นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญในการบริหารประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีคือตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหาร และเป็นผู้นำคณะรัฐมนตรี ตำแหน่งนี้ต้องได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้นายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองจะอวดอ้างตลอดเวลาว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ก็ต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนจะปฏิบัติหน้าที่ได้
ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรี คือตำแหน่งที่บุคคลผู้เป็นสมาชิกของคณะรัฐมนตรี หรือรัฐบาล มีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกับรัฐมนตรีทั้งคณะ ในนามรัฐบาล เพราะใช้นโยบายของรัฐบาลในการบริหารราชการของแต่ละกระทรวง โดยรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจบริหารสูงสุดในแต่ละกระทรวง
ทั้งนี้เมื่อพูดถึงคณะรัฐมนตรีจึงหมายถึงคณะบุคคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งขึ้น ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี 1 คน และรัฐมนตรีอื่นๆ อีกจำนวนไม่เกินตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยคณะรัฐมนตรีมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน
ทั้งหมดที่กล่าวในข้างต้น ยกเว้นหัวข้อบทความ คือความหมายของคำว่านายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในเชิงทฤษฎีเท่านั้น
แต่ต่อไปนี้จะกล่าวถึงความเป็นจริงของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่สาธารณชนรับรู้ โดยเฉพาะเหล่าบรรดารัฐมนตรีที่เป็นเสมือนหุ่นเชิดของเจ้าของพรรคการเมืองบางพรรค รวมถึงตัวของนายกรัฐมนตรีที่เป็นหุ่นชักของเจ้าของพรรคการเมือง
รัฐบาลชุดปัจจุบันเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 โดยนายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ
คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันประกอบไปด้วยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก34 คน โดยเศรษฐา ทวีสิน รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วย
คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยบุคคลจากพรรคการเมือง ดังต่อไปนี้ พรรคเพื่อไทยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชาติ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรค ไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในครั้งนี้ (แต่ก็ยังคงหวังว่าจะมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรีสักครั้งหนึ่งในชีวิต ตราบเท่าที่ยังร่วมรัฐบาลอยู่)
คณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ธรรมนัส พรหมเผ่า รััฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา
วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม
พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
เกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
กฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
สุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ไม่มีใครปฏิเสธว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งสำคัญของประเทศ เพราะมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงมีคำถามมาจนถึงบัดนี้ว่า บุคคลบางคนที่ได้รับตำแหน่งเหล่านี้มีคุณสมบัติเพียงพอกับการรับตำแหน่งหรือไม่ แต่คำถามที่หนักยิ่งกว่าคือ คนบางคนที่รับตำแหน่งนั้น มีสติปัญญาเพียงพอกับการทำงานในหน้าที่จริงๆ หรือ
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนมาโดยตลอดว่า การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของไทยนั้น อาจไม่จำเป็นต้องใช้บุคคลที่มีความสามารถ และไม่จำเป็นต้องมีสติปัญญาโดยแท้จริง เพราะตำแหน่งเหล่านั้นเป็นตำแหน่งที่ถูกส่งมาโดยเจ้าของพรรคการเมือง และเป็นตำแหน่งโควตาของพรรคการเมืองที่มีเก้าอี้ สส. มากถึงระดับที่ตกลงกันไว้ เช่น ได้ สส. 10-15 คน จะได้เก้าอี้กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง หรือแม้อาจจะได้ สส. ไม่ถึง 15 คน ก็อาจจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใดไปครอบครองก็ได้ ซึ่งขึ้นกับข้อตกลงทางการเมือง โดยไม่ได้ดูถึงสติปัญญาของคนที่เข้าไปรับตำแหน่งรัฐมนตรี
ดังนั้น สาธารณชนจึงเห็นชัดว่าตั้งแต่รัฐบาลล่าสุดเข้ารับหน้าที่เมื่อต้นเดือนกันยายน 2566 จวบจนบัดนี้ สาธารณชนยังไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นว่าบุคคลบางคนที่เป็นรัฐมนตรี โดยเฉพาะรัฐมนตรีช่วยว่าการบางกระทรวงนั้นทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง สาธารณชนบอกด้วยว่าไม่รู้จักชื่อไม่เคยเห็นหน้า และไม่เห็นผลงานใดๆ ของรัฐมนตรีบางคน (ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย)
สาธารณชนยังถามต่อไปว่า รัฐมนตรีจำพวกกาฝาก และรัฐมนตรีจำพวกไร้ฝีมือ ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรบ้างเลยหรือ กับการมีตำแหน่ง แต่ไม่เคยมีผลงานใดๆ ปรากฏเป็นรูปธรรม หรือว่ารัฐมนตรีเหล่านั้นพึงพอใจแค่เพียงการมีตำแหน่งรัฐมนตรีเท่านั้น แต่ไม่เคยสำนึกสำเหนียกกับการต้องทำงานทำการให้เกิดมรรคเกิดผล
ผู้อ่านลองถามตัวเองแล้วกันว่าเคยเห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมใดๆ จากเหล่ารัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลชุดนี้บ้างแล้วหากจะให้ดี ก็ขอให้ตอบให้ชัดเจนว่ารัฐมนตรีคนไหนมีผลงานเชิงประจักษ์บ้าง
อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย ชื่อของรัฐมนตรีบางรายนั้น ยังไม่เป็นที่รู้จักของสาธารณชนเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มิใช่ว่ารัฐมนตรีชื่อ (เสีย) โด่งดังบางราย จะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน เพราะบางชื่อนั้น เมื่อสาธารณชนได้ยินแค่ชื่อ ก็นึกหน้าออกโดยพลัน เพราะว่าได้เคยสร้างความเสื่อมเสียเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมมามากมายจนไม่สามารถลบลืมได้
ส่วนรัฐมนตรีบางคนก็ไม่ใช่แค่เพียงเป็นคนหน้าใหม่ในด้านการบริหารประเทศเท่านั้น เพราะความหน้าใหม่ หน้าเก่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ หากมีฝีมือบริหารราชการแผ่นดินเป็นที่ประจักษ์ สาธารณชนก็จะจดจำชื่อเสียง และหน้าตาได้อย่างไม่มีวันลบเลือน
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงบางกระทรวง ก็แค่เพียงยึดกุมตำแหน่งไปวันๆ เท่านั้น แต่ไม่เคยมีผลงานใดๆ แถมยังบริหารงานได้เลวร้ายมาก เช่น บางกระทรวงนั้น รัฐมนตรีไม่เคยแสดงฝีมือใดๆ เมื่อมีวิกฤตเกี่ยวกับงานของกระทรวง แต่เมื่อวิกฤตผ่านพ้นไป ก็ดันพาตัวออกไปโหนกระแสเพื่อให้กลายเป็นข่าว (แต่มันคือการประจานตัวเองมากกว่า) จนมีคำถามว่าเมื่อเกิดเหตุวิกฤตร้ายแรงนั้น รัฐมนตรีว่าการหาย (ศีรษะ) ไปไหน แต่เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลง จนทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะปกติ แล้วเหตุใดรัฐมนตรีว่าการจึงทะเล่อทะล่าไปโหนกระแสข่าว ต้องย้ำว่ารัฐมนตรีจำพวกนี้ เป็นพวกหิวแสง แต่ไร้สติปัญญา ไร้ฝีมือ ไร้ความรับผิดชอบโดยแท้จริง รัฐมนตรีที่มีความรับผิดชอบต่องานในหน้าที่ของตนต้องไม่หลบอยู่หลังฉาก เวลาเกิดวิกฤตเกี่ยวข้องกับงานในกระทรวงของตน ต้องไม่ปล่อยให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแก้ปัญหาไปอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย แต่เมื่อแก้ปัญหาได้แล้ว กลับปรากฏว่ารัฐมนนตรีแบกหน้าไปรับความดี ความชอบ ขอย้ำว่าพฤติกรรมแบบนี้คือ พฤติกรรมของคนไร้ความละอาย ไร้ความรับผิดชอบ และไร้ฝีมือในการทำงาน ยกเว้นแค่เพียงสร้างภาพ หาแสงใส่ตัวเองเท่านั้น
แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงบางรายที่นั่งควบตำแหน่งอื่นๆ แต่ทว่าไม่มีปัญญาดูแล บริหารงานของกระทรวงให้ดีขึ้นมาได้ มิหนำซ้ำรัฐมนตรีบางรายนอกจากไม่มีผลงานเป็นรูปธรรมแล้ว ยังตระเวนไป ตระเวนมา จนดูคล้ายเสมือนวิ่งพล่าน แต่งานไม่เดิน เข้าตำราสร้างภาพว่ามีงานวุ่นวาย แต่แท้จริงไม่มีผลงาน แล้วยังเป็นการประจานตัวเองอีกว่าเป็นได้แค่หุ่นเชิด หุ่นชักของเจ้าของพรรคเท่านั้น
สาธารณชนที่ติดตามพฤติกรรมการเมืองของเหล่านักการเมืองจำพวกมีตำแหน่งรัฐมนตรี ต่างฟันธงตรงกันว่าประมาณเดือนเมษายน อย่างช้าไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2567 รับรองว่ารัฐมนตรีหลายรายต้องกระเด็นตกเก้าอีกอย่างแน่นอน ส่วนพวกที่เกิดมาแล้วตั้งเป็นรัฐมนตรีเท่านั้น ก็จะถูกโยกย้ายไปมา ตามความต้องการของเจ้าของพรรคการเมือง และตามความต้องการของบุคคลผู้ที่สามารถควบคุมนายกรัฐมนตรีได้ส่วนผู้ควบคุมนายกรัฐมนตรีได้จะออกมาสำแดงอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดชหน้าม่านหรือไม่นั้น ต้องรอดูก่อนว่าจะมีคดีอื่นๆ ตามติดมาอีกหรือไม่ เพราะเท่าที่ทุกคนรู้ดีคือยังต้องอีกหลายคดี ส่วนจะถูกลงโทษหรือไม่นั้น ก็ขึ้นกับโชคชะตาฟ้าลิขิต และความเอาจริงเอาจังของการบังคับใช้กฎหมายไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี