเสียก็จะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐต่อ แต่กระแสย้ายไปพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ได้จางหาย อีกทั้งข่าวแว่วมาว่านายสมศักดิ์อาจส่งคนใกล้ตัวไปพรรคเพื่อไทยก็มีมา ทั้งน้องสาวอย่างพรรณสิริ กุลนาถ ที่อาจลงสมัคร สส. สุโขทัยเขต 1 ในนามพรรคเพื่อไทยหรือไม่?
และเมื่อกลุ่มสามมิตรถูกจับไปเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองใหญ่หลายพรรค ก็อาจถูกมองว่าเป็นการวางหมากแบบกระจายตัวเล่นหรือไม่? หรือความสัมพันธ์ภายในขั้วนั้นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว? แต่ไม่ว่าอย่างไรหากในท้ายที่สุดกลุ่มสามมิตรได้มีส่วนที่ได้ย้ายสังกัดไปยังพรรคเพื่อไทยจริงๆ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคเพื่อไทยไม่น้อย เพราะก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มสามมิตรก็เป็นอีกหนึ่ง สส. ที่แข็งแรงที่มักจะปักธงแบบไม่พลาดเป้า
อย่างไรก็ตาม ในกระแสการเมืองใหม่ยุคนี้ บ้านใหญ่หลายบ้านก็อาจถูกล้มแชมป์ไปได้ง่ายๆ เช่นกัน หากองค์ประกอบอื่นอย่างกระแสพรรค และหัวหน้าพรรคไม่เข้าตาและอย่าลืมว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาในช่วงการแข่งขันในเวทีท้องถิ่น พี่ใหญ่อย่างบิ๊กป้อมได้นำทีมส่งผู้สมัครในนามพรรคพลังประชารัฐเก็บแต้มฐานที่มั่นในต่างจังหวัดทั้งอบจ. เทศบาลและอบต. ตุนไว้ในกระเป๋าอย่างมาก มาวันนี้ก็จะได้รู้ว่าฐานที่วางไว้จะออกดอกออกผลอย่างไร?
“ชีวิตของทั้งสองคล้ายดั่งดำรงอยู่ในความมืดมิดมาตลอดกาลนาน
แต่ทั้งสองยังมีความสุขยิ่งกว่าคนอื่นอีกมากหลาย
เนื่องจากเพราะชีวิตของทั้งสองมีรักแท้ รักแท้ไม่มีเรื่องราวใดแทนได้ตลอดกาล”
โกวเล้ง จาก เดชขนนกยูง

‘ปลัดมท.’ สั่งเข้ม 7 มาตรการ เร่งฟื้นฟู 9 จังหวัดภาคใต้ที่ประสบวิกฤตอุทกภัย
คุกแก๊งบัญชีม้า 14-18 ปี ไม่รอลงอาญา หลังอ้างเป็นดีเอสไอ ตุ๋นเหยื่อโอนกว่า 21 ล้าน
ศป.กฉ.ตั้ง ‘รัชดา’ นั่งโฆษก เสริมทีมสื่อสาร ‘ภราดร’ปัดตอบรัฐบาลบริหารผิดพลาด
รพ.สงขลานครินทร์ แจ้ง! เร่งระบุตัวตนผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ขอญาติรอประกาศแนวทางรับร่าง
ศป.กฉ.เปิดตัวเลขผู้เสียชีวิตที่สงขลา 85 ราย มาจากน้ำท่วมมากกว่าครึ่ง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี