ความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจการเงินของสหรัฐอเมริกาได้ปรากฏขึ้นชัดเจนแล้ว และกำลังเกิดผลกระทบครั้งใหญ่หลวงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐตั้งแต่ภาคการเงิน การคลัง เศรษฐกิจ การทหาร โดยไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาประเทศเพราะหยุดชะงักมาหลายสิบปีแล้ว
สาเหตุสำคัญเกิดขึ้นจากการขยายแสนยานุภาพของสหรัฐที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ที่มีการจัดตั้งฐานทัพในประเทศทั่วโลกร่วม 800 แห่ง มีการจัดตั้งกองเรือถึง 10 กองเรือเข้าควบคุมน่านน้ำและมหาสมุทรทั่วโลกและมีส่วนเข้าร่วมในสงครามต่างๆ และในความขัดแย้งต่างๆ ทั่วโลกมากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว
สถานการณ์เช่นนั้นได้สร้างรายจ่ายประจำจำนวนมหาศาลแก่สหรัฐจนเกินล้นพ้นที่รายได้แผ่นดินปกติจะสามารถรองรับได้ ดังนั้นเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในการดังกล่าว จึงต้องก่อหนี้ยืมสินในทุกรูปแบบอย่างไม่หยุดยั้ง จนกล่าวได้ว่าสหรัฐนั่นแหละคือประเทศที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวมากที่สุดของโลก
ธนบัตรของประเทศทั้งหลายต้องมีหลักประกันค้ำจุน ไม่เป็นทองคำก็เป็นเงินตราต่างประเทศอื่นที่เป็นที่เชื่อถือ ซึ่งแต่ก่อนมาสหรัฐก็ได้ประพฤติปฏิบัติเช่นเดียวกับประเทศทั้งหลายทั่วโลก แต่ในที่สุดเมื่อการก่อหนี้เพิ่มขึ้นจนล้นเกินไปจากหลักทรัพย์ที่มีอยู่จึงต้องหาทางก่อหนี้โดยไม่มีหลักประกัน นั่นคือออกธนบัตรและพันธบัตรโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำจุน
วิธีการที่จะทำให้เกิดความจำเป็นต่อประเทศต่างๆ ที่จะต้องแสวงหาเงินดอลลาร์สหรัฐก็คือการปฏิบัติการสองอย่าง
อย่างแรก คือการเข้าครอบงำกลุ่มประเทศโอเปก 21 ประเทศ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก ให้กำหนดกฎเกณฑ์ในการขายน้ำมันว่าผู้ซื้อน้ำมันทุกรายจากกลุ่มโอเปกจะต้องซื้อด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ดังนั้นประเทศทั้งหลายที่ต้องใช้น้ำมันจึงต้องแสวงหาเงินดอลลาร์สหรัฐมาเป็นเงินสำรองของประเทศ หรือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำมัน
จึงทำให้เกิดความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นทั่วโลกอย่างรวดเร็ว บางประเทศไม่มีรายได้ก็ต้องไปกู้ยืมในรูปแบบต่างๆ เพื่อเอาเงินดอลลาร์สหรัฐไปซื้อน้ำมัน
อย่างที่สอง คือการสร้างระบบปฏิบัติการทางการเงิน ที่การโอนเงินของประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องผ่านระบบปฏิบัติการที่จัดตั้งขึ้น แล้วถือเอาเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินหลักในการแลกเปลี่ยนทั่วโลก
ด้วยสองวิธีการดังกล่าวจึงทำให้สหรัฐสามารถออกเงินดอลลาร์ได้ไม่จำกัด ล้นเกินกว่าสินทรัพย์ที่มีอยู่สุดคณานับ ซึ่งถ้าสหรัฐเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวที่บงการทั่วโลกได้เหมือนในอดีตก็จะไม่มีปัญหาอันใด
แต่เพราะความต้องการขยายแสนยานุภาพไปครอบงำประเทศต่างๆ ทั่วโลก จึงเกิดการต่อต้านขึ้นประเทศแล้วประเทศเล่า ซึ่งประเทศเหล่านั้นก็ถูกคว่ำบาตรกดดันแทรกแซงด้วยประการต่างๆ โดยไม่เป็นธรรม ในที่สุดบรรดาประเทศทั้งหลายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงยืนหยัดขึ้นต่อสู้และร่วมมือร่วมแรงกันระหว่างบรรดาประเทศที่ถูกคว่ำบาตรต่างๆ กัน
จนกระทั่งก่อเกิดเป็นองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ โดยมีกลุ่มเศรษฐกิจ BRICS เป็นเครื่องมือ และมีการเสริมสร้างแสนยานุภาพอย่างขนานใหญ่ จนสหรัฐไม่สามารถกดข่มเหมือนอดีตได้อีกแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีความพยายามที่จะทำลายแกนนำของกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ คือรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ จนกระทั่งเกิดเป็นสงครามยูเครนขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดและเป็นวงกว้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ดังนั้นจึงเกิดแรงต้านที่รุนแรงที่สุดและกว้างขวางที่สุดตอบโต้อย่างทัดเทียมกัน
มาตรการตอบโต้ที่สำคัญคือ
ประการแรก การทำลายระบบเปโตรดอลลาร์ที่ต้องใช้เงินดอลลาร์ซื้อน้ำมัน เพื่อทำลายสกุลเงินดอลลาร์โดยตรงและทำได้สำเร็จ คือประเทศทั้งหลายสามารถซื้อน้ำมันจากกลุ่มโอเปกโดยใช้เงินสกุลรูเบิล เงินหยวน หรือเงินสกุลอื่นตามที่ตกลงกัน ทำให้ความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐลดลง ไม่สามารถออกเงินดอลลาร์เพิ่มได้อีก
สำหรับเงินดอลลาร์สหรัฐที่ออกมาก่อนหน้านี้และเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวจึงได้รับผลกระทบครั้งใหญ่ที่สุด เพราะประเทศต่างๆ เกรงว่ากระดาษเหล่านั้นจะไร้คุณค่าในสักวันหนึ่ง จึงพากันเทขายกันทั่วโลก เมื่อเทขายสหรัฐก็จำเป็นต้องรับซื้อไว้ จึงทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงทำให้ต้องขึ้นค่าดอกเบี้ยเพื่อล่อใจให้ถือเงินดอลลาร์ไว้ต่อไปในรูปแบบต่างๆ และได้ใช้วิธีการนี้ถี่ยิบจนในที่สุดก็ไม่ได้ผล เพราะไม่สามารถฟื้นความเชื่อถือขึ้นมาได้อีกแล้ว แต่ทุกเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนั้นได้กลายเป็นเครื่องมือประหารเศรษฐกิจของสหรัฐ
ประการที่สอง เกิดการยืนหยัดต่อสู้กับแรงกดดันทุกรูปแบบ แม้กระทั่งทางการทหาร และขยายสมรภูมิความขัดแย้งไปทุกพื้นที่ ทำให้เกิดความละล้าละลังและภาระรายจ่ายที่สูงลิ่ว จนเกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นในกลุ่มประเทศนาโตอย่างรุนแรง ถึงขั้นมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลกันไปหลายประเทศแล้ว
สภาพเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศไทยไม่มากก็น้อย แต่ครั้งนี้โชคดีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งตัวได้ทัน ไม่ต่อสู้ป้องกันค่าเงินบาทเหมือนเมื่อครั้งต้มยำกุ้ง และไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหมือนสหรัฐ ดังนั้นเมื่อมาตรการดังกล่าวล้มเหลวลง ประเทศไทยจึงไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย
เรื่องนี้ต้องขอสดุดีธนาคารแห่งประเทศไทย และต้องเข้าใจว่าการแสดงบทบาทดังกล่าวนั้นไม่เกี่ยวกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเป็นอิสระในปฏิบัติการทั้งหลายเหล่านี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี