หากเป็นไปตามที่ฝัน เมืองไทยจักก้าวไปดีกว่านี้แน่ ด้วยพลังประชาชนที่มีคุณภาพ กล้าเสียสละเปลี่ยนแปลง

• บทสรุปที่สำคัญ หากย้อนเวลากลับไปได้

ด้วยการศึกษาเรียนรู้ความจริงของเหตุการณ์ จะเกิดผลดีต่อขบวนการนักศึกษาฯและประชาชนไทย

1. การเคลื่อนไหวของภาคประชาชน หลังจากได้รับชัยชนะจากเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖หากเคลื่อนไหวด้วยความรู้ ความเข้าใจ การรับรู้ผลดีผลเสียของ “เนื้อหาและรูปแบบ”ของการเคลื่อนไหว แต่ละแบบ

และมีการมาสรุปร่วมกันของผู้นำของภาคประชาชนวงการต่างๆ โดย

๑. ยึดเอาสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยเป็นหลักที่จะเป็นการพัฒนาให้ภาคประชาชนและประเทศก้าวไปข้างหน้า ด้วยประสบการณ์และบทเรียนของ “การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาในอดีต” ทั้งที่เกิดผลดีและผลเสีย

๒. รูปแบบและเนื้อหาของต่างประเทศ ที่ต้องนำมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสังคมไทย โดยศึกษาสรุปรวมกัน ว่า “ควรจะเป็นเนื้อหาและรูปแบบอย่างไร”

๓. มีคณะกรรมการรวมหมู่ที่มาจาก ฝ่ายต่างๆของภาคประชาชนและนักวิชาการฯที่จะทำหน้าที่ติดตามดูแล กำกับและควรสรุปบทเรียนอย่างต่อเนื่องฯ

๔. ผู้นำและแกนนำของฝ่ายต่างๆ ต้องรับฟังความคิดเห็นและข้อทักท้วง แนะนำจากฝ่ายอื่นๆ ด้วย

แล้วนำมาศึกษาเรียนรู้แลกเปลี่ยน ได้แนวทางใหญ่ในการปฏิรูปสังคมไทยได้จริง

• 2. ผลที่คาดว่า จะเกิดขึ้นได้ หากเป็นไปตาม ข้อ 1.

2.1 ความจริงที่ได้รับรู้ “สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖

(1) พลังที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มีหลายภาคส่วน

(๑) พลังพื้นฐาน ที่ก่อการและจุดชนวน ประกายไฟเปิดทางสว่างให้กับสังคม คือ พลังนักศึกษาประชาชน ๒๐๐,๐๐๐ คน ที่กล้าหาญเสียสละ

(๒) พลังของกองทัพฝ่ายพลเอกกฤษณ์ สีวะรา - พลตรีวิฑูรย์ ยะสวัสดิ์ฯ (พลเอกกฤษณ์ เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ผบ.ทบ.เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๑๖)

(๓) พลังฝ่ายกองทัพเรือ-อากาศ ฯลฯ ที่เข้าร่วมฯหลังจากมีการต่อสู้ปราบปรามผู้ร่วมชุมนุมฯ

(2) พลังฝ่ายที่ปกครองประเทศในเวลานั้น

(๑) รัฐบาลจอมพลถนอม ประภาส ณรงค์

(3) สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ยึดเอาความสงบสุขและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก

(๑) การให้ผู้นำนักศึกษา(ศนท.) เข้าเฝ้าฯ

(๒) การเชิญพลโทจำเป็น จารุเสถียร สมุหราชองครักษ์(พี่ชายฯพลเอกประภาส) เข้าเฝ้าฯ

(๓) การเชิญจอมพลถนอม และ ฯลฯ เข้าเฝ้าฯ

(4) การขอให้จอมพลถนอมและคณะ ออกไปต่างประเทศเพื่อยุติความขัดแย้งฯ โดยจะกลับคืนสู่แผ่นดินไทย หลังจากเหตุการณ์สงบผ่านไปด้วยดี

เรื่องนี้ มีหลายฝ่ายยืนยัน ทั้งฝ่ายญาติจอมพลถนอมประภาส ณรงค์ และผู้นำนักศึกษาบางส่วนฯ และ “พระราชดำรัสของในหลวงฯ ต่อประชาชน ในคืนวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖”)

2.2 ฉะนั้น เมื่อจอมพลประภาส และ จอมพลถนอมฯ เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย

หลังจากเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ จบลงไปด้วยดีในระยะเวลาที่สมควรจึงเป็นเรื่องมีเหตุมีผล ก็จะไม่มีผู้นำนักศึกษาประชาชน ออกมาชุมนุมฯขับไล่และความจริงที่รับทราบกันคือ “อำนาจในการควบคุมกองทัพและรัฐบาล” มิได้อยู่ในมือของจอมพลถนอม ประภาส ณรงค์ อีกแล้วฯ

2.3 ขบวนนักศึกษาประชาชนฯ ที่ได้เคลื่อนไหวประชาธิปไตยออกสู่ประชาชนในเมืองและชนบท

(1) ซึ่งดำเนินการไปด้วยดีในช่วงต้น หลังจากเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖

(2) การเคลื่อนไหวต่อไป หลังจากนั้น คือ ปี ๒๕๑๘-๒๕๑๙ ก็จะมีการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยที่ถูกต้อง สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย ที่กำลังเคลื่อนตัวไปพร้อมกับพลังประชาธิปไตยฝ่ายอื่นๆ เช่น ฝ่ายธุรกิจ นักการเมือง กรรมกร ชาวนา ฯลฯ ที่เคลื่อนไหว ก่อประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศ

(3) ประชาชน จะให้การสนับสนุนฯ เพราะเป็นการพัฒนาประชาธิปไตยที่เอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนวงการต่างๆ

2.4 ขบวนการนักศึกษาและประชาชนปีกซ้ายจัดฯ ที่มีพลังและมีบทบาทนำฯ จะเริ่มลดบทบาทและถอยลง

(1) แนวความคิดซ้ายจัดฯ ที่รับมาจากฝ่ายสังคมนิยมฯ เช่น Red Guard จากจีนและปีกซ้ายจัดของพรรคคอมมิวนิสต์ ฯลฯ จะไม่สามารถขึ้นมามีบทบาทนำได้ เพราะนักศึกษาและประชาชนส่วนใหญ่ จะไม่สนับสนุนฯและจะถูกลดบทบาทลงไปในที่สุด โดยบทบาทการนำของนักศึกษาและประชาชนที่ดีและถูกต้องฯ จะขึ้นมานำแทนฯ

(2) การเคลื่อนไหวซ้ายจัดที่รุนแรงจะลดลง รวมทั้งวาทกรรมต่างๆ ที่ “ปลุกระดมมวลชน” เช่น “เลือดต้องล้างด้วยเลือด” “ตายสิบเกิดแสน” ก็จะใช้ไม่ได้ผล

2.5 ขบวนการขวาจัดฯ ที่ถูกปลุกและสร้างขึ้น จะถูกทั้งรัฐบาลและประชาชน ลดบทบาทลง

(1) ในเมื่อ มีขบวนการนักศึกษาประชาชน เคลื่อนไหวในบทบาทของประชาธิปไตยที่ถูกต้องซึ่งจะได้รับการสนับสนุนทั้งรัฐบาล ส่วนราชการต่างๆ และประชาชน

(2) ขบวนการขวาจัด ที่ปลุกระดมให้เกลียดชิงชัง “นักศึกษาประชาชนฯ” ก็จะไม่ได้ผลการเริ่มต้น สังหารปราบปรามผู้นำนักศึกษาประชาชน อาจจะมีขึ้นในช่วงแรกๆ แต่ “เมื่อนักศึกษาประชาชน เคลื่อนไหวไปในทางที่ดีถูกต้องไม่รุนแรง สร้างประชาธิปไตยและประชาชน รวมทั้งรัฐบาล และฝ่ายต่างๆ ได้ประโยชน์ “ขบวนการขวาจัด ก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนฯ และจะถูกยกเลิกไปในที่สุดฯ

2.6 เหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ที่มีการล้อมปราบ และสังหารนักศึกษาประชาชน จักไม่เกิดขึ้น

(1) นักศึกษาและประชาชนฯ จะไม่มีการชุมนุม ขับไล่จอมพลถนอม ประภาส ที่กลับเข้ามา

(2) นักศึกษาประชาชนฯ ได้เข้าใจ เหตุผลในการกลับเข้ามาเมืองไทยของจอมพลถนอม ประภาส

2.7 นักศึกษาประชาชนฯ ได้เข้าใจในเจตนารมณ์ที่ยิ่งใหญ่ของในหลวงฯ ที่ต้องการปกป้องคุ้มครองความสงบร่มเย็นและปลอดภัยของประชาชน ที่พระองค์ทรงทำมาตลอดชีวิต

• และแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในสังคมไทย จนมาถึงปัจจุบัน

๑. เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ จะเป็นคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อสังคมไทย

ทั้ง โดยตัว เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่เปิดม่านฟ้าประชาธิปไตยไทยให้ผู้คนหลากหลายในสังคมไทยทุกฝ่ายทั้งนักศึกษาประชาชน กลุ่มธุรกิจ สื่อสารมวลชน ข้าราชการ นักการเมือง นักวิชาการ พระสงฆ์องค์เจ้า ฯลฯ ได้ร่วมสร้างและพัฒนาของตนเอง และร่วมกับฝ่ายต่างๆ ร่วมกันพัฒนาศักยภาพของตนรวมทั้งการพัฒนาประชาธิปไตย โดยการปฏิรูปให้เกิดคุณค่าและประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างแท้จริง

๒. จะเป็นการพัฒนาศักยภาพ ในการศึกษา ทำความเข้าใจ และวางแนวทางการพัฒนาประเทศไทยให้กว้างไกลไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่สอดคล้องกับสังคมไทย

๓. จะมีบทเรียนในการเห็นความสำคัญของ “การสรุปบทเรียนจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ”โดย จักไม่ติดกับดัก และจมอยู่ในกรอบคิดเก่าๆ ที่ไม่สอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนไปเพราะ ประเทศจะต้องมีการพัฒนาไปตลอดตามโลก ซึ่งไม่หยุดนิ่ง

๔. ประชาชนไทย จะได้มีความภาคภูมิใจ ในการมีบทบาทร่วมกันในการสร้างสรรค์ประชาธิปไตยเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ แก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำได้อย่างแท้จริง

๕. เราจะมาไม่ได้ยินใคร ทั้งนักการเมือง นักวิชาการสื่อ เยาวชนคนรุ่นใหม่ ฯลฯ ที่มาเที่ยววิจารณ์กล่าวหาว่า “๕๐ ปี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖” เราไม่ไปไหน ยังย่ำอยู่กับที่แต่จะมีเสียงยกย่องชื่นชม “เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖” ไปตลอดกาล

หมายเหตุ

ขอขอบคุณประชาชนไทย ที่วีระอาจหาญทุกยุคทุกสมัย

ที่ได้ร่วมจิตร่วมใจ สามัคคีกันต่อสู้ และส่งผ่านประชาธิปไตยที่แท้จริง

มาสู่คู่กับสังคมไทยไปตลอดกาล