ประเทศไทยยุคนี้มีรัฐบาลผสมที่มาจากการรวมตัวของพรรคการเมือง 11 พรรค ดังต่อไปนี้คือ เพื่อไทยภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาชาติไทรวมพลัง เสรีรวมไทย ชาติพัฒนากล้า พลังสังคมใหม่ และท้องที่ไทย
ขอบอกตรงๆ ว่าไม่เคยจำชื่อพรรคร่วมรัฐบาลของรัฐบาลชุดปัจจุบันได้เลย โดยเฉพาะพรรคเล็กพรรคน้อย และพรรคที่ร่วมรัฐบาลแต่ไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นการร่วมรัฐบาลที่มีพรรคการเมืองเข้าไปผสมกันมากกว่างานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ หรืองานทิ้งกระจาดเสียอีก
แล้วที่สำคัญคือพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค โดยเฉพาะพรรคเล็กพรรคน้อย ก็ดันมีพฤติกรรมคัดค้าน และขัดแย้งกับรัฐบาลมากกว่าพรรคฝ่ายค้านเสียอีก ส่วนเหตุที่การร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ดารดาษดาษดาเต็มไปด้วยพรรคกระจิบกระจ้อย ก็เพราะว่าพรรค super จิ๋วเหล่านั้นฝันเอาเองว่าอาจจะได้เกาะกินเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการสักตัวหนึ่ง แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นความหวังที่เลื่อนลอยและสุดสอยมากเหลือเกิน
แต่ถึงกระนั้นพรรคsuper จิ๋วก็ยังคงต้องการได้ชื่อว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเชื่อว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลไม่อดอยากปากแห้ง เหมือนเป็นพรรคฝ่ายค้านต่อให้ในความเป็นจริง จะไม่ค่อยได้มีอะไรตกถึงท้องมากเท่ากับพรรคใหญ่ๆ ที่ได้กินเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการก็ตาม แต่ก็ขอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็แล้วกัน
แล้วที่สำคัญก็ต้องไม่ลืมบุญคุณของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มเบ้อเร่อที่เทคะแนนให้เศรษฐา ทวีสิน ได้กินตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่เทคะแนนให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล ทั้งๆ ที่ก้าวไกลได้คะแนน สส. มากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ทว่า สว. ไม่ปลื้มพิธา และไม่รักก้าวไกล แต่ทว่า สว. ไทยชุดที่กำลังจะหมดอำนาจในอีกไม่นานนัก มีความรักให้เศรษฐามากกว่า เลยเทคะแนนให้มากเกินคาด จนเศรษฐาเองก็อาจเกิดอาการตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นคะแนนโหวตจาก สว.
ดังนั้น เมื่อวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ก็จึงพบว่า สว. เทคะแนนให้เศรษฐาแบบมืดฟ้ามัวดิน จนคอการเมืองสงสัยว่า ทำไม สว. ต้องโหวตให้มากมายล้นหลามถึงเพียงนั้น เพราะจริงๆ แล้วเศรษฐาต้องการเสียงของ สว. เพียงไม่มากนัก แค่ 60 กว่าเสียง ก็ลอยลำเข้าไปเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยได้สบายๆ แล้ว ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้เศรษฐาต้องก้มลงไปเลียน้ำลายตัวเองที่ถ่มลงพื้นแล้วเหยียบไปแล้ว ในประเด็นไม่เอาสองลุง (ลุงป้อม ลุงตู่) เพราะ สส. พรรคสองลุงได้ลอยหน้าไปร่วมรัฐบาลอย่างเอิกเกริก โดยเศรษฐาก็พลิกลิ้นทันควัน หลังจากเคยบอกว่า มีเราไม่มีลุง แต่สุดท้ายกลายเป็น มีเราเพราะมีลุง
ส่วนพรรคฝ่ายค้านประกอบด้วย ก้าวไกล ประชาธิปัตย์ ไทยสร้างไทยเป็นธรรม ครูไทยเพื่อประชาชน ประชาธิปไตยใหม่ และพรรคใหม่ แรกเริ่มก็มี สส. รวม 184 คน แต่เมื่อ สส. ก้าวไกลหลุดหายไปบ้าง ก็ทำให้ล่าสุด สส.ฝ่ายค้านหดหายไปเล็กน้อย
แต่ก็ต้องบอกว่าแกนนำฝ่ายค้านคือพรรคก้าวไกล แต่ก็จะเห็นว่าก้าวไกลทำหน้าที่ฝ่ายค้านเสมือนคนที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น เพราะพลาดหวังจากการเป็นรัฐบาล พลาดจากการได้เป็นนายกรัฐมนตรี และพลาดจากการเป็นทุกอย่างที่จะสามารถยึดกุมอำนาจรัฐได้
ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงเกิดอาการเสียศูนย์ทางการเมือง แล้วเมื่อยิ่งถูกสาธารณชนคุ้ยขุดนำเรื่องประหลาดมหัศจรรย์เชิงลบของ สส. ก้าวไกลหลายรายมาตีแผ่และประจานเป็นประจำ จนทำให้ สส. หน้าใหม่สุดๆของก้าวไกล ที่เคยแสดงอาการปากกล้าก๋ากั่น (บางคนเรียกว่าอาการปากแจ๋ว) ถึงกับหลุดจากการเป็น สส. ไปเลย แต่บางรายที่ยังไม่หลุดจากการเป็น สส. แต่เมื่อถูกขุดคุ้ยเรื่องน่ารังเกียจออกมาตีแผ่มากๆ เข้า ก็ถึงกับต้องหุบปาก เลิกอาการปากแจ๋วไปโดยปริยาย
ส่วนหัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็เสียศูนย์ไปจนกู้กลับมายาก เพราะคำพูดแต่ละคำของตนเองนั้น คือเครื่องมือเชือดเฉือนตัวเองทั้งสิ้น ยิ่งพูดไปมากๆ ก็ยิ่งทำให้เสียความน่าเชื่อถือจนเกิดคำวิพากษ์ว่าเป็นพิธาคิโอ (พิธาผสมกับพินอคคิโอ) หรือแปลตรงตัวว่า สังคมมองว่าพิธาจอมโกหก ไม่ว่าจะเรื่องถูกคณะรัฐประหารจับตัว เรื่องพ่อตาย เรื่องหุ้นไอทีวี เรื่องจบการศึกษา เรื่องตำแหน่งแห่งที่ เรื่องชวนนักร้องดังมาแสดงคอนเสิร์ตในไทย และอีกสารพัดเรื่อง รวมถึงเรื่องล่าสุด เรื่องขึ้น stand cheer ของฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี
กลับไปที่เรื่องการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคก้าวไกล เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สาธารณชนจับตามองกันมาก พร้อมตั้งคำถามว่า ก้าวไกลกล้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านจริงๆ จังๆ หรือไม่
เพราะไม่เห็นว่าจะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่เพื่อไทยเป็นแกนนำอย่างจริงๆ จังๆ แต่ทำเสมือนเล่นกลการเมือง ราวกับว่าต้องการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองเข้าพรรคของตนเองมากกว่าทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมศักดิ์ศรี
หลายคนอาจจะบอกว่าก็เห็นศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกไปปะฉะดะ ปะทะคารมกับคนของเพื่อไทยในเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท เป็นประจำมิใช่หรือ แล้วแบบนี้ไม่เรียกแสดงบทบาทฝ่ายค้านหรือ แล้วก็เห็นว่าคนของก้าวไกล (ก้าวหน้า) ยังออกมาวิพากษ์เรื่อง soft power ซึ่งก็น่าจะถือเป็นการทำงานของฝ่ายค้านได้ มิใช่หรือ
ตอบว่า ไม่น่าจะใช่ เพราะหากฝ่ายค้านทำงานได้แค่นี้ ก็ไม่ต่างไปจากการเล่นละครการเมืองเท่านั้น อันที่จริงหากจะดูกันลึกๆ แล้ว คอการเมืองน่าจะรู้ดีว่าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยไม่กล้าหักดิบกันทางการเมือง เพราะก้าวไกลน่าจะรอจับมือกับเพื่อไทยในอนาคต หากมีการเปลี่ยนแปลงพรรคร่วมรัฐบาลในเร็วๆ นี้ ดังนั้น จึงไม่เคยเห็นพิธาออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดิจิทัล วอลเล็ต ของเพื่อไทย และไม่เคยเห็นคนอื่นๆ ของพรรคก้าวไกลออกมาวิจารณ์หรือตั้งคำถามเรื่องนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทย ที่ถูกสังคมตั้งคำถามว่า สรุปแล้วติดคุกจริงหรือเปล่า
บอกตรงๆ ว่าสาธารณชนเฝ้าติดตามการทำงานในฐานะแกนนำฝ่ายค้านของก้าวไกลตลอดเวลา แล้วไม่เคยพบว่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พริษฐ์ วัชรสินธุ ชัยธวัช ตุลาธน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร รังสิมันต์ โรม และ สส. ปากแจ๋วรายอื่นๆ ของก้าวไกล จะกล้าตั้งคำถามตรงประเด็นกับเพื่อไทยในเรื่องเงินดิจิทัล วอลเล็ต และที่สำคัญคือไม่เคยพบว่าคนที่ถูกระบุชื่อในข้างต้น ซึ่งเป็นตัวกลั่นของพรรคก้าวไกลจะกล้าถามเรื่องนักโทษชายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ ทำไมพักรักษาตัวนานจังเลย พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ จริงหรือเปล่า
นอกจากจะไม่พบว่าแกนนำก้าวไกลถามเรื่องนักโทษชายทักษิณแล้ว ยังพบอีกว่าเจ้าของพรรคก้าวไกล หรือนายทุนพรรคก้าวไกล ที่ชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้มีวาทะการเมืองที่ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้ถูกสาธารณชนจับได้ว่า fake หลายต่อหลายครั้ง และแม้กระทั่งปิยบุตร แสงกนกกุล ตัวกลั่นของก้าวไกล กลุ่มก้าวหน้า อดีตอนาคตใหม่ ก็ไม่กล้าแตะ ไม่กล้าถามเรื่องนักโทษชายทักษิณอยู่ที่ไหน แล้วก็ไม่เห็นว่าปิยบุตร ธนาธร จะเคยตั้งคำถามเรื่องเงินดิจิทัล วอลเล็ต แบบถึงลูกถึงคนไม่เห็นเหมือนกับการตั้งคำถามเรื่องมาตรา 112 หรือเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
ยิ่งมีข่าวชัดเจนว่าธนาธรไปพบกับนักโทษชายทักษิณ โดยธนาธรยอมรับเรื่องนี้เอง ก็ยิ่งทำให้สาธารณชนสงสัยว่า ตกลงแล้วก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านจริงๆ หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงฝ่ายค้านที่เต็มไปด้วยความแค้น ที่รอจะร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยในเร็วๆ วันนี้
ในเกมการเมืองนั้น เพื่อไทยจำเป็นต้องแย่งคะแนน สส. กับก้าวไกล (หากก้าวไกลยังไปต่อได้)ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ในความเป็นจริงในการรับรู้ของคอการเมืองไทยนั้น ทุกคนมองตรงกันว่า ก้าวไกลไม่ใช่ศัตรูแท้จริงของเพื่อไทย เพราะในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่มีทางที่ก้าวไกลจะชนะแบบฟ้าถล่มดินทลาย เพราะเพื่อไทยจะใช้กลอุบายทุกอย่างทำให้ก้าวไกลไม่สามารถชนะแบบ Land Slide ได้อย่างแน่นอน
ส่วนก้าวไกลจะได้คะแนน สส. มากกว่าเพื่อไทยหรือไม่ ก็ต้องรอดูกันไป เพราะหาก new voters ของไทย และเด็กๆ ที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่แต่ยังแยกความจริงกับความเท็จทางการเมืองออกจากกันไม่ได้ก็คงจะยังเทคะแนนให้ก้าวไกลต่อไป ยกเว้นว่าจะเห็นความเสื่อมของก้าวไกลชัดๆ จนเลิกเทคะแนนให้แล้วก็ต้องไม่ลืมว่าอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวเจ้าของพรรคเพื่อไทยจะต้องงัดทุกกลยุทธ์เพื่อแย่งคะแนนจากก้าวไกลให้ได้มากที่สุด เพราะอุ๊งอิ๊งก็แต่งตัว แต่งหน้า รอจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศไทย ในขณะที่พิธาก็แต่งตัวรอจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทยอยู่เช่นกัน
เพราะฉะนั้น คงจะเป็นเรื่องยากมากๆ ที่เพื่อไทยกับก้าวไกลจะเป็นศัตรูการเมืองกันอย่างจริงๆ จังๆ เพราะถึงอย่างไร ผลการเลือกตั้งสส. ในครั้งหน้า ก็ไม่น่าที่จะเห็นพรรคก้าวไกลหรือเพื่อไทยชนะแบบ Land Slide เมื่อไม่มีใครชนะแบบ Land Slide ก็จำเป็นต้องจับมือกันเพื่อร่วมเป็นรัฐบาล หากไม่ต้องการร่วมรัฐบาลกับพรรคอื่นๆ
แต่ปัญหาคือหากเพื่อไทยจับมือกับก้าวไกลตั้งรัฐบาลสองพรรคได้จริงๆ แล้ว ประเทศไทยจะต้องมีนายกรัฐมนตรีสองคนหรือเปล่าหนอ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี