lส่องชีวิตของมนุษย์ สัตว์ประเสริฐ ที่ฝึกและพัฒนาได้ ด้วยธรรม สติปัญญา ความจริง 15
“ไฮด์ปาร์ค” เป็นที่รู้จักของคนไทยในช่วงพ.ศ. 2500โดยนำมาจากอังกฤษ
โดยเป็นการออกมาร่วมชุมนุมเพื่อ พูด-ปราศรัย-ถก-วิจารณ์ เรื่องต่างๆ ในสังคม และการเมือง
มี ๒ เรื่อง ที่เกี่ยวข้อง คือ
๑.นักการเมือง
๒.นักปราศรัยที่ดี
lนักการเมือง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คุณสมบัติที่ดีคือ
-มีความรู้ และรอบรู้ ข่าวสาร ข้อมูลของ สังคมไทย และโลก
-เอาผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เหนือผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องฯ
-การคิดเชิงวิพากษ์ ได้อย่างถูกต้อง สอดคล้องกับสภาพและสถานการณ์ในช่วงนั้น
-การพูดในที่สาธารณะ โดยมีทักษะในการพูด การเข้าถึงจิตใจคนฟัง การร่างกฎหมาย ที่เน้นไปจุดที่เป็นเรื่องสำคัญและเกี่ยวข้องกับระบบโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม
-การกล้าตัดสินใจ เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม
-อิทธิพลต่อสาธารณะ ในด้านที่ดีและถูกต้อง
-ความเป็นรัฐบุรุษ : ต้องพัฒนา และสร้างขึ้น ตลอดเส้นทางฯ
นักการเมือง, ผู้นำทางการเมืองหรือบุคคลทางการเมือง politician มาจากภาษากรีกโบราณ polis ที่แปลว่า “เมือง” เป็นบุคคลผู้เกี่ยวข้องกับการมีอิทธิพลต่อนโยบายสาธารณะและการวินิจฉัยสั่งการ รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งวินิจฉัยสั่งการในรัฐบาล และผู้ที่มุ่งดำรงตำแหน่งเหล่านั้น ไม่ว่าด้วยวิธีการเลือกตั้งการสืบทอด รัฐประหาร การแต่งตั้ง การพิชิต หรือวิธีอื่น ฯลฯ
ผู้ที่ถือเป็นนักการเมือง คือ ผู้ที่ปฏิบัติการทางการเมือง โดยเฉพาะในการเมืองพรรค (party politics) ผู้ดำรงหรือมุ่งดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ว่ามาจากการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งฯตำแหน่งมีได้ตั้งแต่ตำแหน่งท้องถิ่นไปจนถึงตำแหน่งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการของรัฐบาลระดับรัฐและชาติ ฯลฯ
lนักปราศรัยที่ดีเด่น
องค์ประกอบ
๑.มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์หลัก เพื่อผลประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชน ชุมชนและบ้านเมือง เพื่อให้สังคมของเรามีความเสมอภาค มีหลักประกัน มีเอกราช มีประชาธิปไตย
๒.มีต้นแบบที่ดี โดยเฉพาะ “นักการเมืองที่มีอุดมคติ และเป็นนักปราศรัยที่เก่งกาจสามารถ”
๓.การนำเสนอข้อมูล ความรู้ และความเข้าใจอารมณ์ของผู้ฟัง สถานการณ์ของบ้านเมือง ด้วยความจริง
๔.การเคารพผู้ฟัง พูดและเคารพความจริง รวมทั้งการเคารพและซื่อสัตย์ต่อตนเอง
๕.มีความรอบรู้ในทุกด้าน โดยเฉพาะ ด้าน ภาษา กลอน บทกวี สุภาษิต คำเปรียบเปรย
๖.เพื่อปลุกให้ประชาชนตื่นขี้น ให้พึ่งตนเองได้ โดยการเข้าใจปัญหาที่มีอยู่ของตน ส่วนรวม และตระหนักถึงความร่วมรับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาของตน ชุมชนและบ้านเมือง
๗.มีสติ ใช้ปัญญา ทักษะ ไหวพริบ ปฏิภาณ ในการนำเสนอและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า (การเป็นนักพูด นักปราศรัยที่ดีเด่น ต้องมีการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ)
๘.หมั่นแสวงหาความรู้ และสรุปบทเรียนที่ผ่านมา นำมาแก้ไขปรับปรุงตนเองเสมอ
lนักปราศรัย คนสำคัญและมีชื่อเสียง ของสังคมไทย
๑.เปลื้อง วรรณศรี : นักการเมืองอุดมคติ นักปฏิวัติสังคม
ได้กล่าว : ปาฐกถา ประวัติศาสตร์ “ทางรอดของสังคมไทย” ท่ามกลางชาวบ้าน ที่มานั่ง ยืนฟัง อย่างแน่นขนัดฯ ในการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรในเดือนกุมภาพันธ์ 2500 ของจังหวัดสุรินทร์ เพื่อผลักดันความคิดและอุดมคติของเขาให้เป็นจริงขึ้นได้ ผ่านการเป็นผู้แทนราษฎร
นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการ ปาฐกถากลางแปลง และสนทนาย่อย
การปาฐกถา และเนื้อหา
เขาหาเสียงด้วยการปราศรัยพร้อมให้ความรู้แก่ประชาชนกล่าวถึงปัญหาของประชาคมโลก ปัญหาของสังคมไทยในด้านปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ประชาธิปไตย เศรษฐกิจ สังคม ความเป็นอยู่ของประชาชน
ภาระหน้าที่ของประชาชนไทยในการฝ่าปัญหานั้น
“ความเป็นอยู่ของท่านและลูกหลานของท่านทุกวันนี้จึงเท่ากับเป็นกระจกส่องวิถีทางอนาคต”
บรรยากาศการหาเสียง
เมื่อถึงเวลาที่เขาขึ้นบันไดเวทีหาเสียง บรรยากาศอันวุ่นวาย เริ่มเงียบ ผู้คนต่างรอฟัง แสดงให้เห็นถึงความสนใจในตัวและเรื่องราวของเขา เพราะเขาเป็นผู้ที่มีความสามารถในการใช้น้ำเสียง และพูดอย่างมีเนื้อหาสาระ เข้มข้น ชวนฟัง
“มือสตรี นั้นหนา มหาศาล แม้สมาน สามัคคี อย่างมีหลัก
มือที่เหวี่ยง เสียงที่ส่ง คงพิทักษ์ สิทธิศักดิ์ สตรีผอง ผ่องภิญโญ”
เปลื้อง ผู้มีภาษาเป็นอาวุธ
เป็นทั้งนักสู้ นักเขียน กวี นักนสพ. นักการเมือง นักปฏิวัติสังคม และผู้ลี้ภัยการเมือง แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของเขา คือ ผู้ที่เป็นเลิศทั้งด้านงานเขียน และการพูด จนกล่าวได้ว่าเปลื้องใช้ภาษาเป็นอาวุธสำคัญของเขาในการเผยแพร่ความคิด อุดมคติ และผลักดันให้เป็นจริงขึ้นได้ในสังคมไทย
อุดมคติหลักในชีวิต
“ความอภิรมย์ของชีวิตที่แท้จริงนั้น อยู่ที่ความศรัทธาต่ออุดมการณ์อันสูงส่ง และความเชื่อมั่นต่ออนาคต”
ปณิธาน
“ข้าพเจ้าจะต้องเป็นนักปฏิวัติสังคมให้สังคมของเรามีความเสมอภาค มีหลักประกัน มีเอกราช มีประชาธิปไตย
ให้ทุกคนได้อยู่ดีกินดี และให้โลกสงบสุข นี้เท่านั้นเป็นทิศทางที่ถูกต้อง”
๒.ไขแสง สุกใส : นักการเมือง
เป็นนักการเมืองที่โดดเด่น ในการปราศรัยกับประชาชน“วันนี้ ถึง ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง แผ่นดินจะไหว แต่ไขแสง สุกใส ไม่เคยหวั่นไหว จะขึ้นมาปราศรัยกับ พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายในวันนี้ แล้วเดี๋ยวนี้ แล้ว” “ไขแสง สุกใส” จะเดินก้าวขึ้นเวที อย่างสง่างาม
พี่ไขแสง เคยพูดในสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวาทกรรมที่หาตัวจับได้ยาก
“ท่านประธานสภาฯ ที่เคารพ
ท่านนายกจอมพลถนอมกับผม เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน (ที่ประชุม เงียบสนิท รอคอยคำพูดต่อไป ทำไมจึงพูดเช่นนั้น)
คนไทยเรา มีรากเหง้า มีชีวิต มีบรรพบุรุษ มาจากเทือกเขาอันไต
บรรพบุรุษของท่านนายกฯและของผม ก็มาจากที่เดียวกันเราจึงเป็นพี่น้องกัน
(ที่ประชุม เฮ)
๓. อาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านปัญญานันทะ ธีรยุทธ บุญมี ฯลฯ
อาจารย์คึกฤทธิ์ : ผมจะมีความสนิทใกล้ชิดกับท่านในช่วงหนึ่งของชีวิตไปกินข้าว และรับฟัง ข้อคิดดีๆ จากท่านที่บ้านซอยสวนพลู ประจำ และ ชมรมปาฐกถาและโต้วาที สจม. ที่ผมเป็นกรรมการอยู่ ได้นำคณะฯ ไปพักที่ดอยขุนตาลของท่านในช่วงปี ๒๕๑๒
ท่านสอนผมว่า
“หลักสำคัญในการพูด ปราศรัย คือ
ให้มองไปยังคนฟัง โดยจับไปที่คนที่เรารู้จัก และทำเสมือนเป็นการพูดคุยกัน” ผมได้มีโอกาสไปฝึกฝนการพูด ที่สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย ในช่วงนั้นด้วย
ท่านปัญญา โดดเด่น ในการบรรยายธรรม ให้ง่าย สนุกเข้าใจง่าย ผมประทับใจ ในท่ายืนพูด ในการอบรมพระนวกะปี ๒๕๑๗ ที่ผมได้บวชพรรษา ๑
อ.ธีรยุทธ บุญมี : การมองไปยังอนาคตข้างหน้าจะเป็นผู้กล่าวคนสุดท้าย เป็นการสรุป “การเคลี่อนไหวทางการเมืองสมัยศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และ ฯลฯ
lสำหรับผม เห็นคุณค่า ความหมาย และประโยชน์ ของการพูดความจริง เคารพผู้คน
การปราศรัยของผม มีการพัฒนามาตลอด ตั้งแต่สมัยเป็นนายกสจม.๒๕๑๔ ช่วงก่อนและเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ กลุ่มปช.ปช. พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย พรรคพลังธรรม และการเคลื่อนไหวกรรมกร ชาวนา ฯ รวมทั้งเหตุการณ์ พธม. และกป.ปส.
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี