รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องการให้เศรษฐกิจของประเทศดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ตนเองเป็นผู้ยึดกุมอำนาจรัฐไว้ในกำมือ ดังนั้น รัฐบาลจึงมักจะทำอะไรก็ได้ และทำได้ทุกอย่าง หากทำแล้วพบว่าตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น เพราะอย่างน้อยที่สุดก็ใช้อ้างได้ว่าเป็นผลงานของตนเอง
แต่การทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีได้นั้น มาจากหลากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ ซึ่งแต่ละปัจจัยก็เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญที่รัฐบาลจะสามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะปัจจัยภายนอกประเทศนั้นเป็นเรื่องที่ต้องบอกตรงๆ ว่ารัฐบาลไทยไม่มีปัญญาเข้าไปควบคุมได้เป็นอันขาด
สำหรับการแจกเงิน หรือการหว่านเงินนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายที่สุด และใช้สร้างคะแนนนิยมการเมืองได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในประเทศที่มีประชาชนที่เห็นแก่ได้ ชอบของฟรี แต่ไม่คำนึงถึงหลักความจริงว่า ของฟรีไม่เคยมีบนโลกใบนี้ เพราะทุกอย่างล้วนมีต้นทุน แล้วยิ่งของหรือเงินที่นักการเมืองหว่านแจกนั้น ก็ย่อมต้องมีต้นทุนที่แพงมหาศาล เพราะนักการเมืองในบ้านเรานั้นมักจะมีพฤติกรรมฉ้อฉล และเล่นกลสารพัดชนิดเมื่อหว่านแจกเงินให้ประชาชน ซึ่งก็เป็นความจริงมาโดยตลอดว่าเงินที่นักการเมืองหว่านแจกนั้นส่วนมากไม่ได้ตกถึงมือประชาชน แต่จะตกอยู่ในมือของนักการเมืองและพวกพ้องเป็นส่วนใหญ่
เงินที่รัฐบาลหว่านแจกให้ประชาชนมาจากไหน คำถามนี้มักไม่ค่อยถูกถามในหมู่ประชาชนที่เห็นแก่ได้ แล้วหลงคิดว่ารัฐบาลนำเงินของรัฐบาลออกมาแจกจ่าย ซึ่งต้องบอกเลยว่า ไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดในประเทศไทยควักเงินจากกระเป๋าตัวเองออกมาหว่านแจกให้ประชาชน แต่ทุกรัฐบาลใช้เงินที่มาจากภาษีอากรของประชาชนเป็นเครื่องมือสร้างคะแนนนิยมการเมืองให้ตนเองทั้งสิ้น
ข้ออ้างที่เหมือนๆ กันของรัฐบาลจอมหว่านเงินก็คือเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศดีมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีเงินใช้จ่าย โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนที่ยากจน เพื่อให้เงินไปหมุนในระบบเศรษฐกิจได้หลายๆ รอบ แล้วในที่สุดก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวแล้วเติบโตขึ้น รัฐบาลก็จะเก็บภาษีได้มากขึ้น GDP ก็จะโตขึ้น เราได้ยินข้ออ้างแบบนี้มาโดยตลอดเมื่อรัฐบาลจะหว่านเงินให้ประชาชน
รัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยมีความต้องการจะแจกเงินให้ประชาชนให้จงได้เพราะสาเหตุสำคัญคือ พรรคเพื่อไทย หาเสียงเรื่องนี้ไว้แล้ว ดังนั้น หากไม่แจกเงินให้ได้ ก็เกรงว่าจะเสียคะแนนนิยม การเลือกตั้งในครั้งหน้าก็จะประสบความพ่ายแพ้ โอกาสที่จะได้เป็นรัฐบาลเพียงพรรคเดียวก็จะหมดไป ถึงแม้การเลือกตั้ง สส. ครั้งที่เพิ่งผ่านมาพรรคเพื่อไทยตั้งความหวังจะได้รับชัยชนะแบบlandslide แต่สุดท้ายได้คะแนนมาเป็นอันดับสอง รองจากพรรคก้าวไกล ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยโฆษณาหาเสียงว่าจะแจกเงินให้ประชาชนกลุ่มที่เข้ากฎเกณฑ์ซึ่งพรรคได้กำหนดไว้
การหาเสียงเรื่องแจกเงินคนละ 1 หมื่นบาทโดยพรรคเพื่อไทยมีความมหัศจรรย์มาก เพราะสัญญาแบบผูกมัดตัวเองคล้ายทำนองคนที่ต้อนตัวเองเข้ามุมอับน่าอัศจรรย์ใจตรงที่พรรคเพื่อไทยกล้าสัญญาในเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะสามารถแจกเงินได้จริงหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามีเงินในคลังเพียงพอกับการแจกหรือไม่ แต่ก็กลับพูดจามัดตัวเองว่าสามารถแจกเงินได้โดยไม่ต้องกู้เงิน ไม่ต้องสร้างภาระหนี้สินก้อนมหึมาให้ประเทศ
แต่สุดท้ายเมื่อเพื่อไทยมีอำนาจรัฐ และมีฐานะเป็นแกนนำรัฐบาลก็ปรากฏว่าสิ่งที่เพื่อไทยฝันไว้นั้นไม่สามารถเป็นจริงได้ เพราะในคลังหลวงไม่มีเงินเพียงพอให้เพื่อไทยนำไปหว่านได้ เมื่อเงินไม่มี ก็จำเป็นต้องขอกู้เพื่อนำไปหว่าน แต่การจะก่อหนี้จำนวนมหาศาล (อย่างน้อยประมาณ 5 แสนล้านบาท) ให้ประเทศไม่ใช่สิ่งที่เพื่อไทยมีปัญญาทำได้โดยพลการ เพราะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ในเชิงการเมือง และเชิงกฎหมาย แล้วยังต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลอีกหลายขั้นตอน สุดท้ายแล้วเพื่อไทยก็พบว่าสิ่งที่เพ้อฝันไว้ในช่วงหาเสียงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ เพราะเสี่ยงทำผิดกฎหมาย ดังนั้น เพื่อไทยจึงเกิดอาการฝันค้าง แต่ก็ยังคงปากกล้าว่าจะแจกเงินให้จงได้ ขณะเดียวกัน เพื่อไทยก็เกิดอาการโมโหโกรธาเมื่อถูกวิญญูชนและสาธารณชนตั้งคำถามอย่างหนักถือเรื่องการแจกเงิน และถามถึงผลกระทบต่อประเทศในกรณีต้องกู้เงินไปแจก แล้วยังมีคำถามตามมาอีกว่าหากแจกเงินแล้ว เศรษฐกิจไม่ดีขึ้น เพื่อไทยจะมีปัญญารับผิดชอบหรือ จะรับผิดชอบอย่างไร แล้วหากทำผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีจากเพื่อไทยจะหนีคดีหรือไม่
วันนี้เพื่อไทยยังคงอ้างว่าจะแจกเงิน 1 หมื่นบาทต่อไป ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินให้แจก ซึ่งสาธารณชนต้องตามดูต่อว่า ในที่สุดแล้วเพื่อไทยจะกล้าแจกเงินหรือไม่จะเอาเงินจากไหนมาแจก แล้วถ้าหากทำผิดกฎหมายกลุ่มผู้ดึงดันจะแจกเงินจะหลบหนีคดีอาญาไปซ่อนตัวอยู่ในประเทศไหน เตรียมที่หนีคดีไว้แล้วใช่หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี