อย่างที่เคยนำเรียนมาก่อนหน้านี้ความวัวยังไม่ทันหายความตัวท่านผู้นำเองก็เกิดไม่รู้จบ ไม่เรียกอาถรรพณ์ ไม่ใช่ชะตากรรมบัดซบคงยากจะอธิบายความเรื่องเหล่านี้

จากความพลั้งเผลอที่ตั้งใจจะโชว์พาวให้ลิ่วล้อชื่นชมน้ำยาการบริหารราชการแผ่นดินถึงเอ่ยปากอย่างขาดสติลืมว่ามีสื่อมวลชนทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ/โทรทัศน์ เป็นประจักษ์สักขีพยานในระหว่างการประชุมพรรคเพื่อไทยที่มีขึ้นก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีหนึ่งวัน เป็นที่มาของชะตากรรมวิบัติ เมื่อ “ศรีสุวรรณจรรยา เลขาธิการองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน” ยื่นหนังสือให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบในวงราชการ(ป.ป.ช.) สอบจริยธรรมร้ายแรง ท่านผู้นำ,หนูน้อยถุงเท้าแดง-เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานก.ตร.โดยตำแหน่ง

โชว์พาวกับสมาชิกร่วมพรรคเพื่อไทยกรณีการแต่งตั้งผู้กำกับการตำรวจคงมีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง แต่ก็เป็น “ผู้กำกับใหม่” ซึ่งจะต้องพูดคุยเรื่องนี้กันให้เข้าใจถ่องแท้ และต้องกำจัดปัญหานี้ออกไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ”

เรื่องนี้ต้องถือว่าฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.185(3) ประกอบ ม.186 วรรคสอง ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างอย่างที่ท่าน “ชมพู่ผ่าซีก - สมัคร สุนทรเวช”, “สมชายวงศ์สวัสดิ์, ปู-จ๊าดง่าวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” สิ่งมีชีวิตคอกจันทร์ส่องหล้า เคยโดน “ศาลรัฐธรรมนูญ”วินิจฉัยตัดสินให้ตายตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาแล้ว

ชะตากรรมที่วิบัติอีกด้านก็ “วิกฤตเศรษฐกิจแสนสาหัส” ขั้นประชาชนอดอยาก ท่ามกลางพฤติกรรม “นั่งแช่ง นอนแช่ง เศรษฐกิจวิกฤตขนาดต้องกู้เงิน 5 แสนล้านมาแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เชื่อได้ว่า มาตรการนี้ “มัลติพลายเออร์ - ตัวคูณทางเศรษฐกิจจะไม่เป็นพายุหมุนและไม่น่าจะเยอะ รวมทั้งไม่น่าจะส่งผลให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ โดยภาครัฐโชว์ตัวเลขคนตกงานสูงกว่า 400,000 คน, รายได้เกษตรกรวิกฤตตัวเลขหนี้ครัวเรือนอยู่ราว 16 ล้านล้านบาทแต่ปลัดกระทรวงพาณิชย์” ระบุว่าเดือนต.ค.การส่งออกขยายตัวตั้ง 8% มูลค่า 23,578 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามเรียกว่าเศรษฐกิจกำลังขาขึ้นกำลังติดเทอร์โบ เป็นผลผลิตจากต้นไม้ทิพย์ที่พยายามปลูกฝังอย่างมั่งคั่งยั่งยืนมานานพอสมควร

แต่เฮ้ย!?!อย่าเคลมฉกฉวยเอาว่านี่คือฝีมือรัฐบาลเด็ดขาด เพราะการลงทุนภาครัฐ!!ห่วยเฮงซวย เข้าใจความหมายใช่หรือไม่

ยิ่งสำรอกสำรากจาก “ท่านผู้นำ/หนูน้อยถุงเท้าแดง - เศรษฐา ทวีสิน”กระหึ่มราวฆ้องแตกว่าเศรษฐกิจวิกฤตแสนสาหัสประชาชนอดอยาก มันจึงสวนทางข้อเท็จจริง มันจึงไม่ใช่ฝีมือรัฐบาลนี้ เพราะท่านไม่รู้ความจริง...จะบอกให้เอาบุญว่า “ขอทานจีน”ลักลอบมาปักหลักทำมาหากินในแหล่งท่องเที่ยวกทม.สร้างรายได้เหยียบหนึ่งหมื่นบาทต่อวัน พรรค์นี้ฤๅที่ว่า “เศรษฐกิจวิกฤต หายนะ” หนูน้อยถุงเท้าแดงยกนิ้วโป้ง!?!?!มาดูดแทนอาการหน้าแหกก็ได้นะครับ

นิยามเรื่องความจน-คนจนของรัฐบาลนี้ยึดถือแก้ไขตามระบอบทักษิณคือ แจกเงินให้ไปเงินหมดก็หาทางแจกกระทอกใหม่ ไม่ได้ยึดติดเรื่อง มั่งคั่งยั่งยืนเท่าใดนัก เกษตรกรชาวนาเดือดร้อนข้าวราคาตกต่ำ รัฐบาลกดปุ่มแบบกองทุนหมู่บ้าน จ่ายให้เกษตรกรชาวนาผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2566/2567ไร่ละ 1,000 บาท ตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าววงเงินทั้งสิ้น 54,336 ล้านบาท กระทอกแรก 21 จังหวัด 4.68 ล้านครัวเรือน

แจกเงินช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับมาจากอิสราเอลผลพวงของสงคราม “อิสราเอล-กลุ่มติดอาวุธฮามาส” จำนวน 74 ล้านบาท

มาครบตามมาตรการคนละยำที่รัฐบาลในระบอบโจรเทวดา-ทักษิณเน้นหนัก “แจก จก จร จบ”