 วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
                วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
             
							การสัมมนา EARTH JUMP 2023 : New Frontier of Growth โดยธนาคารกสิกรไทยที่ผ่านมา มีการนำเสนอแผนการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนจากหลายภาคส่วน คุณวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำเสนอกลยุทธ์ของประเทศไทยในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2608 ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกสิกรไทยต่างส่งเสริม ESG และคาร์บอนเครดิตซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน
การประชุมดังกล่าวได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผม อยากแชร์ความคิดเห็นในเรื่องของโอกาสและการก้าวต่อไปของประเทศไทย 1.เป็นที่แน่ชัดว่า “ภาคการเงินต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย”ไทยถือเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่เสี่ยงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดในโลก ความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานด้าน supply chain
ส่งผลไปจนถึงความล้มเหลวของบริษัทต่างๆ ในการทำตามข้อกำหนดที่เกี่ยวกับพรมแดนคาร์บอน หรือ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanisms) ของสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Swiss Re ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกทำนายว่า ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจลด GDP ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลงได้ถึง 29% ภายในปี 2593ความเสี่ยงด้านความยั่งยืน เช่น ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการขาดแคลนทรัพยากรจำเป็นต้องได้รับการจัดการและบรรเทา
และจำเป็นต้องมีการระดมทุนเพื่อช่วยให้ทั้งบริษัทและครัวเรือนสามารถปรับตัวและเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนมากขึ้นนั้นไม่ควรถูกมองว่าเป็นภัยคุกคาม แต่เป็นการมอบโอกาสทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในยุคนี้ให้กับบริษัทที่ริเริ่มพัฒนาหาทางออกไปสู่ความยั่งยืนให้กับตัวเอง และที่สำคัญกว่านั้นเพื่อรับมือกับความต้องการด้านความยั่งยืนของลูกค้า
2.ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า “การวางแผนการใหญ่หรือความตั้งใจอันยิ่งใหญ่นั้นอาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจไว้” แม้รัฐบาลและภาคธุรกิจจะกำหนดพันธกิจด้านความยั่งยืนไว้อย่างยิ่งใหญ่ แต่โลกก็กำลังวิ่งตามเป้าหมายนั้นไม่ทันขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการดำเนินการจริงมักมีอุปสรรค เช่น ความขัดแย้งด้านการเมือง ผลประโยชน์ทางอุตสาหกรรม และขาดการสนับสนุนทางสังคม
ตัวอย่างที่ชัดเจนและน่าเศร้าใจคือ พันธสัญญา Net Zero ที่เกิดขึ้นเพื่อจำกัดความร้อนของโลกให้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5องศาเซลเซียส และเพื่อทำให้การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง 45% จากระดับปี 2553 ภายในปี 2573 แต่จากข้อมูลระดับชาติที่มีอยู่ในขณะนี้ คาดว่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์กลับจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ภายในปี 2573 (UN 2565) นอกจากนี้ การทำตามพันธสัญญาเหล่านี้ยังดำเนินไปอย่างล่าช้ากว่าแผนอย่างมาก (IPCC, 2566) สำหรับประเทศไทยนั้น Net Zero ที่วางแผนไว้ในปี 2608เป็นหนึ่งใน Net Zero ที่จะบรรลุเป้าหมายช้าที่สุด
“การซื้อเวลา” อาจเป็นประโยชน์เนื่องจากเทคโนโลยีสะอาดจะเติบโตต่อไป และราคาจะถูกลงในอนาคต อย่างไรก็ตามปัญหาที่ทับถมรอมานานก็จะใหญ่ขึ้นตามมาเช่นกัน ที่สำคัญกว่านั้นการตั้งเป้าหมายที่ไกลเกินไปนั้นไม่สามารถจะสื่อสารถึงความเร่งด่วน รวมถึงเสียโอกาสต่างๆ ในการเปลี่ยนแปลง อุตสาหกรรมไทยอาจขาดโอกาสในการกลายเป็น Green Champions นอกจากนี้ Net Zero ของประเทศไทยยังดูเหมือนว่า
จะพึ่งพาการใช้ CCUS (Carbon Capture, Usage and Storage) เป็นหลัก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ภาคอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลให้การสนับสนุน
แต่เป็นวิธีที่คุ้มค่าน้อยกว่าทางเลือกอื่นๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้เศรษฐกิจหมุนเวียนก็มีบทบาทสำคัญในแผนของประเทศไทย ซึ่งแม้ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” จะได้รับความสนใจจากทั่วโลก แต่ก็ยังไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ โลกได้ดูดใช้ทรัพยากรในช่วง 6 ปีที่ผ่านมามากกว่าในศตวรรษที่ 20 ทั้งหมดรวมกัน ระดับการรีไซเคิลได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 9.1 ใน 2561 เหลือเพียงร้อยละ 7.2 ในปี 2566 (CGRI)
3.การวัดปัจจัย ESG เพื่อการจัดการที่ดีขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่การจัดการ ESG ยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก : การได้มาซึ่งข้อมูล ESG นั้นมีค่าใช้จ่ายสูงและมีปัญหาด้านคุณภาพข้อมูล ในขณะที่การตีความข้อมูลก็มีความคลุมเครือเกินไป (rating ที่แตกต่างกันโดยหน่วยงานที่แตกต่างกัน) และซับซ้อนเกินไปสำหรับนักลงทุน ทำให้เกิดการฟอกเขียวได้ง่าย ESG taxonomy ซึ่งนำโดยสหภาพยุโรปและกำลังพัฒนาในเอเชียจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้บางส่วน ความสำเร็จในการนำระบบ ESG ไปใช้อย่างแพร่หลายนั้น ต้องทำให้ง่ายขึ้นและต้องช่วย SMEs ในการนำไปใช้ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ พยายามทำอยู่ผ่าน ESG Academy
4.ที่สำคัญที่สุด ESG rating system ให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงของธุรกิจรูปแบบเดิมมากกว่าโอกาสในการสร้างผลกระทบและการเติบโตด้วยนวัตกรรมใหม่ : การเน้นไปที่การนำ ESG ไปใช้อย่างเดียวจะทำให้เสี่ยงต่อ “การที่บริษัทจะบรรลุเป้าหมายแต่พลาดประเด็น” การคว้าโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืนนั้น บริษัทจะต้องสร้างวัฒนธรรมและปรับกรอบความคิดด้านความยั่งยืนให้ทั่วทั้งองค์กร เนื่องจากความยั่งยืนจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนใหม่ของการเติบโต
สิ่งนี้จะต้องใช้พนักงานที่ใส่ใจและมีทักษะด้านการสร้างความยั่งยืนจำนวนมาก (green employees) ไม่ใช่เฉพาะระดับบนสุดขององค์กร เพื่อรวบรวมความคิดริเริ่มทั่วทั้งองค์กรให้เป็นกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องกัน ตามตัวเลขของ LinkedIn การเติบโตของตำแหน่งงานด้านความยั่งยืน (+30% ในเอเชีย-แปซิฟิก ระหว่างปี 2559 ถึง 2564 เทียบกับร้อยละ 70ในยุโรป และร้อยละ 40 ในสหรัฐอเมริกา) กำลังแซงหน้าอุปทาน และคาดการณ์ว่าโลกจะขาดแคลน greentalents ภายในปี 2569
ดังนั้นเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนไปสู่ความยั่งยืนที่ตั้งเป้าหมายไว้ ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านความยั่งยืนโดยเร็วที่สุด..เมื่อวางแผนแล้ว เราต้องหาทางทำให้สำเร็จให้ได้!!!
Geert-Jan (GJ) van der Zanden
สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 ตร.กาฬสินธุ์ บุกทลายร้านขาย 'บุหรี่ไฟฟ้า' ออนไลน์ ยึดของกลางกว่า 2,800 ชิ้น
										ตร.กาฬสินธุ์ บุกทลายร้านขาย 'บุหรี่ไฟฟ้า' ออนไลน์ ยึดของกลางกว่า 2,800 ชิ้น
									 พลิกปูม'จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์' ก่อนขึ้นสู่เก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
										พลิกปูม'จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์' ก่อนขึ้นสู่เก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
									 ด่วน!มติเพื่อไทย เลือก'จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์'นั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่
										ด่วน!มติเพื่อไทย เลือก'จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์'นั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่
									 ‘ประเสริฐ‘ชี้หัวหน้าพรรคใหม่ ต้องเชื่อมต่อคนหลายรุ่นได้-เข้ากับภารกิจเลือกตั้งครั้งหน้า
										‘ประเสริฐ‘ชี้หัวหน้าพรรคใหม่ ต้องเชื่อมต่อคนหลายรุ่นได้-เข้ากับภารกิจเลือกตั้งครั้งหน้า
									 ไม่พุ่งเป้าโทษใคร! ‘กมธ.ทหาร’จี้‘โฆษก ทบ.’ส่งเอกสารคำร้องขอยุทธภัณฑ์
										ไม่พุ่งเป้าโทษใคร! ‘กมธ.ทหาร’จี้‘โฆษก ทบ.’ส่งเอกสารคำร้องขอยุทธภัณฑ์
									
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี