นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะไม่มีวาสนา ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
เพราะอะไร?
1.ในช่วงเวลา 60 วัน ตามกรอบ กกต.ที่จะรับรองผลการเลือกตั้งนี้ กกต.ก็ดำเนินการสอบสวนกรณีร้องเรียนผู้สมัคร สส. อันรวมถึงกรณีนายพิธา ถูกร้องถือครองหุ้นสื่อ บริษัทไอทีวีอยู่ด้วย
กรณีนี้ ปรากฏหลักฐานชัดเจน ทั้งใบหุ้น ทั้งรายงานการประชุมของผู้ถือหุ้นที่ยืนยันว่ายังประกอบกิจการสื่ออยู่
แม้นายพิธาจะปฏิเสธว่าถือในนามกองมรดก แต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานมาหักล้างเพียงพอ
เชื่อแน่ว่า กกต.คงส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตามแนวทางเดียวกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั่นเอง
กว่าจะถึงวันรัฐสภาประชุมเลือกนายกฯ ศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้วก็เป็นได้
2.เวลานี้ พรรคก้าวไกลได้เจรจาดึงพรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาล สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ
รายงานข่าวว่า ได้ 310 เสียง จาก 6 พรรค ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล เพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย เสรีรวมไทย และ พรรคเป็นธรรม
แต่กติการัฐธรรมนูญ ตามคำถามพ่วงที่ผ่านประชามติ จะต้องมีเสียงสมาชิกรัฐสภา 376 เสียง (สส.และสว.) ถึงจะถือว่าเกินกว่ากึ่งหนึ่งของที่ประชุมสภา ดังนั้น เมื่อได้ 310 เสียง ก็ยังขาดอยู่อีก 66 เสียง
นายพิธามั่นใจว่า 310 เสียง จาก 6 พรรค เพียงพอแล้ว เพราะมีเงื่อนไขว่าจะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ (มีลุงไม่มีเรา) เพราะฉะนั้น ก็ต้องหวังพึ่งเสียงของ สว.มาโหวตให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี
ปรากฏว่า ท่าทีของแกนนำพรรคก้าวไกล รวมไปถึงมวลชนส้มใช้วิธีข่มขู่กดดันด่าทอ ด้อยค่า บังคับขืนใจให้สส.พรรคอื่น และ สว.ต้องโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ อ้างว่าจะเป็นการเคารพเสียงของประชาชนที่เลือกพรรคก้าวไกลเข้ามามากที่สุด
ทั้งๆ ที่ พรรคก้าวไกลไม่ได้รับเลือกมาแบบชนะขาดหรือ “แลนด์สไลด์” ได้มาเพียง 152 เสียง
พรรคเพื่อไทยได้มา 141 เสียง รวมไปถึงพรรคอื่น ใน 6 พรรคก็ได้มานิดหน่อย
สส.ทุกพรรค ต่างมีชื่อแคนดิเดตนายกฯของตัวเอง มีการยกตัวอย่าง พรรคเพื่อไทย ก็สนับสนุนชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร, นายเศรษฐา ทวีสิน และ นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นต้น
ในเมื่อไม่มีพรรคไหนได้เสียงเกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ก็เท่ากับไม่มีฉันทามติเลือกใครเป็นนายกฯ
จะไปโมเมมั่วเหมาว่า นี่คือ การแสดงว่าคนไทยส่วนใหญ่อยากให้พิธาเป็นนายกฯ ต้องบีบให้พรรคอื่นที่เขาไม่อยากได้พิธาเป็นนายกฯ ไม่สนับสนุนนโยบายที่จะแก้ 112 นิรโทษกรรมคดี 112 ตลอดจนนโยบายอื่นๆ จะให้เขายอมหลับหูหลับตาโหวตให้นายพิธา มันจะบ้าไปกันใหญ่
บีบให้ สส. สว.ต้องเลือกในสิ่งที่เขาไม่พร้อมสนับสนุนอ้างประชาธิปไตย
คลั่งลัทธิตัวเอง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล เอาแต่ใจตัวเอง น่าอนาถ
นายทักษิณก็ดันมาแสดงออกว่าจงรักภักดีเอาตอนนี้ บอกไม่สนับสนุนการแก้ 112 ที่จะกระทบสถาบัน
ถ้าเพื่อไทยรับนโยบายแก้ 112 ของก้าวไกลไม่ได้ ก้าวไกลก็จบเห่ทันที
หรือถ้าหากผ่านไปถึงที่ประชุมรัฐสภา สว.ส่วนใหญ่อาจงดออกเสียง ทำให้ได้เสียงหนุนจาก สว.ไม่ถึง 66 เสียง
เมื่อรวม เสียงสส. สว. จึงไม่ผ่านเกณฑ์ 376 เสียง เป็นไปได้มาก
3.ถ้าเสนอชื่อนายพิธาให้รัฐสภาพิจารณา แล้วได้คะแนนไม่ถึง 376
แน่นอน พรรคการเมืองอื่นๆ ก็มีความชอบธรรมที่จะรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลบ้าง
เพราะถือว่าได้ให้โอกาสพรรคที่มีคะแนนอันดับหนึ่งไปแล้ว
พรรคอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคแกนนำ ก็อาจจะดึงพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วมรัฐบาลเพิ่มเติม ตามที่นายทักษิณ ชินวัตร เปิดเผยในคลับเฮ้าส์
อาจจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ ฯลฯ หรือไม่?
ส่วนพรรคก้าวไกล เมื่อขัดหลักการที่ประกาศ “มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา” ก็ต้องถอนตัวออกมาโดยปริยาย
แต่รอบนี้ เสียง สส.และสว.ที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย แม้ไม่มีก้าวไกล ก็อาจจะเพียงพอ 376 เสียง ผ่านโหวตนายกรัฐมนตรีสำเร็จหรือไม่ เพราะอาจได้เสียง สว.สนับสนุนเพิ่มเติม หากไม่มีนโยบายที่กระทบสถาบัน กระทบเสถียรภาพทางเศรษฐกิจร้ายแรง
อยู่ที่ใครจะเป็นนายกฯ และนโยบายจะเป็นอย่างไร?
หรืออาจจะมีอุบัติเหตุอื่นแทรกซ้อน เหนือความคาดหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ก็เป็นเรื่องเหนือคาดหมาย
แต่ผลสุดท้ายสำหรับนายพิธา คือ แห้วเก้าอี้นายกฯ
ความจริงจะเป็นเช่นไร ติดตามได้ รู้ผลภายใน 2-3 เดือนนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี