วันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ที่นี่แนวหน้า
ที่นี่แนวหน้า

ที่นี่แนวหน้า

วิภาวดี หลักสี่
วันเสาร์ ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
ทำอย่างไรหากไม่อยากให้ ประชากรไทยเหลือครึ่งเดียว

ดูทั้งหมด

  •  

จากข้อมูลคาดการณ์จำนวนประชากรที่ถูกเขียนบนบทความพิเศษเรื่อง “จะเป็นอย่างไรหากสังคมไทย “ตายมากกว่าเกิด” ไปเรื่อยๆ” พบว่า ภายในปี ค.ศ. 2083(พ.ศ.2626) ประชากรในประเทศไทยจะลดลงจาก66 ล้านคน เหลือเพียง 33 ล้านคน โดยในจำนวนนี้จะมีเพียง 14 ล้านคนที่เป็นประชากรวัยแรงงาน(อายุ 15-64 ปี) จากปัจจุบันที่มีประชากรวัยแรงงานอยู่ถึง 46 ล้านคน ยิ่งไปกว่านั้นเราจะพบว่า ประชากรผู้สูงวัยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปจะเพิ่มมากขึ้นจาก 8 ล้านคน
เป็น 18 ล้านคน

โดยจากสัดส่วนนี้จะเห็นว่า ในปี ค.ศ. 2083 ประเทศไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนประชากรในประเทศ ซึ่งตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงการก้าวสู่สังคมสูงวัยระดับสูงสุดของประเทศไทย นอกจากนี้ การที่ประชากรวัยแรงงานในประเทศไทยมีจำนวนที่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงความอยู่รอดของภาคธุรกิจ ความเป็นอยู่ของคนในชาติ หรือแม้แต่ความมั่นคงระดับประเทศได้


ในบทความนี้จึงต้องการนำเสนอเกี่ยวกับ“วิธีที่เป็นไปได้ในการเพิ่มอัตราเจริญพันธุ์ของประชากรไทย” เพื่อตอบคำถามที่ว่า “ต้องทำอย่างไรหากไม่ต้องการให้คนไทยเหลือเพียงครึ่งประเทศ” ซึ่งจากสาเหตุดังที่กล่าวไว้ข้างต้นผู้เขียนจึงได้ทำการรวบรวมเหตุผลสนับสนุนที่อาจช่วยในการแก้ไขปัญหาในเรื่องของอัตราการเจริญพันธุ์ของประเทศ ได้แก่

1.การเสริมสร้างทัศนคติ และค่านิยมคนรุ่นใหม่ ในการสร้างครอบครัว และบุตรในวัยอันควร เนื่องจากในปัญหาเรื่องของการคาดการณ์จำนวนประชากรไทย ในปี ค.ศ. 2083 พบว่าประชากรจะเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงอัตราการเกิดที่ลดลงและเมื่อดูจากผลงานวิจัยของ พวงประยงค์ (2018) ในเรื่องของความต้องการมีบุตรในอนาคต โดยใช้ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ผู้หญิงในช่วงอายุ15-49 ปีที่แต่งงานแล้ว จำนวน 15,661 ราย มีเพียงร้อยละ 18.8 เท่านั้นที่ต้องการมีลูก การที่เราเสริมสร้างทัศนคติและค่านิยมให้กับคนรุ่นใหม่ในเรื่องของการมีบุตรและการสร้างครอบครัวจึงเป็นการแก้ปัญหาได้ที่ต้นเหตุ

2.การผลักดันให้รัฐบาลมีมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้ครอบครัวที่มีเด็กอายุ 0-5 ปี โดยผลการสำรวจจากนิด้าโพล (2023) เรื่องของการอยากมีลูกของคนกลุ่มอายุ 18-40 ปี พบว่า “คนที่ไม่อยากมีลูกมีความกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกมากที่สุด”โดยคิดเป็นร้อยละ 38.32 ผลสำรวจยังพบอีกว่า “มาตรการที่ต้องการให้รัฐสนับสนุนมากที่สุด 3 อันดับแรก” คือต้องการให้มีการสนับสนุนการศึกษาฟรี ต้องการให้รัฐอุดหนุนค่าเลี้ยงดูลูก และลดภาษีเงินได้สำหรับคนมีลูก ซึ่งถ้ารัฐมีมาตรการเหล่านี้อาจทำให้ประชาชนมีความสนใจในการมีลูกมากยิ่งขึ้น

3.ส่งเสริมการจัดตั้งสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยอายุต่ำกว่า 2 ปี เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูเด็กอ่อนก่อนวัยเรียนในเวลากลางวัน สำหรับครอบครัวที่พ่อแม่ออกไปทำงาน ซึ่งหลายบริษัทที่มีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย หรือ child care คนทำงานมีแนวโน้มที่จะมีคุณภาพมากกว่าไม่มีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เนื่องจากพ่อแม่ทำงานได้เต็มที่ไม่ต้องพะวงกังวลใจเรื่องดูแลลูกในช่วงเวลาทำงาน

4.การให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาภาระมีบุตรยากให้เข้าถึงการรักษา โดยเฉพาะสตรีที่อายุยังน้อย เพื่อลดภาวะการมีบุตรยากในคู่สมรสที่อายุสูงขึ้น แนวคิดนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ พญ.อัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาการแทนอธิบดีกรมอนามัย ที่ต้องการให้กรมอนามัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการในเรื่องของการมีคลินิกส่งเสริมการมีบุตรจังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการการรักษาภาวะมีบุตรยากได้เร็วขึ้นในอายุที่น้อยลง และเพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตร

ทั้งนี้ พญ.อัจฉรา ได้เสนอแนะเพิ่มว่า การมี child care ในทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน อาจช่วยลดประเด็นบทบาทที่ขัดกันระหว่างการทำงานกับการเลี้ยงดูบุตรได้ และถือเป็นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ไม่ได้ถือเป็นการสิ้นเปลือง ขณะที่ รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ได้ให้สัมภาษณ์บน The Coverage (2023) มีการเสนอให้ทุกโรงงานที่มีคนงานตั้งแต่ 300 คนขึ้นไป สนับสนุนบุคลากรในโรงงานของตน โดยการทำศูนย์เลี้ยงเด็กเล็กในทุกๆ โรงงาน รวมไปถึงศูนย์เลี้ยงเด็กพื้นฐานในตำบล ซึ่งอาจเกิดจากการร่วมมือระหว่างรัฐกับนายจ้าง

นอกจากนี้ แรงงานนอกระบบประมาณ 20 ล้านคน(เกษตรกรประมาณ 12 ล้านคน อาชีพอิสระ เช่น หาบเร่แผงลอย ประมาณ 8 ล้านคน) ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า แม้เกษตรกรจะสามารถสร้างผลผลิตได้ แต่คนงานจะอยู่ได้ด้วยการซื้อขายเพียงอย่างเดียว การแจกหรือบริจาคจึงเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของการพัฒนา การส่งเสริม หรือดึงดูดให้คนอยากมีลูกจึงถือเป็นหนทางที่ดีและยั่งยืน

กล่าวโดยสรุปคือ “ปัจจุบันสังคมไทยที่กำลังเผชิญกับปัญหาการลดลงของประชากร ซึ่งอาจก้าวไปสู่วิกฤตด้านเศรษฐกิจและสังคมได้หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน” ซึ่งในบทความนี้ได้นำเสนอแนวทางที่หลากหลายเพื่อแก้ไขปัญหาลดลงของจำนวนประชากรของประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีบุตร และการสนับสนุนด้านโครงสร้างทางสังคมในทุกขั้นตอนและทุกช่วงวัยของชีวิต ตลอดจนถึงการส่งเสริมทัศนคติและค่านิยมที่สนับสนุนการสร้างครอบครัวและการมีบุตรในสังคมไทย และแม้มีแนวทางการแก้ปัญหาหรือผลักดันการมีบุตร อย่างไรก็ตามทุกท่านต้องไม่ลืมตระหนักถึงความจริงที่ว่า

“ถ้าอยากให้ประชากรเพิ่ม ก็ต้องคิดว่ามาตรฐานการดำรงชีวิตที่สามารถเพิ่มประชากรได้คืออะไร เมื่ออยากจะใช้ประโยชน์จากมนุษย์ แต่ไม่ยอมลงทุนกับมนุษย์
แบบนี้หมายความว่าอย่างไร อยากมีกำไร เพียงแค่ลงทุนก็ได้กำไร แต่กำไรนั้นก็มาจากมนุษย์ แล้วจะไม่ลงทุนกับมนุษย์อย่างนั้นหรือ” ดังบทสัมภาษณ์ที่ถูกเผยแพร่ของรศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ บน The Coverage (2566)

หมายเหตุ : บทความนี้เดิมชื่อ “ต้องทำอย่างไร หากไม่ต้องการให้ประชากรไทยเหลือเพียงครึ่งประเทศ”

สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์

แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
09:58 น. เปิดคลิปชัดแจ๋ว!! 'เขมร'รื้อรั้วลวดหนาม-ทำร้ายจนท.ไทย
09:56 น. ‘อภิสิทธิ์-มาดามแป้ง’การจับคู่ที่ลงตัว กับเดิมพันครั้งสำคัญ คืนชีพ‘ประชาธิปัตย์’
09:38 น. ชาวบ้านโวย เด็กแว้นป่วนเมือง แข่งรถสนั่นถนนทั้งคืน
09:37 น. 'นิพิฏฐ์'ขอคารวะ'เจ๊ปอง' ยกเป็นคนใจใหญ่-กล้าหาญ ยอมรับกติกาบ้านเมือง ไม่หนี
08:52 น. ‘สอวช.-APEC CTF’จับมือ 12 หน่วยงาน จัดตั้ง‘ภาคีเครือข่ายการคาดการณ์อนาคตแห่งประเทศไทย’
ดูทั้งหมด
ออกครบแล้ว! ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กันยายน 2568
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงกายกรรมจากจีน
'มล.รจนาธร'โพสต์ขอบคุณ'ลิซ่า ลลิษา' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards
(คลิป) 'ฮุนเซน' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในเขมร
ดูทั้งหมด
อลัชชีหุ้มจีวร
‘หนู-1’รัฐบาลชั่วคราวไม่ค้างคืน
ไทยต้องปรับปรุงด่วน ถ้ายังอยากอยู่ในสายตานักลงทุนโลก
หนึ่งวันพันเหตุการณ์
แลนด์บริดจ์ ยุคนายกฯอนุทิน
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดคลิปชัดแจ๋ว!! 'เขมร'รื้อรั้วลวดหนาม-ทำร้ายจนท.ไทย

ชาวบ้านโวย เด็กแว้นป่วนเมือง แข่งรถสนั่นถนนทั้งคืน

'นิพิฏฐ์'ขอคารวะ'เจ๊ปอง' ยกเป็นคนใจใหญ่-กล้าหาญ ยอมรับกติกาบ้านเมือง ไม่หนี

ไทยต้องใจแข็ง! 'อดีตบิ๊กข่าวกรอง'ลั่นเขมรไร้ปัญญาสู้ ส่งปชช.มาเจ็บตัว สร้างภาพฟ้องชาวโลก

อ่างทองฝนตกหนัก น้ำท่วมขังทั้งเมือง เร่งสูบน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา

'ผบ.ทร.'บินปักกิ่ง ลงนามแก้สัญญาเรือดำน้ำ ขยายเวลากำหนดส่งมอบปลายปี 71

  • Breaking News
  • เปิดคลิปชัดแจ๋ว!! \'เขมร\'รื้อรั้วลวดหนาม-ทำร้ายจนท.ไทย เปิดคลิปชัดแจ๋ว!! 'เขมร'รื้อรั้วลวดหนาม-ทำร้ายจนท.ไทย
  • ‘อภิสิทธิ์-มาดามแป้ง’การจับคู่ที่ลงตัว กับเดิมพันครั้งสำคัญ คืนชีพ‘ประชาธิปัตย์’ ‘อภิสิทธิ์-มาดามแป้ง’การจับคู่ที่ลงตัว กับเดิมพันครั้งสำคัญ คืนชีพ‘ประชาธิปัตย์’
  • ชาวบ้านโวย เด็กแว้นป่วนเมือง แข่งรถสนั่นถนนทั้งคืน ชาวบ้านโวย เด็กแว้นป่วนเมือง แข่งรถสนั่นถนนทั้งคืน
  • \'นิพิฏฐ์\'ขอคารวะ\'เจ๊ปอง\' ยกเป็นคนใจใหญ่-กล้าหาญ ยอมรับกติกาบ้านเมือง ไม่หนี 'นิพิฏฐ์'ขอคารวะ'เจ๊ปอง' ยกเป็นคนใจใหญ่-กล้าหาญ ยอมรับกติกาบ้านเมือง ไม่หนี
  • ‘สอวช.-APEC CTF’จับมือ 12 หน่วยงาน จัดตั้ง‘ภาคีเครือข่ายการคาดการณ์อนาคตแห่งประเทศไทย’ ‘สอวช.-APEC CTF’จับมือ 12 หน่วยงาน จัดตั้ง‘ภาคีเครือข่ายการคาดการณ์อนาคตแห่งประเทศไทย’
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

เฉลิมฉลอง 75 ปี ‘Snoopy’ ชมความน่ารักของ ‘เจ้าหมาน้อย’ ในงานนิทรรศการระดับโลก

เฉลิมฉลอง 75 ปี ‘Snoopy’ ชมความน่ารักของ ‘เจ้าหมาน้อย’ ในงานนิทรรศการระดับโลก

13 ก.ย. 2568

‘ILD 2568’ การส่งเสริมการรู้หนังสือในยุคดิจิทัล

‘ILD 2568’ การส่งเสริมการรู้หนังสือในยุคดิจิทัล

6 ก.ย. 2568

​ถ้าจะขับ…‘ห้ามดื่ม’ บทเรียนจากกรณี ‘มารี เบิร์นเนอร์’

​ถ้าจะขับ…‘ห้ามดื่ม’ บทเรียนจากกรณี ‘มารี เบิร์นเนอร์’

30 ส.ค. 2568

โชว์ความเป็นหนึ่ง ‘กุ้งก้ามกราม’ สัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย

โชว์ความเป็นหนึ่ง ‘กุ้งก้ามกราม’ สัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย

23 ส.ค. 2568

​ส่งเสริมการท่องเที่ยว ‘Sport-Festival’ ปักหมุด ‘ปากพนัง’ จุดหมายกีฬาทางน้ำ

​ส่งเสริมการท่องเที่ยว ‘Sport-Festival’ ปักหมุด ‘ปากพนัง’ จุดหมายกีฬาทางน้ำ

16 ส.ค. 2568

‘TECH-TOPIA’เปิดโลกแห่งจินตนาการ ‘อว.แฟร์’ ทะยานสู่...โลกอนาคต

‘TECH-TOPIA’เปิดโลกแห่งจินตนาการ ‘อว.แฟร์’ ทะยานสู่...โลกอนาคต

9 ส.ค. 2568

เรื่องเล่างานวิจัยเมืองกาญจน์ ลดเผาอ้อยต้องเข้าใจรอบด้าน

เรื่องเล่างานวิจัยเมืองกาญจน์ ลดเผาอ้อยต้องเข้าใจรอบด้าน

2 ส.ค. 2568

เปิดเวทีฟังความเห็น (ร่าง)บริหารบัตรทองปี’69

เปิดเวทีฟังความเห็น (ร่าง)บริหารบัตรทองปี’69

26 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved