วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ที่นี่แนวหน้า
ที่นี่แนวหน้า

ที่นี่แนวหน้า

วิภาวดี หลักสี่
วันเสาร์ ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
ทำอย่างไรหากไม่อยากให้ ประชากรไทยเหลือครึ่งเดียว

ดูทั้งหมด

  •  

จากข้อมูลคาดการณ์จำนวนประชากรที่ถูกเขียนบนบทความพิเศษเรื่อง “จะเป็นอย่างไรหากสังคมไทย “ตายมากกว่าเกิด” ไปเรื่อยๆ” พบว่า ภายในปี ค.ศ. 2083(พ.ศ.2626) ประชากรในประเทศไทยจะลดลงจาก66 ล้านคน เหลือเพียง 33 ล้านคน โดยในจำนวนนี้จะมีเพียง 14 ล้านคนที่เป็นประชากรวัยแรงงาน(อายุ 15-64 ปี) จากปัจจุบันที่มีประชากรวัยแรงงานอยู่ถึง 46 ล้านคน ยิ่งไปกว่านั้นเราจะพบว่า ประชากรผู้สูงวัยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปจะเพิ่มมากขึ้นจาก 8 ล้านคน
เป็น 18 ล้านคน

โดยจากสัดส่วนนี้จะเห็นว่า ในปี ค.ศ. 2083 ประเทศไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนประชากรในประเทศ ซึ่งตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงการก้าวสู่สังคมสูงวัยระดับสูงสุดของประเทศไทย นอกจากนี้ การที่ประชากรวัยแรงงานในประเทศไทยมีจำนวนที่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงความอยู่รอดของภาคธุรกิจ ความเป็นอยู่ของคนในชาติ หรือแม้แต่ความมั่นคงระดับประเทศได้


ในบทความนี้จึงต้องการนำเสนอเกี่ยวกับ“วิธีที่เป็นไปได้ในการเพิ่มอัตราเจริญพันธุ์ของประชากรไทย” เพื่อตอบคำถามที่ว่า “ต้องทำอย่างไรหากไม่ต้องการให้คนไทยเหลือเพียงครึ่งประเทศ” ซึ่งจากสาเหตุดังที่กล่าวไว้ข้างต้นผู้เขียนจึงได้ทำการรวบรวมเหตุผลสนับสนุนที่อาจช่วยในการแก้ไขปัญหาในเรื่องของอัตราการเจริญพันธุ์ของประเทศ ได้แก่

1.การเสริมสร้างทัศนคติ และค่านิยมคนรุ่นใหม่ ในการสร้างครอบครัว และบุตรในวัยอันควร เนื่องจากในปัญหาเรื่องของการคาดการณ์จำนวนประชากรไทย ในปี ค.ศ. 2083 พบว่าประชากรจะเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงอัตราการเกิดที่ลดลงและเมื่อดูจากผลงานวิจัยของ พวงประยงค์ (2018) ในเรื่องของความต้องการมีบุตรในอนาคต โดยใช้ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ผู้หญิงในช่วงอายุ15-49 ปีที่แต่งงานแล้ว จำนวน 15,661 ราย มีเพียงร้อยละ 18.8 เท่านั้นที่ต้องการมีลูก การที่เราเสริมสร้างทัศนคติและค่านิยมให้กับคนรุ่นใหม่ในเรื่องของการมีบุตรและการสร้างครอบครัวจึงเป็นการแก้ปัญหาได้ที่ต้นเหตุ

2.การผลักดันให้รัฐบาลมีมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้ครอบครัวที่มีเด็กอายุ 0-5 ปี โดยผลการสำรวจจากนิด้าโพล (2023) เรื่องของการอยากมีลูกของคนกลุ่มอายุ 18-40 ปี พบว่า “คนที่ไม่อยากมีลูกมีความกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกมากที่สุด”โดยคิดเป็นร้อยละ 38.32 ผลสำรวจยังพบอีกว่า “มาตรการที่ต้องการให้รัฐสนับสนุนมากที่สุด 3 อันดับแรก” คือต้องการให้มีการสนับสนุนการศึกษาฟรี ต้องการให้รัฐอุดหนุนค่าเลี้ยงดูลูก และลดภาษีเงินได้สำหรับคนมีลูก ซึ่งถ้ารัฐมีมาตรการเหล่านี้อาจทำให้ประชาชนมีความสนใจในการมีลูกมากยิ่งขึ้น

3.ส่งเสริมการจัดตั้งสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยอายุต่ำกว่า 2 ปี เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูเด็กอ่อนก่อนวัยเรียนในเวลากลางวัน สำหรับครอบครัวที่พ่อแม่ออกไปทำงาน ซึ่งหลายบริษัทที่มีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย หรือ child care คนทำงานมีแนวโน้มที่จะมีคุณภาพมากกว่าไม่มีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เนื่องจากพ่อแม่ทำงานได้เต็มที่ไม่ต้องพะวงกังวลใจเรื่องดูแลลูกในช่วงเวลาทำงาน

4.การให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาภาระมีบุตรยากให้เข้าถึงการรักษา โดยเฉพาะสตรีที่อายุยังน้อย เพื่อลดภาวะการมีบุตรยากในคู่สมรสที่อายุสูงขึ้น แนวคิดนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ พญ.อัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาการแทนอธิบดีกรมอนามัย ที่ต้องการให้กรมอนามัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการในเรื่องของการมีคลินิกส่งเสริมการมีบุตรจังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการการรักษาภาวะมีบุตรยากได้เร็วขึ้นในอายุที่น้อยลง และเพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตร

ทั้งนี้ พญ.อัจฉรา ได้เสนอแนะเพิ่มว่า การมี child care ในทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน อาจช่วยลดประเด็นบทบาทที่ขัดกันระหว่างการทำงานกับการเลี้ยงดูบุตรได้ และถือเป็นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ไม่ได้ถือเป็นการสิ้นเปลือง ขณะที่ รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ได้ให้สัมภาษณ์บน The Coverage (2023) มีการเสนอให้ทุกโรงงานที่มีคนงานตั้งแต่ 300 คนขึ้นไป สนับสนุนบุคลากรในโรงงานของตน โดยการทำศูนย์เลี้ยงเด็กเล็กในทุกๆ โรงงาน รวมไปถึงศูนย์เลี้ยงเด็กพื้นฐานในตำบล ซึ่งอาจเกิดจากการร่วมมือระหว่างรัฐกับนายจ้าง

นอกจากนี้ แรงงานนอกระบบประมาณ 20 ล้านคน(เกษตรกรประมาณ 12 ล้านคน อาชีพอิสระ เช่น หาบเร่แผงลอย ประมาณ 8 ล้านคน) ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า แม้เกษตรกรจะสามารถสร้างผลผลิตได้ แต่คนงานจะอยู่ได้ด้วยการซื้อขายเพียงอย่างเดียว การแจกหรือบริจาคจึงเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของการพัฒนา การส่งเสริม หรือดึงดูดให้คนอยากมีลูกจึงถือเป็นหนทางที่ดีและยั่งยืน

กล่าวโดยสรุปคือ “ปัจจุบันสังคมไทยที่กำลังเผชิญกับปัญหาการลดลงของประชากร ซึ่งอาจก้าวไปสู่วิกฤตด้านเศรษฐกิจและสังคมได้หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน” ซึ่งในบทความนี้ได้นำเสนอแนวทางที่หลากหลายเพื่อแก้ไขปัญหาลดลงของจำนวนประชากรของประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีบุตร และการสนับสนุนด้านโครงสร้างทางสังคมในทุกขั้นตอนและทุกช่วงวัยของชีวิต ตลอดจนถึงการส่งเสริมทัศนคติและค่านิยมที่สนับสนุนการสร้างครอบครัวและการมีบุตรในสังคมไทย และแม้มีแนวทางการแก้ปัญหาหรือผลักดันการมีบุตร อย่างไรก็ตามทุกท่านต้องไม่ลืมตระหนักถึงความจริงที่ว่า

“ถ้าอยากให้ประชากรเพิ่ม ก็ต้องคิดว่ามาตรฐานการดำรงชีวิตที่สามารถเพิ่มประชากรได้คืออะไร เมื่ออยากจะใช้ประโยชน์จากมนุษย์ แต่ไม่ยอมลงทุนกับมนุษย์
แบบนี้หมายความว่าอย่างไร อยากมีกำไร เพียงแค่ลงทุนก็ได้กำไร แต่กำไรนั้นก็มาจากมนุษย์ แล้วจะไม่ลงทุนกับมนุษย์อย่างนั้นหรือ” ดังบทสัมภาษณ์ที่ถูกเผยแพร่ของรศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ บน The Coverage (2566)

หมายเหตุ : บทความนี้เดิมชื่อ “ต้องทำอย่างไร หากไม่ต้องการให้ประชากรไทยเหลือเพียงครึ่งประเทศ”

สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์

แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:51 น. โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย
22:39 น. ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต
22:23 น. 'วุฒิสภากัมพูชา'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ
22:07 น. ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน
22:04 น. ‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ
ดูทั้งหมด
อื้อหือ! เพจดังเปิดภาพ 'สีกากอล์ฟ' ย้อนอดีต 10 ปี ไม่แปลกใจทำไมพระหวั่นไหว
'สีกากอล์ฟ'ฟาดเรียบ ทั้งเจ้าอาวาส ทั้งคนขับรถ สารภาพถูกชวนมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
วินาที'ในหลวง'ส่งสัญญาณพระหัตถ์ถึง'พระราชินี' ทรงรีบเข้าประคองพระองค์อย่างว่องไว
‘สม รังสี’แฉเหยื่อกว่า 120,000 คนในกัมพูชา ถูกขังใน 53 ตึก โดนบังคับใช้เป็นทาสมาเฟียจีน
ชุดทหารพรานก็ไม่รอด!! เขมรแต่งเครื่องแบบคล้ายชุดทหารพรานไทย สวนสนามต้อนรับ'ฮุน มาเนต'
ดูทั้งหมด
เรามีระบบตรวจสอบ หรือมีแต่ใบอนุญาตที่ซื้อได้?
บุคคลแนวหน้า : 16 กรกฎาคม 2568
ทับละมุ
เชลียร์จนได้เรื่อง!
รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แบบเอาหน้าประชานิยม
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต

‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ

ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน

'เก๋ไก๋'โพสต์ครั้งแรก! พ้ออายุ28แล้วยังผิดพลาดตลอด หลังเจอดราม่าใส่กางเกงรัดรูปเข้าวัด

(คลิป) ด่วน! 6พรรคร่วมซวยแน่ ปมหัวหน้าพรรคพบ 'ทักษิณ'

นักท่องเที่ยวต่างชาติมือบอน พ่นสีหัวรถจักร-ตู้โดยสารรถไฟเสียหาย

  • Breaking News
  • โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย
  • ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต
  • \'วุฒิสภากัมพูชา\'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ 'วุฒิสภากัมพูชา'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ
  • ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน
  • ‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ ‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ฝนตก-น้ำท่วม-ก่อสร้าง พึงระมัดระวังไฟดูด-ไฟรั่ว

ฝนตก-น้ำท่วม-ก่อสร้าง พึงระมัดระวังไฟดูด-ไฟรั่ว

12 ก.ค. 2568

ใช้‘เอไอ’อย่างพึงระวัง ‘สมองมนุษย์’ถูกลดทอน

ใช้‘เอไอ’อย่างพึงระวัง ‘สมองมนุษย์’ถูกลดทอน

5 ก.ค. 2568

พิพาท‘ไทย-กัมพูชา’ ในมุมกลไกระหว่างประเทศ

พิพาท‘ไทย-กัมพูชา’ ในมุมกลไกระหว่างประเทศ

28 มิ.ย. 2568

ครูถูกพรากเวลาสอน แถมกลายเป็นอาชีพเสี่ยง

ครูถูกพรากเวลาสอน แถมกลายเป็นอาชีพเสี่ยง

21 มิ.ย. 2568

‘Caregiver’ขาดแคลน ‘สูงวัย’ยอดพุ่งใครดูแล?

‘Caregiver’ขาดแคลน ‘สูงวัย’ยอดพุ่งใครดูแล?

14 มิ.ย. 2568

‘เข้าใจวิธีคิดผู้เห็นต่าง’ ทักษะยุคสังคมแบ่งพวก

‘เข้าใจวิธีคิดผู้เห็นต่าง’ ทักษะยุคสังคมแบ่งพวก

7 มิ.ย. 2568

‘ภาคีอาสา’ดัน‘เชียงราย’ เดินหน้าสู่เมืองแห่งความสุข

‘ภาคีอาสา’ดัน‘เชียงราย’ เดินหน้าสู่เมืองแห่งความสุข

31 พ.ค. 2568

ถ่ายโอน‘รพ.สต.’สู่‘อบจ.’ ต้นแบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ

ถ่ายโอน‘รพ.สต.’สู่‘อบจ.’ ต้นแบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ

24 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved