การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป 14 พฤษภาคม 2566 ได้เสร็จสิ้นมาราว 1 สัปดาห์เศษเห็นหัวเห็นหางนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลบ้างแล้ว หลังจากที่ 8 พรรคการเมืองแถลงร่วมกันที่จะผลักดันให้ “ทิม - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่มีที่นั่งสูงสุด เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของราชอาณาจักรไทย หลังการปฏิวัติสยามเมื่อปี พ.ศ.2475 กับประชาธิปไตยแบบลักปิดลักเปิด

เสียงสำรอกของ “สัมภเวสีหน้าเหลี่ยม - ทักษิณ ชินวัตร” ที่ดังออกมาจาก “คลับเฮ้าส์ แคร์ คิด เคลื่อนไทย” จึงไม่ใช่เสียงเห่าใบตองแห้งเสียแล้ว “ทักษิณ” พิเคราะห์ผลการเลือกตั้ง 14 พฤษภา 66 อย่างมีเหตุมีผลมีตรรกะที่น่าสนใจจาก ปฏิบัติการ “ไอโอ” ในบริบทของการช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ในขณะที่รัฐบาลคะแนนนิยมอ่อนแอ ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นฝีมือรัฐบาล เพราะมีเครื่องมือและความพร้อมอย่างมาก โดยปฏิบัติการที่ว่านี้จะอยู่ในพื้นที่ของสื่อโซเชียลยอดฮิต อันได้แก่ ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก ซึ่ง 2 ลุงจะได้ประโยชน์จากการนี้สกัดกั้นพรรคเพื่อไทยเพื่อไม่ให้ “แลนด์สไลด์” ได้โดยตรง

ข้อความที่กลายเป็นไวรัลให้ “พรรคเพื่อไทย” ติดหล่มจนต้องชี้แจงแฟนคลับและผู้สนับสนุนคือ “ดีลลับจัดตั้งรัฐบาล” กับ “ลุงป้อม - พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นไวรัลที่กระหึ่มในช่วงสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง เนื่องจากเจ้าของปฏิบัติการรู้ดีว่า “ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกับการบริหารประเทศของ 2 ลุงตู่-ป้อม”จึงผลักให้พรรคเพื่อไทยไปอยู่ในอ่างน้ำของสองลุงที่เน่าเหม็นแม้หลังทราบผลการเลือกตั้งแล้วก็ยังมีกระแสไวรัลนี้อยู่ “ทักษิณ”เชื่อว่า “พรรคก้าวไกล”อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการไอโอนี้ จนกระทั่ง “ตือโป๊ยก่าย - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ต้องออกมาชี้แจงปฏิเสธอ้างว่าพรรคก้าวไกลไม่มีเงินทุนมากพอที่จะดำเนินการ

นี่คือปฏิบัติการไอโอที่เรียกว่า “ยุทธการจิ้งจอกหอกข้างแคร่”

“หอกข้างแคร่ที่แปลตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตว่า “คนใกล้ชิดที่อาจคิดร้ายขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ หรือศัตรูที่อยู่ข้างตัว” แต่ไม่ใช่ “งูเห่าในการเมืองไทย ที่แว้งกัด ทำร้ายชาวนา”

แม้ “หมอชลน่าน ศรีแก้ว”จะกระดี๊กระด๊าร่วมแถลงยืนยันสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำทว่า เสียงหมอชลน่านมีศักดิ์และสิทธิ์แค่ไหน เพราะไม่เช่นนั้นคงมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งแล้วมิใช่หรือ หมอชลน่านถามทักษิณแล้วหรือยัง???

ช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง “ทิม - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าและแคนดิเดตพรรคก้าวไกลก็ถูกปล่อยข้อมูลอมและปกปิดการถือครองหุ้นสื่ออย่างสถานีโทรทัศน์ไอทีวี สถานีโทรทัศน์ทีวีเสรี และเป็นอดีตสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินที่ออกอากาศในระบบยูเอชเอฟ ก่อตั้งโดย บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ถือกำเนิดจากดำริของรัฐบาลในสมัยที่ นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ที่ต้องการให้มีสถานีโทรทัศน์เสรี เพื่อการนำเสนอข่าวสาร และสาระความรู้สู่ประชาชน โดยเปิดให้เอกชนเช่าสัมปทาน เพื่อให้มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง หลังเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ”ในปี 2535

พรรคเพื่อไทยยืนยันหนักแน่นว่าจะให้พรรคที่ชนะอันดับหนึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตามประสงค์ของประชาชนเสียงข้างมากกว่า 14 ล้านคนก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าหากพรรคก้าวไกลทำไม่สำเร็จ พรรคเพื่อไทยจะทู่ซี้ไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมไทยและประเทศชาติบ้านเมือง

หากพรรคลำดับที่ 2 จัดตั้งรัฐบาลโดยไม่ข้องแวะกับมาตรา 112 จะมีเหตุผลใดที่พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่ยกมือสนับสนุนให้ตั้งรัฐบาล และไม่จำเป็นต้องหาคำอธิบายใดๆ ว่า พรรคเพื่อไทยชิงธงการจัดตั้งรัฐบาลซ้อนฉันทามติของประชาชนอย่างชอบธรรม ในเมื่อ “พรรคก้าวไกล” ก้าวพลาดปีนขึ้นบันไดสู่อำนาจทางการเมืองไม่ได้ทั้งที่ให้ความร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว

หรือหาก “พรรคก้าวไกลบุญหล่นทับ” สมาชิกวุฒิสภากลัว “ระบอบทักษิณมากกว่าพรรคก้าวไกลที่ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” โอกาสในการทำหน้าที่รัฐบาลอย่างราบรื่นตลอดรอดฝั่งวาระ 4 ปี มี 100% อย่างนั้นหรือ เมื่อ “ทักษิณ”ยืนยันว่าจะไม่ข้องแวะกับมาตรา 112 เพราะสถาบันมีพระมหากรุณาธิคุณสมรสพระราชทานให้

จากนี้จับตาผลปฏิบัติการไอโอกับการถือครองหุ้นไอทีวีของ “ทิม - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” กับ “ยุทธการหอกข้างแคร่”เพื่อนับถอยหลังอายุรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ได้เลย