แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn ชาติบ้านเมืองคือชีวิต เลือดเนื้อ และสมบัติของเราทุกคน และการดำรงรักษาประเทศชาตินั้น มิใช่หน้าที่ของบุคคลผู้ใด
หมู่ใดโดยเฉพาะ แต่หากเป็นหน้าที่ของทุกๆ ฝ่าย ทุกๆ คน ที่จักต้องร่วมมือกระทำพร้อมกันไปโดยสอดคล้องกัน เกื้อกูลกัน และมีจุดมุ่งหมาย มีอุดมคติอันร่วมกัน...(ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานในพระราชพิธีรัชดาภิเษก 8 มิถุนายน 2514)...
nn ขอแสดงความเสียใจกับประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ที่ประสบเหตุถูกยิงจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ โดยเหตุเกิดจากการกระทำของเด็กชายชาวไทยคนหนึ่ง อายุ 14 ปีเศษ เหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ณ ห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าสื่อสารมวลชนทุกชนิด รวมถึงคนทั่วไป ต้องไม่นำเสนอภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้น และต้องไม่นำเสนอภาพ ชื่อ สกุลของผู้ก่อเหตุ และครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ต่อสาธารณชนเป็นอันขาด...
nn แต่สำหรับกระบวนการสืบสวน สอบสวนโดยตำรวจจำเป็นต้องค้นหาต้นตอของเรื่องนี้ให้จริงจัง ต้องสืบค้นให้ได้ว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาใดๆ ทางจิตและประสาทหรือไม่ ได้รับการบำบัดรักษาจากที่แห่งใดหรือไม่ และจำเป็นต้องสอบปากคำพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุ รวมถึงสอบปากคำครูและเพื่อนร่วมโรงเรียนของผู้ก่อเหตุด้วย มีข่าวยืนยันแล้วว่าโรงเรียนที่ผู้ก่อเหตุเรียนนั้นอยู่ที่สยามสแควร์ เป็นโรงเรียนที่อ้างว่าใช้หลักสูตรการเรียนการสอนตามแบบฉบับการศึกษาระดับมัธยมจากประเทศอังกฤษ ล่าสุดทราบแล้วว่าเจ้าของและผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนคือใคร แต่หนึ่งในจำนวนนี้เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา...
nn เท่าที่สังเกตจากภาพข่าวที่ปรากฏ พบว่าหลังจากผู้ก่อเหตุถูกควบคุมตัวได้ ก็มีรัฐมนตรีบางรายเข้าไปพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ คำถามคือรัฐมนตรีที่เข้าไปพูดคุยนั้นมีความรู้ด้านการสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมหรือ แล้วมีคำถามสำคัญคือ รัฐมนตรีที่เข้าไปคุยนั้นมีความรู้ด้านจิตวิทยาเด็กและเยาวชนหรือ เรื่องสำคัญแบบนี้ ทำไมไม่ทำงานตามกระบวนการ ตามขั้นตอนโดยเคร่งครัด ทำไมไม่ให้นักจิตวิทยาเด็กและเยาวชนเข้าไปสอบถามเด็กที่ก่อเหตุ มีความจำเป็นอะไรหรือที่รัฐมนตรีต้องพยายามหาฉากให้ตนเองได้ปรากฏเป็นข่าว ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับรัฐมนตรีเลย คำถามคือ เข้าไปเพื่อหวังเป็นข่าวเท่านั้น ใช่หรือไม่ อันที่จริงเป็นถึงรัฐมนตรีแล้ว จำเป็นต้องรู้ด้วยว่าอะไรเหมาะ อะไรควรหรือไม่ กรุณาอย่าหิวแสงมากเกินงาม...
nn หลังเกิดเหตุกราดยิงในห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุงเทพฯ ก็ทำให้มีคำถามตามมาอีกว่า แล้วบรรดาเครื่องตรวจอาวุธ และวัตถุระเบิดที่ตั้งไว้บริเวณทางเข้าห้าง เป็นสิ่งที่สามารถตรวจจับอาวุธ และระเบิดได้จริงหรือไม่ หากตรวจจับได้จริง แล้วเหตุใดผู้ก่อเหตุจึงสามารถนำปืนเข้าไปในตัวอาคารของห้างได้ หรือว่าจริงๆ แล้วเครื่องดังกล่าวเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องประดับสถานที่เท่านั้น แต่ไม่สามารถตรวจจับอาวุธ และวัตถุระเบิดได้อย่างจริงๆ จังๆ...
nn ส่วนคำถามที่ว่าทำไม รปภ. ของห้างไม่ตรวจสอบผู้นำอาวุธเข้าไปในห้าง ก็โปรดเข้าใจด้วยว่า การที่จะให้ รปภ. ของห้างสรรพสินค้า ตรวจค้นอาวุธและระเบิดกับผู้เข้าไปใช้บริการในห้างอย่างเข้มงวดทุกคน ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ เพราะจะก่อให้เกิดความไม่สะดวกกับผู้ใช้บริการ และจะเกิดปัญหาความแออัดในจุดตรวจตามมา ซึ่งจะทำให้ห้างสูญเสียลูกค้า แต่หลังจากเกิดโศกนาฏกรรมนี้แล้ว ก็จำเป็นที่เจ้าของห้างทุกห้างจะต้องเข้มงวดกับเรื่องการตรวจเพื่อสกัดกั้นมิให้ผู้ใดเล็ดลอดนำอาวุธ และระเบิดรวมถึงอาวุธต่างๆ เข้าไปในห้างได้อีก...
nn ข้อสังเกตประการหนึ่งที่ ธรรมกร สังเกต เห็นชัดคือ หลังเกิดเหตุร้ายแรงที่ห้างสรรพสินค้ากลางกรุงเทพฯ สำนักข่าว CNA (Channel News Asia) ของสิงคโปร์ก็นำเสนอข่าวนี้แบบจงใจนำเสนอให้เห็นว่าเกิดเหตุร้ายแรงใหญ่โตมากในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของไทยที่ตั้งอยู่กลางกรุงเทพฯแล้วนำเสนอข่าวนี้เป็นเวลานาน และนำเสนอประมาณว่าเป็นข่าววนอยู่นาน ส่วนสื่อฯ ของจีนก็ลงข่าวนี้เช่นกัน ประเด็นที่ CNA นำเสนอข่าวนี้มากๆ บ่อยๆ ก็สามารถเข้าใจได้ว่า ไม่ได้เกิดจากความหวังดีของ CNA หรือของรัฐบาลสิงคโปร์อย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูจากการนำเสนอข่าวแล้ว ทำให้เห็นได้ประมาณว่า คล้ายๆ จงใจก่อให้เกิดความหวาดระแวง หวาดกลัวต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังจะเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย พฤติกรรมแบบนี้ของสิงคโปร์เป็นเรื่องที่คนไทยเข้าใจได้ดี เพราะจำเป็นต้องแย่งลูกค้าคือนักท่องเที่ยวต่างชาติกันอย่างถึงพริกถึงขิง แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจคือโฆษกรัฐบาลของไทยกลับเงียบมาก เงียบจนหลายคนถามว่าเป่าสากอยู่หรือ ทำไมไม่มีการออกมาบอกกล่าวอะไรเพื่อให้ลดความตื่นตระหนกของสาธารณะ แล้วคนไทยก็ยังคงรอดูอยู่ว่าเรื่องนี้ฝ่ายของรัฐบาลที่มีหน้าที่สร้างภาพลักษณ์ของประเทศจะแก้เกมอย่างไร หรือจะปล่อยให้เรื่องราวเงียบหายไปเอง เพราะไม่มีปัญญาแก้ภาพลักษณ์อย่างทันท่วงที...
nn อีกคำถามหนึ่งที่สาธารณชนต้องการทราบคือผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเยาวชนนั้นครอบครองปืนได้อย่างไร ซื้อหามาจากไหน คำตอบเบื้องต้นที่ได้คือ สั่งซื้อจากออนไลน์ โดยซื้อ BB Gun มาประกอบและดัดแปลงด้วยตนเอง เมื่อมีคำตอบเบื้องต้นเช่นนี้ คำถามที่ตามมาคือ แล้วหน่วยงานใดในประเทศไทยมีหน้าที่ควบคุมการซื้อขายอาวุธ เหตุใดปล่อยให้ซื้อขายอาวุธได้อย่างเสรีเช่นนี้ การซื้อขายปืนโดยผ่านระบบออนไลน์ นับว่าเป็นการกระทำที่โจ่งแจ้งมาก แต่คำถามก็กลับมาเหมือนเดิมคือ แล้วหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่มีภารกิจควบคุมเรื่องนี้ไปอยู่ที่ไหนกันหมด ทำไมทำงานหละหลวมปล่อยให้เกิดการซื้อขายอาวุธได้อย่างสะดวกดายเช่นนี้...
nn ขอบอกตรงๆ ว่าหาซื้ออาวุธต่างๆ ในเมืองไทยได้ง่ายดายเหลือเกิน แค่พิมพ์คำว่า ซื้อปืน BB Gun ใน google search ก็จะพบว่ามีการโฆษณาขายกันอย่างเอิกเกริก โดยบอกตรงๆ ชัดๆ ว่าซื้อได้ที่ไหน ราคาเท่าไร ต้องการรุ่นไหน แถมยังโฆษณาอีกว่าBB Gun ราคาสุดคุ้ม ได้ง่ายๆ แถมบอกอีกว่าราคาถูก จัดส่งให้ฟรี ก็ในเมื่อหาซื้ออาวุธได้ง่ายดายเพียงนี้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคนไทยจึงตายเพราะปืนมากเป็นอันดับสองในอาเซียน โดยเป็นรองจากฟิลิปปินส์ แล้วก็ตายเป็นอันดับ 15 ของโลก...
nn องค์กรรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธเบา (SAS) แห่งสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่าประเทศไทยมีอัตราการครอบครองปืนโดยพลเรือนอยู่ในลำดับที่ 50 ของโลกโดยไทยมีสัดส่วนครอบครองปืน 15 กระบอกต่อประชากร 100 คน ส่วนสหรัฐฯมีสัดส่วนการครอบครองปืน 120 กระบอกต่อประชากร 100 คน ครั้นกลับมาพิจารณาเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน พบว่าไทยมีอัตราการครอบครองปืนที่ถูกกฎหมายในอัตราสูง โดยมีสถิติว่าคนไทยครอบครองปืนถูกกฎหมายมากกว่า 10.3 ล้านกระบอก หรือเฉลี่ย 15 กระบอกต่อประชากร 100 คน แต่ที่น่าวิตกคือมีปืนเถื่อนอีกประมาณ 6.2 ล้านกระบอก ส่วนสถาบันเพื่อการวัดและประเมินสุขภาพ (IHME) มหาวิทยาลัยวอชิงตัน รายงานผลวิจัยตั้งแต่ปี 2562 ว่า ไทยมีอัตราการเสียชีวิตเพราะปืนเป็นอันดับสองในอาเซียน โดยเป็นรองฟิลิปปินส์...
nnปิดท้ายด้วยประเด็น The lost decade of Thailand. หรือทศวรรษแห่งการสูญสลายของไทย ซึ่งเป็นการสูญสลายด้านเศรษฐกิจ ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจป่วยหนัก ไทยกลายเป็นประเทศที่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจลดน้อยถอยลงไปมาก เมื่อเทียบกับช่วงทศวรรษก่อนหน้านี้ สาเหตุของการเสื่อมถอยมาจากปัญหาการเมืองภายในประเทศเป็นสำคัญ ทั้งนี้ธนาคารโลกวิเคราะห์ว่าไทยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงปีละ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยุคแห่งความโชติช่วงชัชวาลบานบุรีของไทยหมดลงแล้ว ไทยกำลังจะหมดบุญเก่าที่เคยสะสมไว้ เรื่องนี้น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง แล้วก็ต้องบอกว่ามูลเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยสูญสลายนั้นมาจากปัญหาการเมืองภายในประเทศเป็นสำคัญ ไทยนี้รักสงบ แต่กลับรบและฟัดกันเองตลอดเวลา...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี