ในเวลาที่พรรคก้าวไกล ถูกตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “พรรคก้าวกาม”จากกรณี สก. และ สส. หื่น กระทำการ “คุกคามทางเพศ”จนถูกเพจ “วันนี้พรรคก้าวไกลโกหกอะไร” ตีจนเซและถูกอดีต สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกขับออก แฉว่ากระบวนการพิจารณาไม่โปร่งใส และ “ละเลย” ที่จะตรวจสอบเรื่อง “ทุจริต” เรียกรับผลประโยชน์ ของผู้ช่วย สส. คนหนึ่ง ซึ่งตนยื่นเรื่องให้พรรคตรวจสอบ
จนบัดนี้ พรรคก้าวไกลก็ไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ ทั้งเรื่องการพิจารณา สส. หื่น และเรื่องทุจริตที่ว่า ตามที่มีผู้เรียกร้องว่า ศาลตัดสินลงโทษใคร ยังเปิดเผยรายละเอียดให้สังคมทราบ องค์คณะผู้พิพากษามีมติอย่างไรก็เปิดเผย พรรคก้าวไกลที่เคยอวดใหญ่อวดโตว่าเป็นพรรคที่มีมาตรฐานใหม่ มาตรฐานสูง เรียกร้ององค์กรต่างๆ ให้ทำงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ กลับไม่ยอมให้ใครตรวจสอบตัวเอง
พฤติกรรมเหมือนที่สมาชิกคนหนึ่งของพรรคก้าวไกลเคยแสดง หลักคิดว่า “เจอพวกหน้าด้านต้องหน้าด้านกว่า”
เวลานี้ จึงพยายามพลิกสถานการณ์กลับ ด้วยการส่ง “ศิริกัญญา ตันสกุล” มาอยู่ในพื้นที่สื่อแทนคนอื่นๆ และเล่นประเด็น “ดิจิทัล วอลเล็ต” ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยแทน
มองเผินๆ นี่คือการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และไม่ยอมให้รัฐบาลนำประเทศไปสู่ความเสี่ยง มองให้ลึก นี่คือการสกัดพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะเป็น “คู่แข่งสำคัญ” ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่ “ก้าวไกล” หมายใจว่า จะ “ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน”
เมื่อก้าวไกลส่ง “ศิริกัญญา” ฝั่ง “นางแบก” อย่าง “ลักขณา ปันวิชัย” หรือ “คำ ผกา” ก็ออกโรงซัดกลับศิริกัญญาจนโซซัดโซเซ ยังไม่รวมโฆษกคนอื่นๆ และที่ไม่ใช่โฆษกของพรรคหรือของรัฐบาล ที่สำคัญ คือการโต้กลับด้วยตัวเองของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
นั่นนำมาสู่ปรากฏการณ์นี้ คือ เพจเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความหัวข้อ [เคลียร์ให้ชัด จุดยืนศิริกัญญาและพรรคก้าวไกล ต่อนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต] เนื้อหาระบุว่า
ปัจจุบันสังคมมีความเห็นที่แตกต่างกันต่อนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน แถลงต่อรัฐสภาว่าจะเร่งดำเนินการไม่ว่าจะเป็นข้อกังวลเรื่องจำนวนและแหล่งที่มาของงบประมาณที่สูงถึง 500,000 ล้านบาทซึ่งรัฐบาลเลือกวิธีการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ข้อกังวลเรื่องประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ข้อกังวลเรื่องภาระทางการคลังในระยะยาว กระทั่งคำถามพื้นฐาน ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยอยู่ในสถานการณ์ “วิกฤต” จนมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องถูกกระตุกกระตุ้นด้วยนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท จริงหรือ?
พรรคก้าวไกล และศิริกัญญา ตันสกุล ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค ขอแสดงจุดยืนต่อการดำเนินนโยบายนี้ อ้างอิงจากการแถลงโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท โดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันศุกร์ที่10 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา
ประเด็นที่พรรคก้าวไกลและศิริกัญญา “เห็นด้วย”
1. เศรษฐกิจไทยเติบโตค่อนข้างต่ำ ระดับความเหลื่อมล้ำสูง
ไม่มีใครปฏิเสธว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันฟื้นตัวช้า แต่จะเรียกว่าเป็นวิกฤตหรือไม่ ตัดสินอย่างไร จำเป็นต้องมีนิยามที่ชัดเจน เมื่อพิจารณาจาก
- กำลังการผลิต ชะลอตัวลงจากปีที่แล้ว จาก61-62% มาเป็น 58-59% เพราะการส่งออกมีปัญหา ความต้องการซื้อ (Demand) ในต่างประเทศลดลง การผลิตเพื่อส่งออกจึงชะลอตัว บวกกับไตรมาสนี้ โรงงานปิโตรเคมีปิดซ่อมบำรุง อัตราการใช้พลังการผลิตจึงลดลง
- การท่องเที่ยว มีปัญหาจริง ตอนรัฐบาลออกวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวจากจีนกับคาซัคสถาน ยังมีคำถามว่าจะได้ผลได้อย่างไร ในเมื่อเศรษฐกิจจีนมีปัญหากำลังซื้อที่อ่อนแอลง จำนวนที่นั่งในเที่ยวบินที่นักท่องเที่ยวจีนออกจากประเทศจีน มาประเทศไทยน้อยที่สุด นอกจากปัญหาภายในประเทศจีนแล้ว แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยอาจไม่ได้เป็นที่ดึงดูดของนักท่องเที่ยวจีนอีกต่อไป
- เรื่องการคาดการณ์เศรษฐกิจ รัฐบาลมักจะคาดการณ์บวกเกินจริงไว้ก่อน เพราะการเติบโตของจีดีพีจะถูกนำมาคำนวณว่าจะเก็บภาษีได้เท่าไร ซึ่งจะบ่งบอกว่าจะใช้งบประมาณได้เท่าไร จะขาดดุลได้เท่าไร จะกู้ได้เท่าไร หนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะเป็นเท่าไร แต่วันนี้เรากลับได้เห็นรัฐบาลที่บอกว่าเศรษฐกิจแย่จริงๆ
รัฐบาลไม่ต้องเชื่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลังก็ได้ ไม่ต้องเชื่อธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ ทางทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเองคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าเป็นอย่างไร?
การตั้งเป้าหมายที่ 5% สมเหตุสมผลหรือไม่ ศักยภาพในการเติบโตสูงสุดของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 3% คือการเฆี่ยนลาให้วิ่งเร็วเท่าม้า จะถึงเป้าที่อยากได้โดยไม่ดูพื้นฐานเลย เป็นไปได้หรือ ถ้าจะแก้ไขศักยภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม การเติบโตของประชากร การเพิ่มเงินทุนไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วผ่านการกระตุ้นการบริโภคระยะสั้นภายในไตรมาสเดียว
สรุปที่ยังไม่ได้คำตอบ คือ ใช้ตัวเลขการคาดการณ์จริงหรือใช้ความรู้สึกกันแน่ ไม่ได้เถียงว่าตัวเลข ธปท. หรือสำนักงานสถิติการคลังจะถูกเสมอ แต่รัฐบาลมีตัวเลขอะไรที่บ่งบอกว่าสถานการณ์จะแย่มากๆ โดยใช้วิธีการที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นวิธีการที่ออกแบบว่าจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึง 5% จะถูกต้องตรงเป้าหมายหรือไม่ ถ้าไม่รู้ว่า
อะไรคือจุดอ่อนที่สุด การท่องเที่ยว การบริโภคจากต่างประเทศ หรือการบริโภคภายในประเทศ
2. พรรคการเมืองมีสิทธิเสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อแข่งขันตามกลไกประชาธิปไตย
พรรคก้าวไกลเห็นว่าการทำให้ประชาธิปไตยเติบโตงอกงาม หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือพรรคการเมืองควรมีสิทธิในการเสนอนโยบายที่เห็นว่าสามารถตอบโจทย์ของประเทศและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา
การเสนอนโยบายของพรรคการเมือง คือการแข่งขันตามกลไกประชาธิปไตย โดยมีประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เป็นผู้ตัดสิน สะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง ว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นนโยบายใดถูกนำไปปฏิบัติให้เป็นจริง
ดังนั้น แม้พรรคก้าวไกลมีข้อห่วงใยต่อการดำเนินนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต แต่เรายืนยันว่าการนำเสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคการเมือง เป็นสิ่งที่ควรทำได้ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
ประเด็นที่พรรคก้าวไกลและศิริกัญญา “ไม่เห็นด้วย”
1. การทำนโยบายสาธารณะโดยไม่เตรียมความพร้อมด้านแหล่งที่มาของงบประมาณ
วันนี้ที่ต้องมาคุยเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต ก็เพราะต้องใช้งบประมาณมากและต้องกู้เงิน รัฐบาลมีโมเดลว่าดิจิทัล วอลเล็ตเป็นสัดส่วนเท่าไรในการคาดการณ์ หากดึงดิจิทัล วอลเล็ตออกแล้ว จีดีพีจะโตเหลือเท่าไร แต่พอคำตอบของรัฐบาลคือ “ต้องทำรวมๆ กัน” มันถึงจะได้ 5% ถ้าไม่ทำดิจิทัล วอลเล็ตจะโตเหลือแค่นั้นแค่นี้ สรุปแล้วอะไรคือเท่าไรกันแน่
เช่นนี้จะติดตามตรวจสอบประเมินผลงานรัฐบาลอย่างไร หากจุดมุ่งหมายคือ 5% ต้องทำอะไรบ้าง มีปัจจัยที่ทำให้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย หรือไม่เป็นไปตามแผนหรือไม่
การกู้ตาม พ.ร.บ. มีกฎหมายต้องทำตาม มาตรา 140ของรัฐธรรมนูญ ต้องทำตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการคลังอีก 5 ฉบับ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาตรา 53 ที่บอกว่ากู้ได้ต่อเมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนวิกฤตอย่างต่อเนื่อง และตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่ทัน ถ้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ ก็อาจไม่ผ่าน
คำถามสำคัญที่รัฐบาลยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจน คือหากนโยบายดิจิทัล วอลเล็ตมีความสำคัญ มีความจำเป็นเร่งด่วนจริง ทำไมวันนี้จึงถูกคิดมาอย่างไม่รอบคอบมากพอ จนเกิดเป็นช่องโหว่ ว่าอาจจะผิดกฎหมายจนสุดท้ายไม่ได้ทำ
หากมีวิธีการที่รัดกุมมากพอ วันนี้คงไม่ต้องมานั่งถกกันแล้วว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านกฤษฎีกา ไม่ต้องลุ้นว่าจะเข้าหรือไม่เข้าศาลรัฐธรรมนูญ หากนโยบายนี้สำคัญจำเป็นเร่งด่วน ก็ควรถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อทำให้เศรษฐกิจในปีหน้าเติบโตได้ 5% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมาย
2.การออก พ.ร.บ.เงินกู้ โดยไม่ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างรอบด้าน
ปัจจุบันสภาพคล่องทางการเงิน ที่อยู่ในตลาดเงินตลาดทุนมีแนวโน้มลดลงจริง ธปท. หรือกระทรวงการคลังออกพันธบัตรรัฐบาลก็ระดมทุนได้ยาก เพราะสภาพคล่องต่ำจริง แต่วิธีการที่จะออก พ.ร.บ.เงินกู้ ที่จะไประดมทุนในตลาดเดียวกัน จะช่วยในเรื่องสภาพคล่องได้อย่างไร เพราะปีหน้าไม่ใช่แค่รัฐบาลที่ต้องออกพันธบัตรชดเชยการขาดดุลแต่เอกชนก็มีหุ้นกู้ออกใหม่ 1 ล้านล้านบาท ใช้คืนหนี้เก่าอีกประมาณ 7 แสนล้านบาท จะแย่งกันขนาดนั้นในสภาพคล่องที่หดตัวลง ไม่มั่นใจว่าจะช่วยได้จริงหรือไม่
รัฐบาลมองผลลัพธ์ที่จะได้จากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ในแง่ดีที่สุด ว่าถ้ากระตุ้นการบริโภคได้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น อย่าลืมว่านโยบายนี้ใช้งบประมาณมากที่สด ควรเซฟไว้ในวันที่เกิดวิกฤตจริงๆ หรือไม่ เราจึงต้องมาถามว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะแย่จริงๆ จะแย่อย่างไร ดิจิทัล วอลเล็ต จะทำให้ผลดีขึ้นเป็นเท่าไร
ดิจิทัล วอลเล็ต อาจไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้จีดีพีเติบโตได้ดี เมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พูดเองว่าอาจจะทำให้จีดีพีโต 1-1.5% แต่งบประมาณ 5 แสนล้านบาท คือ ประมาณ 3% ของจีดีพี จึงต้องถามถึงความคุ้มค่า
เมื่อมาถึงทางสุดท้ายว่าจะต้องกู้เงินแล้ว ก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์จริงหรือไม่ ถ้าจะดีขนาดที่ทำให้จีดีพีกลับมาที่ 5% ได้ ก็ต้องมีข้อมูลตัวเลขมายืนยันให้ชัดเจนเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นก็ควรหาทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องกู้จะดีกว่าหรือไม่ เพราะการกู้ก็มีต้นทุนเช่นเดียวกัน
เรื่องของการหมุน ต้องเป็นสินค้าขั้นสุดท้ายจึงจะถูกนับอยู่ในจีดีพีได้ ถึงจะหมุนไปได้สามรอบกว่าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจีดีพีจะโตเท่ากับ 3
วันนี้ไม่ได้ขออะไรมากไปกว่าขอดูแผน ระหว่างทางจะหยิบอะไรเข้าหยิบอะไรออกก็บอกกับประชาชน ว่ามีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอะไรที่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เราต้องตรวจสอบว่ารัฐบาลเลือกวิธีการและเครื่องมือถูกต้องหรือไม่ ว่าที่ไม่ได้ถึง 5% เป็นเพราะดิจิทัล วอลเล็ต หรือเพราะ Winter Festival ไม่ปัง ถ้าเราไม่เห็นว่ารัฐบาลตั้งเป้าไว้แต่แรกเป็นอย่างไร เราจะช่วยติดตามตรวจสอบประเมินผลได้อย่างไร? ขอร้องแค่เปิดเผยให้โปร่งใส
เวลาประเมินว่าประเทศในเวลานี้โตได้แค่นี้ ไม่ได้หมายความว่าเราต้องนั่งเฉยๆ แล้วพอใจกับการเติบโตจีดีพี 3% แต่คือการบอกว่าประเทศต้องการการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ มีสิ่งที่เป็นปัญหาระยะยาวที่ต้องแก้ไข อย่าคิดว่าแค่การกระตุ้นในระยะสั้นแล้วจะโต 5% ควรต้องกลับมาโฟกัสที่การปรับโครงสร้าง พอสมาธิอยู่ที่ดิจิทัล วอลเล็ต มากๆ ก็อาจหลงลืมเรื่องระยะยาวที่จะต้องเริ่มทำวันนี้แต่ออกดอกผลในวันข้างหน้า
ถ้าต้องทุ่มงบประมาณไปกับดิจิทัล วอลเล็ต มากขนาดนี้ แล้วต้องกู้จนกลายมาเป็นภาระทางการคลังในอนาคต กังวลว่าสุดท้ายแล้วทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด จะสามารถทำได้อย่างตรงจุดตรงเป้าหรือไม่
ประเด็นที่พรรคก้าวไกลและศิริกัญญา “ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง”
การใช้ศาลและองค์กรอิสระเข้าแทรกแซงกระบวนการทำนโยบายของรัฐบาล
พรรคก้าวไกลยืนยันว่า ช่องทางในการร้องศาลรัฐธรรมนูญนั้น พรรคก้าวไกลจะไม่ไปร้องอย่างแน่นอน และขอคัดค้านอย่างยิ่ง ไม่ให้เรื่องนี้มีศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากการดำเนินนโยบายควรเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ควรให้จบที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ตีความ และรัฐบาลรับผิดชอบในทางการเมืองด้วยตัวเอง
ประเด็นสุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอใช้คำว่า เป็น “ความดัดจริต” ของศิริกัญญาและพรรคก้าวไกล เพราะหลักการที่ถูกต้องก็คือ กระบวนการขอกู้เงินและ “นำเงินแผ่นดิน” มาใช้ ต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ และการใช้จ่ายเงินแผ่นดินต้องอยู่ในเงื่อนไขของกฎหมาย 4 ฉบับ ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย, กฎหมายว่าด้วยวิธีการ
งบประมาณ, กฎหมายว่าด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง
หากมีผู้เห็นว่า ไม่เป็นไปตามกฎหมายทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว ก็ต้องนำเรื่องไปร้องกับองค์กรที่ “มีหน้าที่วินิจฉัย” ให้วินิจฉัย จะให้เขาเพิกเฉย และตีความด้วยความดัดจริตว่า “ใช้ศาลและองค์กรอิสระเข้าแทรกแซงกระบวนการทำนโยบายของรัฐบาล” นั้น นับเป็นระดับสติปัญญาที่บัดซบสิ้นดี!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี