การที่จู่ๆ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคนใกล้ชิดอีก 4 คนรีบร้อนเดินทางออกนอกประเทศ โดยขึ้นเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวจากสนามบินดอนเมืองตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 กันยายนที่ผ่าน ทีแรกจะไปสิงคโปร์ สุดท้ายเครื่องไปลงจอดที่ดูไบ ทำให้เกิดคำถามไล่หลังขึ้นทันทีว่า ไปทำอะไร และจะกลับมาหรือไม่
นายทักษิณ ชี้แจงในเวลาต่อมาว่า ตั้งใจจะกลับไปไทยไม่เกินวันที่ 8 กันยายนนี้ เพื่อเดินทางไปศาลฟังคดีป่วยทิพย์ชั้น 14 ด้วยตัวเองวันที่ 9 กันยายน พร้อมอ้างว่าเดิมทีจะไปสิงคโปร์เพื่อตรวจสุขภาพกับหมอกระดูกที่เคยดูแลระหว่างอยู่ต่างประเทศ แต่ถูกตม.ไทยถ่วงเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้สนามบินเอกชนปิดก่อน จึงต้องเปลี่ยนแผนกลางอากาศไปหาหมอและเพื่อนที่ดูไบแทน
ข้อกล่าวอ้างของนายทักษิณครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้ข้อสงสัยในสังคมหายไป หรือเชื่ออย่างสนิทใจ แต่ยิ่งพากันใส่ใจติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด เนื่องมาจากว่า เหตุการณ์ต่างๆมันคุ้นๆ และสอดรับกับเรื่องวันเวลาที่ศาลฏีกาจะมีคำสั่งคดีป่วยทิพย์ชั้น 14 เมื่อบวกเข้ากับความพ่ายแพ้เกมทางการเมือง จนอำนาจเปลี่ยนมือ ทำให้ยิ่งเพิ่มน้ำหนักในข้อสงสัย
ทั้งนี้ เพราะช่วงเวลาออกนอกประเทศของนายทักษิณเกิดขึ้นภายหลังจากพรรคเพื่อไทย ได้ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย เข็นสังขารให้นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ออกมาตั้งโต๊ะแถลงหากชนะโหวต จะยุบสภาทันทีโดยไม่รอถึง 4 เดือน แต่หมากตานี้ของพวกเขาถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง และต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
ภาพ และคลิปวินาทีเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวของนายทักษิณ ทะยานขึ้นฟ้าที่ดอนเมืองในค่ำวันนั้นโดยไม่อยู่คุมเกมดูผลโหวตในวันรุ่งขึ้นได้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับฉากสุดท้ายของภาพและคลิปการแถลงของนายชัยเกษม นิติสิริ และความพ่ายแพ้ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจทางการเมืองของตระกูลชินวัตร ได้ล่มสลายไปแล้วหรือไม่
เมื่อดูผลโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยมติท่วมท้น 311 ต่อ 152 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ก็ยิ่งสะท้อนว่าอำนาจทางการเมืองได้เปลี่ยนมือไปแล้วอย่างเบ็ดเสร็จ แม้จะมี 143 เสียงของพรรคประชาชน โหวตให้ในฐานะฝ่ายค้าน แต่ตัวเลขที่เหลือจากนั้น คือขุมอำนาจของพรรคภูมิใจไทย
นั่นคือโครงสร้างของรัฐบาลเสียงข้างน้อยแต่เมื่อส่องลึกลงไปอีก จะพบว่าใน 146 เสียง ยังมี สส.งูเห่าจากพรรคเพื่อไทย ปะปนอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง และยังมีซุกซ่อนรอวันตีจากอีกไม่ใช่น้อยเพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่เอื้อที่จะเปิดเผยตัวตน แต่ในวันข้างหน้า นักเลือกตั้งเหล่านี้ย้ายพรรคแน่นอน เพราะรู้ว่าขั้วไหนมีโอกาสสูงจะได้เป็นรัฐบาล
ณ วันนี้ สิ่งที่พลพรรคเพื่อไทยเฝ้าจับตาดูด้วยใจระส่ำ หาใช่เรื่องเกมสู้รบทางการเมือง หากแต่เป็นการนับถอยหลัง 2 เรื่องสำคัญ หนึ่งคือ นายทักษิณจะยังตั้งใจเดินทางกลับประเทศไทยภายในวันที่ 8 กันยายนนี้หรือไม่ และสอง ผลแห่งคดีป่วยทิพย์ชั้น 14 จะเป็นลบหรือบวก เนื่องเพราะทั้งสองประการนี้ล้วนชี้บอกถึงการดำรงอยู่ของพรรคและการปิดฉากของตระกูลชินวัตร
อย่างไรก็ตาม แม้ล่าสุดมีการอ้างถึงนายทักษิณ ต่อสายคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยยืนยันว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยภายในวันที่ 8 กันยายนนี้อย่างแน่นอน แต่ยังเชื่อถืออะไรมากไม่ได้นักจนกว่าจะเห็นนายทักษิณ ตัวเป็นๆ ไปที่ศาลจริงๆ ในวันที่ 9 กันยายน เนื่องจากวีรกรรมการหนีคดี 17 ปีในอดีตยังเด่นชัดในความทรงจำของคนไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี