พรรคเพื่อไทยจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว, นายเศรษฐา ทวีสิน, นายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, นายอดิศร เพียงเกษ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค รวมทั้ง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และว่าที่ผู้สมัครสส.สระบุรีทั้ง 4 เขตร่วมเวที
นายอดิศร ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนพูดถึงนายทักษิณมันหนักหัวใคร เพราะตนยังไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีหรือพรรคการเมืองใด ที่ทำดีแบบนายทักษิณ วันนี้ท่านไม่ได้มา แต่ท่านถูกกระทำ จากบ้านจากเมืองไป 16 ปีแล้ว วันนี้ตนได้ฟังคำสัมภาษณ์ของนายทักษิณที่จะกลับบ้านเกิดเมืองนอนของท่านหลังจากการเลือกตั้งครั้งใหญ่นี้ ตนฟังแล้วน้ำตาไหล พรรคเพื่อไทยคือแก้วตาดวงใจ คือพันธุ์พืชที่ท่านปลูกไว้ พี่น้องต้องสนับสนุนแบบแลนด์สไลด์เท่านั้น
“แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ต้อนรับทักษิณกลับประเทศไทย อุ๊งอิ๊ง เศรษฐา คือแก้วตาดวงใจ พรรคเพื่อไทยต้องชนะอย่างเด็ดขาด ท่านทักษิณถึงจะเดินกลับประเทศไทยได้“ นายอดิศร กล่าว
1) สิ่งที่ผมขนลุกด้วยความขยะแขยงคือ การสื่อสารแบบไม่สนใจมิติเชิง “จริยธรรม” และไม่เคารพ “ความจริง”
2) พรรคเพื่อไทยประกาศตัวเป็นหัวขบวน “ฝ่ายประชาธิปไตย” แต่สำนึกขั้นพื้นฐานในการยอมรับอำนาจของฝ่ายบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ ชำรุด/วิปริต ขนาดนี้ เอาอะไรมายืนยัน “สันดานประชาธิปไตย”
3) หัวหน้าพรรคก็ไม่ได้มาจากการเลือกของสมาชิก แถมมีองค์กรเงาที่มากดทับบทบาท หน้าที่ ความสำคัญของหัวหน้าพรรค ที่เรียกว่า “ครอบครัวเพื่อไทย” เข้าไปอีก ครอบครัวเพื่อไทยที่ประกอบไปด้วย “คนไม่กี่คน” มาเดินนำ มาประกาศนโยบาย มาปราศรัยมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ เหนือองค์กรใหญ่ที่เรียกว่า “พรรคเพื่อไทย” นี่เป็น “ประชาธิปไตย” อย่างไร
4) การยอมรับ เชิดชู “คนโกง” ที่ศาลตัดสินแล้วออกหมายจับแล้ว หนีการเข้าคุกไป ทิ้งข้าราชการร่วมขบวนการ ทิ้งนักการเมืองร่วมในกระบวนการคอร์รัปชั่น ติดคุกอยู่ข้างหลัง เป็น “ประชาธิปไตย” อย่างไร
5) คนที่หนีคุก หนีหมายศาลไป จนบางคดีหมดอายุความ บอกว่าจะกลับมาติดคุก มันน่าซาบซึ้งใจตรงไหน มันคือสามัญสำนึก และความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานของคนในสังคมประชาธิปไตยที่เคารพกฎหมาย ทั้ง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ล้วนได้รับความยุติธรรมในกระบวนการตุลาการ ให้นำพยานหลักฐานมาแก้ต่างพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในคดีจนครบถ้วน แต่อดิศรใช้คำว่า “ท่านถูกกระทำ” และเรียก “การหลบหนี” ว่า “จากบ้านจากเมืองไป” คำถามถึงประชาชนคนไทยคือเราจะต้องยอมรับ ชื่นชม สนับสนุน นักประชาธิปไตยจอมปลอม ฝ่ายประชาธิปไตยขี้โกงแล้วมีบริกรช่วยกลบเกลื่อน บิดเบือน เช่นนี้กันหรือ?
6) ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฎฐ์” นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พร้อมที่จะกลับมา “รับโทษจำคุกในประเทศไทย” ว่า นายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ช่องว่างกฎหมาย หลบหนีไปยังประเทศปลายทางที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนประกอบกับ “นายทักษิณ” กับ “นางสาวยิ่งลักษณ์” ถือสัญชาติต่างประเทศ อีกสัญชาติหนึ่ง ถือเป็นคนสองสัญชาติ ทำให้ติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีได้ยากขึ้นการหลบหนีคำพิพากษาของศาล และศาลปรับนายประกันเต็มตามสัญญา เป็นการกระทำของจำเลยทั้งสองเองหรือไม่
ตนฟังคำสัมภาษณ์ของนายทักษิณฯที่ระบุตอนหนึ่งว่า….ถึงแม้จะเป็นบทลงโทษที่ผมไม่จำเป็นต้องชดใช้ แต่ผมจะชดใช้ให้ เพราะต้องการอยู่กับหลานๆ และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับลูกๆ หลานๆ ฟังเผินๆ แล้ว เหมือนน่าจะเห็นใจ แต่ขอให้พี่น้องประชาชนตาสว่างให้รู้ทันเกมเล่ห์เหลี่ยมนายทักษิณ คดีไหนแพ้ บอกว่าศาลไม่ยุติธรรม คดีไหนทักษิณชนะ บอกว่า ศาลยุติธรรม
ดร.ณัฎฐ์ กล่าวว่าคดีที่นายทักษิณกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ส่วนใหญ่ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก เป็นคดีทุจริตหรือไม่ อย่างไร ให้ประชาชนไปย้อนอ่านคำพิพากษาของศาล หลายคดีที่ยังไม่ขาดอายุความ จะได้รู้ทันนายทักษิณ และจะได้คำตอบชัดแจ้งว่า เป็นบทลงโทษที่นายทักษิณจำเป็นต้องชดใช้หรือไม่ อย่างไร
การหลบหนีคำพิพากษาของศาล เป็นการกระทำส่วนตัวของนายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่หลบหนีออกช่องธรรมชาติระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาด้วยตนเองทั้งสิ้น หากเห็นว่าตัวเองไม่ผิด ไม่เห็นจำเป็นต้องหลบหนี ต้องพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม ตามหลักคำสอนของพระพุทธทาสภิกขุ “ถ้าวันนี้ถูกต้อง ไม่ต้องกลัววันพรุ่งนี้”
จะเห็นได้จาก พฤติการณ์ที่นายทักษิณฯหลบหนีคำพิพากษาแล้วใช้สิทธิฟ้องบุคคลอื่น ต่อมาป.วิอาญา มาตรา 161/1 วรรคสอง(แก้ไขใหม่) ราษฎรฟ้องเอง การฟ้องไม่สุจริต กรณีโจทก์ฝ่าฝืนหรือหลบหนีคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ส่งผลให้นายทักษิณเป็นโจทก์ฟ้องใครไม่ได้อีก
“ไพ่ใบสุดท้าย เป็นหมากการเมืองที่นายทักษิณเคยใช้บ่อยครั้ง เป็นกลยุทธ์การเมือง จะกลับบ้านพร้อมติดคุก แต่ใช้ไม่ได้ผลในการเลือกตั้ง สส.วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ประชาชนไม่เชื่อและรู้ทันแล้ว เพราะที่ผ่านมาปล่อยให้คนเสื้อแดงติดคุก แต่ตัวเองเผ่นหนีก่อนใคร”
ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่าตนไม่ได้ดิสเครดิตพรรคเพื่อไทยและไม่มีอคติกับนายทักษิณ ที่ว่าจะกลับไทยแน่นอนในปี 2565 นี่เดือนมีนาคม 2566 แล้ว ให้ประชาชนคนไทยคิดเอาเองแล้วกัน เมื่อวานนี้นายทักษิณไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า “จะกลับไทยหลังจากเลือกตั้ง” นั้น ถือเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการเมือง เป็นเทคนิคเรียกคะแนนสงสาร หวังเพียงให้ประชาชนเทคะแนนให้ชนะแลนด์สไลด์ 310 ที่นั่งเท่านั้น จะเห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ว่า “…ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง อย่างน้อยจะได้เก้าอี้อาจสูงกว่า 310 ที่นั่ง เพราะประชาชนเบื่อหน่ายการปกครองของนายประยุทธ์มาหลายปี..”
ส่วนที่ว่า “ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร” ตรงนี้ เป็นจุดขายฝัน หากเทียบกับผู้นำทางการเมืองในอดีต นายปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ลี้ภัยนอกประเทศไปยังประเทศจีนตั้งแต่ปี 2492 ไปไม่กลับไทย ระหว่างหนี ได้แสดงความเห็นทางการเมืองบ่อยครั้ง จนถึงแก่อสัญกรรมในปี 2526 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ไม่แตกต่างกับนายทักษิณอดีตนายกรัฐมนตรี หากนายทักษิณเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมประเทศไทย ย่อมกลับประเทศไทยพร้อมเข้าสู่กระบวนการการบังคับโทษทางอาญาตามคำพิพากษาถึงที่สุด สามารถกลับประเทศไทยได้ทันที ไม่มีข้อห้าม ทำไมต้องรอหลังเลือกตั้ง เป็นเพียงชั้นเชิงสับขาหลอก หวังผลเพียงให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเทคะแนนให้พรรคเพื่อไทยเท่านั้น
“นายทักษิณ อย่าลืมชักชวนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวที่หลบหนีไปด้วยกัน กลับประเทศไทยด้วย ประชาชนถึงจะเชื่อคำพูดว่า จะกลับไทยจริง ทั้งนี้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมต.ว่าการกระทรวงพาณิชย์ ฝากความคิดถึงและรอติดคุกพร้อมกันอยู่ มีเสียงกระซิบจากในเรือนจำได้ยินถึงภายนอกว่า “นายกฯปู เผ่น ไม่บอกเลย” ปล่อยให้ตนต้องติดคุก”
7) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน มั่นใจว่า หลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ทักษิณ ชินวัตร ไม่กล้ากลับบ้านมาติดคุก แต่การบอกจะกลับบ้านในปีนี้นั้น เป็นเพียงเกมการเมือง เพื่อเรียกร้องเสียงแลนด์สไสด์ ดังนั้น เมื่อต้องการให้เพื่อไทยชนะด้วยเสียงแลนด์สไลด์แล้ว ควรกล้าเอาชีวิตตัวเองมาเดิมพัน ด้วยการกลับบ้านก่อนการเลือกตั้งแล้วไปติดคุก ซึ่งจะได้ทั้งแลนด์สไลด์ถล่มทลายทางการเมืองทันที
“ทักษิณ ประกาศกลับบ้านภายในปี 2566ทั้งที่ในปี 2565 ก็เคยประกาศเช่นเดียวกัน ว่า จะกลับในปี 2565 ก็ไม่ได้กลับ โดยอ้างป่วย อย่างไรก็ตาม การประกาศกลับบ้านในห้วงเวลานี้จึงแสดงว่าโพลล์ของพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นไปตามเป้าแลนด์สไลด์ 310 เสียง ผมจึงเรียกร้องให้กลับมาก่อนวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ เพราะถ้ารอให้จัดตั้งรัฐบาลเสร็จ ถ้าสมมุติเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาลคงประมาณเดือนสิงหาคม เหลืออีก 4 เดือนเศษก็ถึงธันวาคม สิ้นปี คิดหรือว่า ทักษิณจะกลับเข้ามา แต่จะมีเหตุผลอื่นๆ เข้ามาแทรกอีกสารพัด ทั้งจะอธิบายถึงการเสียสละไม่อยากกลับมาเพราะกลัวความวุ่นวาย เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งเข้าบริหารประเทศ”
นายจตุพร ย้ำว่า ตนต้องการให้ทักษิณพูดความจริง ไม่ใช่ใช้คำพูดกลยุทธ์ตลาดการเมือง ที่มักโกหกครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ได้ประโยชน์ในแต่ละสถานการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทย ดังนั้น ถ้าการพูดกลับบ้านจะบอกว่าไม่เกี่ยวการเมือง ไม่เกี่ยวการเลือกตั้ง ก็ให้กลับมาเลย อย่าพูดแต่เน้นประโคมโหมข่าวเอาความรักของประชาชนที่ให้มา ไปเป็นของเล่นโดยตลอด ดังนั้น ถ้าไม่กลับก่อนการเลือกตั้งแล้ว เชื่อขนมกินได้เลยว่า ทักษิณไม่กลับภายในปี 2566 ตามที่ประกาศไว้
นายจตุพรกล่าวว่า การอธิบายของทักษิณ ด้วยท่าทีแบบอหังการนั้น มันต้องไม่หนี แต่คนหนีคำพูดตัวเองว่าจะกลับมาแล้วสังคมจะไปยกย่องอะไรอีก ควรต้องไปเชิดชูคนที่ไม่หนี แต่คนหนีไป 16 ปี ถ้าจะกลับมาทั้งที่เป็นแค่คำประกาศก็ยกย่องเป็นวีรบุรุษ เป็นคนเสียสละ เป็นลูกผู้ชาย ทั้งที่โกหกการกลับบ้านนับครั้งไม่ถ้วน
สิ่งสำคัญ เห็นว่า การโกหกทุกครั้งของทักษิณ ล้วนมาจากการดีลและยอมแลกทุกอย่าง ทั้งชีวิตคนเสื้อแดงและนำประชาธิปไตยไปยอมให้ยึดอำนาจ ดังนั้น การกลับบ้านแบบเท่ๆ จึงไม่มีจิตใจเสียสละอย่างแท้จริง แล้วครั้งนี้ถูกตั้งคำถามอีกว่า เอาอะไรไปแลกอีก แล้วที่สุดสิ่งที่นำไปแลกก็แลกไม่ได้ด้วย ส่วนสิ่งที่เห็นคือ ความเห็นแก่ตัว
สรุป : ถ้าพรรคเพื่อไทย จะโอ้อวดว่าเป็นประชาธิปไตย ต้องเลือกหลอกลวงคน และเลิกเชิดชู “คนขี้โกง-คนหนีคุก-คนขี้โกหก” ซะ เพราะโลกจะมีแค่คนสองจำพวกเท่านั้น ที่สามารถเชิดชูและเรียกร้องการกลับมาของ “ทักษิณ” ได้ นั่นคือ “สุนัขรับใช้” กับ คนถูกหลอกใช้” เท่านั้น
ไม่ทราบว่าคนในพรรคเพื่อไทย จะเป็นประเภทไหนใน 2 จำพวกนี้ !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี