ทักษิณ ชินวัตร หนีคดีอาญาคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก โดยหลบหนีออกจากประเทศไทยเมื่อปี 2551 โดยใช้อุบายทำหนังสือขออนุญาตศาลฎีกาฯ อ้างว่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศคือ จีนและญี่ปุ่น แล้วจากนั้นก็หนีคดีไป
ก่อนที่ทักษิณจะหนีคดีอาญาแผ่นดิน เขาถูกทำรัฐประหารโดยคณะ คปค. (คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) เมื่อปี 2549 ภายใต้การนำของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
หลังรัฐประหารในครั้งนั้น ทักษิณลี้ภัยไปอยู่ในอังกฤษนาน 1 ปี 5 เดือน แล้วก็กลับเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้ง โดยสร้างภาพก้มลงกราบแผ่นดินไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วเข้าไปมอบตัวสู้คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีตกเป็นจำเลยคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ร่วมกับภริยา คือ (คุณหญิง) พจมาน ชินวัตร แล้วในที่สุดศาลก็ให้ประกันตัว
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ขออนุญาตศาล โดยอ้างว่าจะไปต่างประเทศ คือญี่ปุ่นและจีน โดยอ้างว่าจะเดินทางไประหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 10 สิงหาคม 2551 โดยภริยาของทักษิณอ้างว่าจะไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิก ณ กรุงปักกิ่ง วันที่ 5-10 สิงหาคม 2551
แต่แล้ว ทั้งทักษิณและภริยาก็หนีคดีอาญาเพราะทั้งคู่ไม่ได้ไปรายงานตัวต่อศาลในวันที่ 11 สิงหาคม 2551 แต่กลับกลายเป็นว่าเขากับภริยาและครอบครัว(คือลูกอีกสามคน) ไปปรากฏตัวในกรุงลอนดอนในวันที่ 21 ตุลาคม 2551
ดังนั้น ศาลฎีกาฯ จึงอ่านคำพิพากษาลับหลังผู้ต้องหาที่จงใจหนีคดี โดยตัดสินให้จำคุกทักษิณ เป็นระยะเวลา 2 ปี แล้วยกฟ้องคดีในส่วนของภริยาทักษิณ จากวันที่ศาลฯ อ่านคำพิพากษาจนถึงบัดนี้ ทักษิณก็ยังคงหนีคดีมาโดยตลอด
แต่นักโทษหนีคดีอาญาอย่างทักษิณก็ยังคงเป็นข่าวครึกโครมเสมอๆ เพราะมีสื่อฯ บางสำนักช่วยปั่นข่าวให้ตลอดเวลา ประกอบกับทักษิณใช้กลอุบายสร้างข่าวตัวเองผ่านระบบ social media ตลอดเวลา โดยเฉพาะการส่งข่าวของตัวเองผ่านระบบ social media ไปถึงกลุ่มผู้สนับสนุนทางการเมืองตลอดเวลา
ถามว่าทำไม ทักษิณจึงรอดพ้นจากการถูกกระบวนการยุติธรรมของไทยนำตัวกลับมาพิจารณาคดีบนศาลไทย หรือพูดง่ายๆ คือทำไมไม่มีใครนำตัวทักษิณกลับมาพิจารณาคดีบนศาลไทยได้ ทั้งๆ ที่คนเป็นจำนวนไม่น้อยเดินทางไปหาทักษิณเป็นประจำ แต่น่าอัศจรรย์ใจที่ทางการไทยไม่มีปัญญานำตัวทักษิณกลับมาพิจารณาคดี จึงเกิดคำถามว่า เป็นเพราะไม่ต้องการดำเนินคดีอย่างจริงจังและเด็ดขาดกับทักษิณ ใช่หรือไม่ จึงปล่อยให้ทักษิณล่องลอยไปมาได้ตลอดเวลา
น่าประหลาดใจมากที่ทักษิณสามารถเขย่าการเมืองได้ตลอดเวลา แม้จะมีสถานะเป็นนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ซึ่งก็เท่ากับเป็นการประจานให้โลกเห็นด้วยว่า รัฐบาลที่มีอำนาจไม่สามารถจัดการทักษิณได้อย่างเด็ดขาด สิ่งที่รัฐบาลทำได้ก็เพียงยึดพาสปอร์ต และถอดยศตำรวจจากทักษิณเท่านั้น แต่ไม่มีปัญญานำตัวกลับมาพิจารณาคดีบนศาลไทย
กลับไปที่ทักษิณ คนที่รู้จักพฤติกรรมส่วนตัวของทักษิณดีรู้ชัดว่าคนคนนี้ทำอะไรได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และสามารถพูดกลับไป กลับมาได้ตลอดเวลา เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เขาเคยบอกว่าเขาอยากกลับประเทศไทย แต่หากไม่ได้กลับ ก็ไม่กลับ เพราะเขาสามารถอยู่ประเทศไหนก็ได้ อยู่ได้ทุกประเทศ
แต่มาล่าสุด แต่ก็ไม่ใช่ประโยคสุดท้ายจากทักษิณเขาบอกว่าเขาพร้อมจะกลับประเทศไทย พร้อมจะกลับมาติดคุก เมื่อหลายคนได้ยินคำพูดแบบนี้จากทักษิณ คนที่รู้ทันทักษิณต่างหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง แล้วก็บอกตรงกันว่า กูว่าแล้วว่าต้องมาไม้นี้ เพราะมันเป็นการหาคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองของทักษิณ ทักษิณต้องเล่นกลการเมืองแบบนี้ เพราะต้องการให้คนที่ยังคลั่งไคล้ใหลหลงทักษิณเทคะแนนเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย เพราะเขายังคิดว่า หากได้คะแนนเสียงการเมืองมากๆ ก็จะใช้คะแนนเสียงการเมืองเป็นตัวสร้างสถานการณ์กดดันให้เขาสามารถกลับประเทศไทยได้
แต่ช้าก่อน ไม่มีใครห้ามหรือกีดกันทักษิณกลับประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะทักษิณหนีคดีอาญาแผ่นดิน แล้วไม่ต้องการติดคุก ดังนั้น ทักษิณจึงต้องมีสภาพเป็นสัมภเวสีมาตั้งแต่หลบหนีคดีอาญาแผ่นดินจากไทย
การอ้างว่าพร้อมจะกลับมาติดคุก ก็เป็นเพียงคำโกหกครั้งที่เท่าไรก็ไม่ทราบ เพราะไม่มีใครจดจำคำโกหกของทักษิณ ชินวัตร ได้ เพราะเขาโกหกมาโดยตลอด และคงโกหกไปเรื่อยๆ ตราบสิ้นลมปราณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี