แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn คนเราเมื่อมาอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เป็นประเทศ ย่อมมีความขัดแย้งเกิดขึ้นบ้างเป็นปรกติ ความสงบสุขของประเทศจึงมิได้เกิดจากการที่ไม่มีความขัดแย้ง แต่อยู่ที่เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นคราวใด ก็จะสามารถคลี่คลายลงได้ด้วยความยุติธรรม จึงกล่าวได้ว่าความยุติธรรมเป็นพื้นฐานของความสงบสุข หากปรารถนาจะให้ประเทศมีความสงบสุขก็ต้องอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน... (ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะผู้พิพากษาประจำศาล จำนวน 172 ราย ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา 20 พฤศจิกายน 2564)...
nn มีคำถามว่า ทำไมทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาจึงใช้อุบายเรื่องขอกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ในช่วงใกล้จะถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง สส.คำตอบเรื่องนี้ที่ชัดเจนที่สุดคือ เพื่อหวังกระตุ้นให้คนที่ยังคิดว่าทักษิณเป็นคนดีแห่ไปลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทย ก็เท่านั้นเอง นี่คือข้อสรุปที่ชัด สั้น ตรงประเด็น...
nn ถามกลับไปยังคนที่ยังมีสติหลงเหลือว่า คิดว่าทักษิณจะยอมกลับมาติดคุกในเมืองไทยหรือ แล้วเรื่องข้ออ้างเลี้ยงหลาน เป็นเรื่องตลกที่หาสาระไม่ได้ เพราะไม่มีความจำเป็นที่ทักษิณต้องกลับมาเลี้ยงหลาน เพราะว่าทั้งเมีย ทั้งลูก และทั้งหลาน รวมถึงบรรดาลิ่วล้อบริวารทั้งหลายของทักษิณ สามารถติดปีกบินไปหาทักษิณได้ตลอดเวลา ซึ่งทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมลูก เมีย และบริวารของทักษิณรู้ว่าทักษิณฝังกายหนีคดีอยู่ตรงไหนของโลก แล้วทำไมกระบวนการยุติธรรมไทยไม่สามารถนำตัวทักษิณกลับมารับโทษในประเทศได้...
nn คำถามต่อมาคือ เมื่อไรจะเลิกเล่นปาหี่การเมืองเรื่องปล่อยให้ทักษิณหนีคดีเสียที เรื่องแบบนี้หากไม่ปากว่า ตาขยิบ รับรองว่าทักษิณถูกจับไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว แต่เป็นเพราะว่าฝ่ายมีอำนาจรัฐ และฝ่ายดูแลกระบวนการยุติธรรมต่างก็เล่นเกมกันไปกันมา ผสมกับใช้อุบายปากว่า ตาขยิบ มาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่สามารถนำตัวทักษิณกลับมารับโทษในประเทศไทยได้ ก็ปล่อยไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันอีกไม่นานก็คงรู้ผลว่าจะหมู่หรือจ่า จะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ หรือกลับบ้านเก่า ...
nn ข้ออ้างอย่างหนึ่งของพ่อค้าที่ทำธุรกิจระดับประเทศแล้วกระโจนลงบ่อโคลนการเมืองไทยก็คือ ผมพร้อมแล้ว ผมต้องการช่วยเหลือประเทศ ผมต้องการให้ประเทศรอดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ ฟังคำอ้างจำพวกนี้แล้วก็บอกได้คำเดียวว่านี่คือสูตรการโกหกแบบพื้นฐาน เหมือนกับพ่อค้าที่บอกว่าผมต้องการเข้ามาทำงานการเมือง เพราะผมรวยแล้ว ผมไม่โกง แต่สุดท้ายโกงสะบัดช่อ โกงแบบอภิมหาโกง...
nn คำถามที่น่าสนใจแต่ไม่มีพ่อค้าที่เล่นการเมืองรายใดตอบได้ชัดเจนคือ หากคิดว่าสภาพบ้านเมืองมันแสนเลวร้าย เศรษฐกิจมันตกต่ำมาตั้ง 7-8 ปี แล้วทำไมที่ผ่านมาจึงฟันกำไรจากธุรกิจไปได้ตั้งหลายพันหลายหมื่นล้านบาท ส่วนเรื่องที่อ้างว่าจะเข้ามาจัดการกับระบบคอร์รัปชั่นในวงการราชการไทย ก็ต้องถามกลับเช่นกันว่า แล้วการที่ฟันกำไรไปหลายพันหลายหมื่นล้านนั้น ต้องเข้าไปมีส่วนสนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไรบ้าง หรือจ่ายใต้โต๊ะไปแล้วกี่ร้อยล้านบาท...
nn บอกตรงๆ ได้เลยว่าพ่อค้าจำพวกค้าอสังหาริมทรัพย์ที่ประกาศตัวจะเป็นนายกรัฐมนตรี น่าจะรู้เช่นเห็นชาติกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นในบ้านเมืองนี้เป็นอย่างดี แต่จะเข้าไปร่วมทุจริตด้วยหรือไม่นั้น ก็คงต้องตามไปดูไส้ในของธุรกิจ แต่ย้ำอย่างหนักแน่นว่า คนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บางรายนั้นฟันกำไรจากธุรกิจไปหลายหมื่นล้านแล้ว เมื่อได้กำไรมหาศาลจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็ทำให้พ่อค้าขายอสังหาริมทรัพย์บางรายฝันว่าจะเข้าไปแสวงหารายได้ก้อนโตกว่าเดิมจากงบประมาณแผ่นดิน ถ้าหากตนเองได้เป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้น หนทางเข้าไปโกยทรัพยากรของแผ่นดินได้ก็ต้องโฆษณาชวนเชื่อเรื่อง landslide...
nn หากพ่อค้าขายบ้าน ขายคอนโดฯมีความจริงใจที่จะช่วยเหลือคนชั้นกลางระดับล่าง และคนจนของประเทศนี้ให้มีชีวิตให้ดีขึ้น ก็ทำได้ตั้งนานแล้ว โดยการไม่หากำไรเกินควรจากการขายบ้านขายคอนโดฯ ราคาแพงเกินจริง ถามตรงๆ นะคุณพ่อค้าขายบ้าน คุณขายบ้านหลังหนึ่ง คุณฟันกำไรไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ สมมุติคุณลงทุน 100 บาท คุณได้กำไรกี่เปอร์เซ็นต์ ไหนลองตอบคำถามนี้ให้ชัดด้วย ก่อนที่จะขอเข้าไปทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เพราะไม่มีวันที่คนซึ่งแสวงหากำไรเกินควรจะยอมเสียรายได้ของตนเองเป็นอันขาด...
nn ฉากความโกลาหลในวันเลือกตั้งล่วงหน้า 7 พฤษภาคม คงทำให้สาธารณชนได้ประจักษ์แล้วว่า กกต.(คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ทำงานมีประสิทธิภาพหรือไม่ ส่วนเรื่องประสิทธิผลของงานนั้น ไม่ต้องถามถึง เพราะหาไม่เจอแม้แต่น้อย ถามจริงๆ ในแต่ละเดือนนั้น กกต. ได้ค่าจ้างค่าแรงโดยรวมจากการมีตำแหน่งไปมากน้อยกี่แสนกี่ล้านบาท แล้วสามารถส่งมอบผลงานที่สำเร็จให้ได้ถึง 10-20 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่ได้รับไปในแต่ละเดือนหรือไม่ มีคำถามว่าคิดจะทำงานให้คุ้มค่ากับเงินที่ได้รับในแต่ละเดือนบ้างหรือไม่...
nn เรื่องพระสงฆ์กำมะลอจำพวกอลัชชียังมีให้เห็นในสังคมไทยเป็นระยะๆ และยังจะคงมีให้เห็นไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่คนไทยบางจำพวกชอบเข้าไปวุ่นวายกับพระสงฆ์มากจนเกินพอดี ซึ่งเท่ากับช่วยเปิดช่องให้พระสงฆ์ใช้วัดเป็นสถานที่ประกอบกิจชั่วเสพเมถุนมั่วกาม...
nn กรณีล่าสุด แต่รับรองไม่ใช่กรณีสุดท้ายซึ่งเกิดที่วัดป่าธรรมคีรี โคราช เรื่องนี้ยิ่งขุดยิ่งค้น ก็ยิ่งพบความไม่ปกติภายในวัดมากขึ้นเป็นลำดับ พบว่าอลัชชีและพรรคพวกฉ้อฉลเงินบริจาค แถมยังนำเงินและทรัพย์สินจำนวนหลายร้อยล้านบาทของวัดไปซุกซ่อนในที่ต่างๆ ทั้งภายในวัด และในบัญชีธนาคารของแก๊งโกงเงินวัด...
nn ถามว่าทำไมวัดจึงมีทรัพย์สินมากมาย แล้วทำไมพระสงฆ์จึงสามารถครอบครองทรัพย์สินของวัดได้ เรื่องแบบนี้เกิดมาจากไม่มีการควบคุมและตรวจสอบแหล่งรายได้ของวัดอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ปล่อยให้วัดกลายเป็นเขตพุทธพาณิชย์ แล้วปล่อยให้คนโกนหัวห่มเหลืองกลายเป็นนักฉวยโอกาส แสวงหาผลประโยชน์เข้าพกเข้าห่อของตนเอง เรื่องของ คม คงแก้ว กับพรรคพวก เป็นเพียงปัญหาปลายยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เพราะหากขุดลึกลงไปในวงการวัดและผ้าเหลืองแล้ว จะพบว่ามีความเน่าเฟะยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่า นี่เป็นเพราะว่าไม่มีการตรวจสอบประวัติโดยละเอียดของคนที่เข้าไปบวชเป็นพระ และไม่มีการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด ไม่มีการตรวจสอบว่าแต่ละวัน วัดและพระมีรายได้วันละมากน้อยเท่าไร แล้วเงินของวัดไปอยู่ในความครอบครองของใคร...
nn วัดบางแห่งมีขบวนการร่วมกันโกงเงินและผลประโยชน์ของวัดโดยคนโกนหัวห่มเหลืองบางรายร่วมมือกับญาติพี่น้องและสมัครพรรคพวก เรื่องแบบนี้กรมการศาสนา และมหาเถรสมาคม ดูเสมือนว่าจะไร้ปัญญาเข้าไปจัดการขั้นเด็ดขาด เพราะลึกๆ แล้วก็พบว่ามีสายสนกลในประหลาดๆ ระหว่างกรมการศาสนามหาเถรสมาคม และวัดที่มีรายได้วันละเป็นแสนเป็นล้านบาท...
nn แต่เชื่อไหมว่า เรื่องคม คงแก้ว จะเงียบหายไปในเร็ววันนี้ ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากเรื่องวัดพระธรรมกายที่เงียบหายไปแล้ว ทั้งๆ ที่มีความแปลกประหลาดสุดพิสดารยิ่งกว่ากรณีของคม คงแก้ว หลายเท่า หลายคนที่ติดตามเรื่องลึกๆ ลับๆ ของวัดและของสงฆ์บางประเภทต่างรู้ดีว่าทำไมเรื่องใหญ่ระดับประเทศจึงถูกเป่าให้เงียบหายไป ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี