ท่านผู้อ่านที่ติดตามคอลัมน์นี้คงจะรู้สึกแปลกใจพอสมควร ที่หัวข้อของเรื่องที่จะนำเสนอในวันนี้ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของสุขภาพหรือการเจ็บไข้ได้ป่วยแต่อย่างใด ก็ขอบอกเลยนะครับว่าไม่ได้เป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะวันนี้ผมเองในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งจะขออนุญาตแสดงความเห็นในฐานะประชาชน ชาวไทย ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับที่ได้ผ่านการทำประชามติของประชาชน และเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนได้ยอมรับให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็น กฎหมายแม่บทที่จะใช้ในการปกครองประเทศได้ ผมจึงย่อมมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็น ที่ไม่ได้ล่วงเกินสิทธิเสรีภาพของผู้ใด และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
เป็นที่รับทราบกันดีอยู่แล้วว่า วันที่ 14 พฤษภาคมที่จะมาถึงในเร็ววันนี้ เป็นวันที่ ถูกกำหนดไว้ให้มีการจัดการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้รัฐบาลชุดใหม่มาทำหน้าที่ต่อเนื่อง ในการบริหารจัดการประเทศไทยของเรา ภายหลังจากที่รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านได้ประกาศลาออก มีผลให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งภายในระยะเวลา 45 วัน โดยรัฐบาลชุดเดิมยังต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปก่อนภายใต้กรอบที่กำหนด และการที่จะอนุมัติงบประมาณต่างๆ จะต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง รวมทั้งไม่ควรกระทำ หรือปฏิบัติหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นของกระทรวงหรือกรมกองใดก็ตาม
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีพรรคการเมืองที่ส่งผู้แทนเพื่อเข้ารับการเลือกตั้งรวมทั้งสิ้นจำนวน 43 พรรค ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีไม่เกิน 10 พรรค ที่ประชาชนส่วนใหญ่ รู้จักดี ส่วนที่เหลือนั้นก็เป็นพรรคที่ไม่ได้เคยมีบทบาททางการเมืองหรืออาจจะเป็นพรรคที่ถูกจัดตั้งขึ้นใหม่ จึงไม่ต้องแปลกใจหากจะเห็นป้ายติดประกาศเชิญชวน ของพรรคและผู้ที่จะเป็นตัวแทนของพรรคในการเข้ารับการเลือกตั้งครั้งนี้ที่มีแต่พรรคใหญ่ๆ ทั้งนั้น
การหาเสียงของพรรคต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นไปอย่างเข้มข้น นอกจากการแถลงนโยบาย ว่าหากได้รับเลือกตั้งเข้ามาจะพยายามทำตามนั้น จะได้มากหรือน้อยเท่าไหร่เป็นเรื่องที่ไม่อาจรับรองได้ และหลายเรื่องที่ใช้ในการหาเสียงอยู่ในขณะนี้ก็เฉียดฉิวกับสิ่งที่เรียกว่าสัญญาว่าจะให้ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายก็เป็นได้ โดยเฉพาะเรื่องของการแจกเงิน ไม่ว่าจะก้อนใหญ่หรือก้อนเล็ก เพราะจะไปผูกโยงกับงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2566 ที่ได้มีการกำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่าจะใช้ในเรื่องใด ในหมวดหมู่ใด โดยถึงแม้จะตั้งงบประมาณในลักษณะติดลบ แต่ก็คาดว่าจะสามารถเก็บเงินภาษีเงินได้มาเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณมากกว่าที่ประมาณการไว้ถึง 260,000 ล้านบาท และยังมีเรื่องของการสัญญาว่าจะทำ แต่การจะทำได้นั้นต้องมีการออกกฎหมายเพื่อมารองรับ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดได้ง่ายนักอีกมากมาย
ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้น การที่จะเลือกพิจารณาว่าจะเลือกหรือไม่เลือกพรรคไหนนั้น ควรจะดูในเรื่องอะไรกันบ้างผู้เขียนก็ยังยืนยันว่าสิ่งที่จะเขียนจากนี้ไปเป็นเรื่องของความเห็นส่วนตัว ที่ไม่ได้ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ซึ่งอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 นี้
ผมขอบอกว่าจะไม่ขอสนับสนุนพรรคที่มีพฤติกรรมหรือนโยบายเหล่านี้
1.การแก้ไขหรือยกเลิก รัฐธรรมนูญมาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือว่าเป็นประมุขของประเทศ ซึ่งย่อมจะมีกฎหมายที่คุ้มครององค์พระมหากษัตริย์เช่นเดียวกับที่มีในประเทศอื่นๆ หรือแม้แต่ประเทศที่ประมุขสูงสุดคือประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรี ก็มีกฎหมายคุ้มครองอยู่เช่นเดียวกัน เพราะหากผู้ใดไม่ได้กระทำการใดๆ ที่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ หรือประมุขนั้น ก็ย่อมจะไม่ได้รับการกล่าวโทษ และนำไปสู่การดำเนินการตามกฎหมายที่ระบุไว้
ถ้านับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ซึ่งถือว่าประวัติศาสตร์ของชาติไทยได้เริ่มต้น ณ จุดนั้น โดยพระมหากษัตริย์พระองค์แรกคือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ จวบจนถึงปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ปกครองประเทศมาแล้วรวม 54 พระองค์ และต้องไม่ลืมว่าทุกพระองค์ไม่ว่าจะมาจากราชวงศ์ไหน ก็ได้ต่อสู้เพื่อปกปักรักษาบ้านเมืองมาโดยตลอด เพื่อความผาสุกของประชาชน และในหลายหน้าของประวัติศาสตร์ก็จะเห็นว่าบางพระองค์ทรงเป็นผู้ที่กู้ชาติไทย ให้มีอิสรภาพกลับคืนมาจากอริราชศัตรู และเกือบจะทุกพระองค์หากมีศัตรูมารุกรานก็จะทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทัพหรือนำทัพออกรบด้วยพระองค์เอง และที่ต้องจารึกไว้น่าจะได้แก่ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่ทรงกระทำยุทธหัตถี คือการต่อสู้บนหลังช้าง เอาชนะพ่อขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด พระมหาจักรพรรดิที่ทรงกระทำยุทธหัตถีเช่นกัน ซึ่งในครั้งนั้นทำให้ต้องสูญเสียสมเด็จพระศรีสุริโยทัย พระมเหสีที่ติดตามออกรบด้วย แต่ที่ชาวไทยจดจำกันได้เป็นอย่างดีคือสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ได้กระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า และสามารถเอาชนะได้อย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งในหลายครั้งก็ได้ออกรบโดยประทับบนหลังช้างเป็นส่วนใหญ่
ถึงแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปแต่พระมหากษัตริย์ไทยก็ยังมีบทบาทสำคัญ ในฐานะประมุขของประเทศเสมอมาไม่ว่าจะเป็นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทำให้ชาติไทยรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส หรือพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรรัชกาลที่ 9 ก็เป็นพระมหากษัตริย์ ที่ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม และทำให้ประชาชนร่มเย็นเป็นสุขโดยตลอดมา โดยได้กระทำให้เกิดโครงการต่างๆ มากกว่า 4,200 โครงการ ซึ่งล้วนมีจุดประสงค์เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน ในทุกภาคส่วนของประเทศ
ในเมื่อพระมหากษัตริย์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณมากล้นอย่างนี้ จึงไม่มีเหตุผลใด ที่พระองค์จะไม่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย และไม่สมควรที่ประชาชนคนไทยที่เกิดบนผืนแผ่นดินนี้คนไหน จะกระทำการใดๆ ที่เป็นการละเมิดพระองค์เป็นอันขาด
2.พรรคการเมือง ที่มีอดีตอันชัดเจนว่าผู้นำพรรค ได้กระทำการอันเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่นโกงกินเงินของประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นภาษีของประชาชน ในหลายรูปแบบวิธีการไม่ว่าจะเป็นการโกงกินเรื่องข้าวของชาวไร่ชาวนา เรื่องการให้ต่างประเทศกู้ยืมเงินจากธนาคารของประเทศไทย แล้วในที่สุดเงินนั้นก็ถูกนำมาใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจของตนเอง จนเป็นคดีความไปสู่การดำเนินการ พิจารณาของศาล ซึ่งศาลได้ตัดสินในขั้นสุดท้ายแล้วว่ามีความผิดจริง มีการลงโทษถึงขั้นติดคุก ทำให้ต้องหลบหนีออกไปนอกประเทศ แล้วจะเชื่อได้อย่างไร ว่าหากได้สมาชิกในครอบครัวนี้ หรือมีธุรกิจผูกโยงกันอยู่เข้ามาเป็นผู้นำของประเทศ จะไม่เกิดปัญหาเรื่องการคอร์รัปชั่นหรือโกงกินตามที่เคยเป็นอีก
3.พรรคการเมืองที่เสนอเรื่องการเลิกเกณฑ์ทหาร ซึ่งขอยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวไม่ได้เป็นสากล เพราะหลายประเทศแม้แต่ในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลี เหล่านี้ก็ยังมีกฎหมายให้ผู้ชายทุกคนเมื่ออายุถึงเกณฑ์ ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 1-2 ปี โดยมีการเสนอว่าให้ผู้ที่อยากเป็นทหาร สามารถสมัครเข้ามาได้ โดยไม่ได้พิจารณาเลยว่าจำนวนของทหารที่เข้ามาโดยสมัครใจนั้น จะมีจำนวนพอเพียงกับการกำหนดกำลังพลของประเทศหรือไม่อย่างไร ตลอดจนภาระของกองทัพในเรื่องของงบประมาณ ที่จะต้องใช้จ่ายมากขึ้นในกรณีของการเป็นทหารด้วยความสมัครใจ ซึ่งน่าจะต้องมีเงินเดือนและค่าตอบแทนที่มากกว่าระบบปกติที่เป็นอยู่
บทบาทหน้าที่ของทหารในปัจจุบัน นอกจากจะเป็นกองกำลังป้องกันประเทศแล้ว ยังได้ปฏิบัติหน้าที่อื่นอีกมากมายในยามที่ไม่มีการรุกรานหรือสงครามเกิดขึ้น โดยในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำท่วมใหญ่ เรื่องของการพัฒนาคูคลองต่างๆ ของบ้านเมือง เรื่องของการช่วยเหลือชาวบ้านเมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งเรื่องอื่นๆอีกมากมายก็ได้มีกำลังทหารเข้าไปสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ภารกิจต่างๆ ลุล่วงไปได้
และที่สำคัญยิ่ง การเป็นทหารนั้น จากกระบวนการฝึกที่เป็นมาตรฐาน ทำให้รู้จักการอยู่ในระเบียบวินัย ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตเมื่อพ้นจากการรับราชการทหาร ที่จะเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม และที่สำคัญที่สุดคือความรักชาติศาสน์กษัตริย์ที่จะถูกปลูกฝังให้อยู่ในจิตใจของผู้ที่เคยผ่านการเกณฑ์ทหารมาแล้ว
4.พรรคการเมืองที่เน้นเรื่องสัญญาว่าจะให้ต่างๆ โดยเฉพาะการให้เงินหรืออาจจะเรียกว่าการแจกเงินก็ย่อมได้ โดยแน่นอนว่าเงินเหล่านั้นย่อมมาจากงบประมาณแผ่นดิน และมักจะอ้างว่าการแจกเงินถ้ามากเพียงพอ จะทำให้เกิดการหมุนวงรอบของการใช้เงินเหล่านั้น ทำให้มูลค่าของเงินเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้น หากหมุนไปได้สัก 3-4 รอบ ซึ่งในทางทฤษฎีก็มีความเป็นไปได้ แต่ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะในประเทศไทยนั้นคงเป็นเรื่องยาก ตราบใดที่ระบบการจัดเก็บภาษี ของประเทศไทยยังไม่สามารถจะกัดเก็บภาษีการค้าขายทุกประเภท ซึ่งรวมร้านค้าปลีกย่อยต่างๆ ด้วย จึงอาจเป็นเพียงการสร้างกระแสเพื่อให้ประชาชนบางกลุ่มหลงเชื่อเท่านั้น แต่สิ่งที่ตามมาย่อมกระทบต่อระบบการเงินการคลังของประเทศอย่างแน่นอน เพราะในที่สุดแล้วอาจจะต้องมีการกู้เงินจำนวนมหาศาล เพื่อทำให้เกิดสิ่งที่ตัวเองได้สัญญาไว้ ทำให้เกิดภาระของประเทศชาติติดตามมาอย่างแน่นอน ผมไม่อยากเห็นการแจกปลาแต่อยากจะเห็นการสอนคนให้ตกปลา
ความเห็นทั้ง 4 ข้อนี้เป็นประเด็นสำคัญที่จะใช้ประกอบการตัดสินใจในการจะเลือกพรรคการเมืองและผู้แทนราษฎรที่อาสาจะเข้ามาบริหารประเทศ รวมทั้งการมีรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนจะต้องใส่ใจ และใช้วิจารณญาณซึ่งย่อมจะเกิดมาจากสติและปัญญาที่มีอยู่ให้ดีที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อประเทศไทยของเราจะได้มีความเจริญก้าวหน้า และเป็นประเทศที่ประชาชนทุกคนได้อยู่อาศัยอย่างมีความสุข มีความรักและสามัคคีตลอดไป
นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี